การเดินทางทัวร์เยี่ยมชมค่ายยานยนต์จีน GAC AION TRIPS ณ เมืองกวางโจว by Rwang (อาหวาง)

 

ก่อนอื่นต้องขออนุญาตเกริ่นก่อนว่าผมเคยเดินทางไปประเทศจีนเมื่อ 13 ปีก่อน เพื่อไปเรียนแรกเปลี่ยนภาษาจีนที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง ใน เมืองปักกิ่ง ทางตอนเหนือของประเทศจีน โดยในครั้งนั้นผมได้เห็นประเทศจีนครั้งแรก ซึ่งบ้านเมืองค่อนข้างจะมีวัฒนธรรมตะวันตกผสมอยู่พอสมควร รวมถึงรถยนต์หลายรุ่นที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ รวมถึงผลิตในประเทศ แต่ยังไม่ค่อยมีรถยนต์แบรนด์จีนมากนัก ถนนหนทางก่อสร้างดี และผู้คนก็ยังนิยมการเดินทางขนส่งสารธารณะมากกว่า

 

เมื่อวันที่ 8-10 พฤศจิกายน 2566 ผมได้มีโอกาสเดินทางกลับไปยังประเทศจีนอีกครั้งในฐานะสื่อมวลชน เพื่อไปเยี่ยมชมโรงงานผลิตรถยนต์จากบริษัท GAC AION ณ มณฑลกวางตุ้ง เมืองกวางโจว รวมถึงสัมผัสกับนวัตกรรมยานยนต์ใหม่ๆจากทางบริษัท GAC AION

 

เกริ่นกันมาพอสมควรทั้งประสบการณ์และการเดินทาง ถึงเวลารัดเข็มขัดจัดกระเป๋าออกเดินทางกันได้เลย ก่อนเดินทางแอบตื่นเต้นเล็กน้อยเพราะเราเคยเรียนภาษาจีนมา ไม่มั่นใจตัวเองว่ายังจำภาษาได้หรือไม่ เผื่อจะนำมาใช้ประโยชน์ในการฟังเขาอธิบายที่โรงงานได้ เช้าตรู่ของวันที่ 8 ออกเดินทางสู่สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อขึ้นเครื่องเดินทางไปยังเมืองกวางโจวตอน 10 โมง เมื่อถึงเวลาขึ้นเครื่อง ผมและพี่ๆน้องๆสื่อมวลชนก็ต่างพากันขึ้นเครื่องด้วยความง่วง สลับกับพูดคุยถึงทริปในครั้งนี้ว่าเราจะต้องทำอะไรกันบ้าง เตรียมตัวที่จะถ่ายทำอะไรกัน แม้ตอนอยู่บนเครื่องก็แลกเปลี่ยนประสบการณ์ชีวิตกันมากมายเหมือนทริปพบเพื่อนใหม่ที่เจอกันครั้งแรก เวลาผ่านไป 2 ชั่วโมง เครื่องบินก็เดินทางมาถึงสนามบิน Guang Zhou – Baiyun ซึ่งเป็นสนามบินหลักที่มณฑลกวางโจว เมื่อลงจากเครื่องบินก็เข้าตามขั้นตอนการเข้าประเทศ สัมภาษณ์พร้อมตรวจเอกสารเข้าเมืองตามปกติ จนเมื่อเดินออกมาเตรียมที่จะไปขึ้นรถบัส นั่นแหล่ะครับ เป็นครั้งแรกที่ผมต้องประหลาดใจกับภาพตรงหน้า รถบัสยังไม่มา ไม่ใช่ครับ!!! ในสนามบินเต็มไปด้วยรถ Taxi ที่ใช้งานเป็นรุ่น GAC AION Y PLUS พร้อม GAC AION รุ่นอื่นๆทั้งทรง MPV และ ทรงรถ Sedan เต็มไปหมดเลยครับ พร้อมสถานีชาร์จในสนามบินอีกหลายจุดเพื่อรองรับทั้งรถ Taxi และรถของพลเมืองที่เป็นรถยนต์ไฟฟ้า สิ่งที่เห็นนี้ทำให้ผมเกิดความคิดใหม่ขึ้นมาทันทีว่า เมื่อ 13 ปีก่อน กับตอนนี้ ประเทศจีนมีการพัฒนาเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างมาก และรวดเร็วจนน่าตกใจ บ้านเมืองถนนหนทางก็เต็มไปด้วยตึกที่ดูทันสมัย ถนนก็มีการก่อสร้างอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับจำนวนผู้ใช้รถยนต์ที่มากขึ้น โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าจากแบรนด์จีนที่มีอยู่มากเห็นจนอิ่มตากันเลยทีเดียวและส่วนใหญ่ดันเป็นแบรนด์ GAC AION สะด้วย!!! ซึ่งในเมืองกวางโจวนี้เป็นเมืองเศรษฐกิจหลักของทางประเทศจีนที่สำคัญอันดับต้นๆเลยก็ว่าได้ 

 

เดินทางกันมาประมาณ 45 นาที (นั่งรถไกลเพราะประเทศจีนใหญ่มาก) ก็มาถึงโรงแรมที่พัก Langham Place Guangzhou เรียบร้อย สิ่งที่สังเกตได้คือ ในเมืองหลัก มีสถานีชาร์จที่เป็นเหมือนจุดแวะชาร์จอยู่มากมายเป็นสถานีใหญ่ๆ จุดนี้เป็นการบอกได้ชัดเจนว่าจำนวนรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศจีนนั้นเพิ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็วในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมาไม่นานนี้เอง ทำให้ต้องมีการขยายตัวหัวชาร์จออกไปในหลายจุด หลายสถานที่อย่างรวดเร็ว เมื่อลงจากรถบัสผมก็ยังคงเจอรถที่แวะเวียนเข้ามาส่งคนที่โรงแรมเป็น GAC AION รุ่นต่างๆ อย่างลายตากันเลยทีเดียว พอเข้าโรงแรมไปทางบริษัท GAC AION ทั้งทีมงานจากประเทศไทยและประเทศจีน ต่างก็ให้การต้อนรับสื่อมวลชนจากประเทศไทยเป็นอย่างดี รับกุญแจห้องกันเรียบร้อยเข้าห้องพักผ่อนกันก่อน ห้องพักของผมจะอยู่ฝั่งที่มองเห็นวิวแม่น้ำเหลืองไหลผ่าน พร้อมวิวโรงงานอุตสาหกรรมจากระยะไกลๆ ที่มีการทำงานกันอยู่ นอนหลับไปสักพักถึงเวลาทานอาหารเย็นที่โรงแรมก่อนที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวยามราตรีกับทางบริษัทฯ ที่จัดเตรียมให้สื่อมวลชนได้เปิดหูเปิดตาเยี่ยมชมเมืองจีนในมุมมองใหม่ที่มีศักยภาพและเติบโตจากเมื่อก่อนจนตามกันไม่ทัน

 

สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงค่ำนั้น ได้เดินทางล่องเรือแม่น้ำเหลืองเพื่อเยี่ยมชมทิวทัศน์ยามค่ำคืนที่คุ้นๆคล้ายๆแถว icon siam บ้านเราอย่างแปลกๆ แต่เป็นประสบการณ์ใหม่ที่ดีในต่างแดนครับ รวมถึงการเดินทางไปเยี่ยมชมหอสถานีวิทยุและโทรทัศน์ที่สูงที่สุดในเมืองเพื่อชมวิวเมืองทั้งหมดยามค่ำคืน ซึ่งที่หน้าสถานีนั้น ก็มีสถานีชาร์จไฟฟ้าอยู่หลายแท่นด้วย และมีรถยนต์ GAC AION จอดชาร์จอยู่หลายคัน บ่งบอกเลยว่าเมืองนี้นิยมใช้กันมากครับ เพราะโรงงานผลิตเขาอยู่ที่เมืองกวางโจวนี้เลยนั่นเอง และทางสื่อมวลชนจะได้เดินทางไปเยี่ยมชมกันในวันถัดไปของทริปเยี่ยมชมโรงงานครับ สำหรับการเดินทางในวันแรกที่เยือนประเทศจีนนั้น ต้องบอกว่าเป็นการได้เปิดหูเปิดตามุมมองใหม่ๆที่ผมเคยเจอมาจากประเทศจีนในอดีตอย่างมาก ทั้งเศรษฐกิจและการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศจีน ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงมีกำลังมากพอที่จะส่งออกสู่ประเทศเพื่อนบ้านได้ จากสิ่งที่พบเจอทำให้ผมเริ่มเกิดความตื่นเต้นว่าในวันพรุ่งนี้ที่เราจะได้เดินทางไปเยี่ยมชมการผลิตรูปแบบใหม่ที่เขาได้พูดถึงนั้นจะเป็นอย่างไร การผลิตที่ใช้คนน้อย เน้นใช้ระบบ Ai ในการผลิตเพื่อลดความผิดพลาดในการทำงาน รวมถึงเทคโนโลยีการผลิตแบตรถยนต์ไฟฟ้าที่เสถียร และศูนย์วิจัยขนาดใหญ่สำหรับสร้างรถยนต์ไฟฟ้าและเทคโนโลยีอื่นๆ เพื่อรองรับการสร้างยานยนต์รุ่นใหม่ๆในอนาคต จะเป็นแบบไหน มีอะไรที่จะสร้างความตื่นเต้นได้อีก เตรียมอุปกรณ์เตรียมใจ และเตรียมร่างกายให้พร้อม เข้านอนเพื่อรอวันถัดไป 

 

ตื่นเช้ามาวันที่ 2 ของการเดินทางมายังประเทศจีนที่เมืองกวางโจว กับบริษัท GAC AION ลงมาทานอาหารที่ล็อปบี้โรงแรมเสร็จก็ขึ้นรถบัสไปกันต่อ อ้อก่อนอื่นผมขออนุญาตบอกก่อนสักนิดนึงว่ารถบัสที่จีนเดี๋ยวนี้ทุกคนทุกที่นั่งบนรถบัสต้องคาดเข็มขัดนิรภัยนะครับ ไม่งั้นแต่ละที่นั่งที่ไม่ได้คาดจะมีสัญญาณเตือนดังจนที่นั่งอื่นต้องหันมามอง ที่เขาเข้มงวดขึ้นเพราะว่ากฎหมายการจราจรและความปลอดภัยของบ้านเขานั้นสำคัญมากๆ ถึงขั้นที่เขาจะมีเจ้าหน้าที่สุ่มตรวจรถบัสบนทางหลวงกันเลยทีเดียว หากถูกตรวจพบว่าไม่มีการคาดเข็มขัดในบางที่นั่ง คนขับรถบัสอาจถูกหักแต้มการขับขี่ได้ ดังนั้นในทริปนี้เราจึงให้ความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่อย่างมากครับ รถบัสใช้เวลาเดินทางมายังโรงงานของ GAC AION ประมาณ 1 ชั่วโมงก็มาถึงเขตตัวเมืองอีกฝั่งของกวางโจว ซึ่งในแถบนี้จะเต็มไปด้วยโรงงานอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์มากมาย และเมื่อรถบัสขับผ่านก่อนเข้าสู่โรงงานทางผมก็ต้องตื่นตาตื่นใจกับลานจอดรถที่ผลิตออกมาแล้ว ด้วยขนาดพื้นที่ที่มีขนาดใหญ่มหึมา แสดงให้เห็นถึงกำลังการผลิตของโรงงาน GAC AION อย่างล้นเหลือ

 

เมื่อรถบัสเข้ามาจอดที่หน้าประตูทางเข้าของสำนักงานออฟฟิศ ทางทีมสื่อมวลชนก็ทยอยลงมาจากรถกัน ทุกคนต่างตื่นเต้นกับภาพที่เห็นว่าพื้นที่ของโรงงานมีขนาดที่ใหญ่โตมากๆ พร้อมกับยื่นถ่ายป้ายบริษัทฯ และมองไปรอบๆถึงความเป็นระเบียบ สะอาด และสบายตา และรถยนต์รุ่นต่างๆ ของทาง GAC AION จอดชาร์จไฟเรียงรายกันอยู่หน้าบริษัทฯ เมื่อเราเข้ามาด้านในตามที่ทีมงาน GAC AION เชิญเข้ามาก็ต้องตะลึงกับภาพรถยนต์ทุกรุ่นของทาง GAC AION ที่จอดหันหน้าเข้าหาพวกเราเหมือนเป็นการต้อนรับแขกของบริษัท ซึ่งรุ่นที่โดดเด่นที่สุดคงต้องยกให้กับ Hyper SSR ที่จอดสีแดงเด่นสง่าอยู่ตรงกลางผองเพื่อน ด้วยรูปลักษณ์ที่มีความเป็นไฮเปอร์คาร์ และประตูที่เปิดโชว์สายตาทรงปีกนก ทำให้เป็นที่สนใจของพวกเราอย่างมาก และ รุ่นด้านข้างที่ทรงเหมือนรถยนต์ไฟฟ้าจากทางฝั่งค่ายอเมริกาคือรุ่น Hyper HT ที่ออกแนวทรง SUV คันใหญ่เปิดประตูแบบสยายปีกเท่ห์โดดเด่น มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน และรุ่นด้านข้างกันที่เห็นอยู่ทั่วไปในเมืองกวางโจวอย่างรุ่น Hyper GT, GAC iAS, GAC EA6, AION S MAX และ รุ่นที่กำลังทำตลาดในบ้านเราอยู่นั่นคือ AION Y PLUS ที่มี 2 โฉมกระจังหน้าแตกต่างกัน คันสีเหลืองเหมือนบ้านเรา แต่คันสีเขียวดูสปอร์ตกว่าลงตัวกว่า จากนั้นด้วยความที่ทางบริษัทฯอาจจะต้องทำเวลานิดนึง เราจึงออกเดินกันต่อตามคุณไกด์คนจีนไปในสเตชั่นถัดไป นั่นคือวัสดุและแร่ธาตุสำหรับใช้ในการผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า หน้าตายังมาเป็นก้อนๆ เหมือนเพิ่งส่งออกมาจากเหมือง บอกตามตรงว่าผมก็ยังไม่เคยเห็นของจริงเหมือนกัน จากนั้นเราก็เดินตามไปต่อก็ได้เห็นถึงเทคโนโลยีการพัฒนาแบตเตอรี่เรื่อยมาตั้งแต่มีการก่อตั้งบริษัท จนมาถึงแบตเตอรี่เจเนอเรชั่นแรกที่ทำออกมาใช้งานกันจริงๆ และ วัสดุชิ้นส่วนสำหรับการสร้างมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีกำลังขับเคลื่อนมหาศาล จนมาถึงสิ่งที่เราสนใจกันมากนั่นคือการพัฒนาช่วงล่างหรือที่เราเรียกกันว่า Platform ของรถยนต์ ซึ่งทางคุณไกด์ได้อธิบายว่าทางบริษัทฯได้มีการพัฒนาในส่วนของ Platform ออกมาหลายรูปแบบจนสุดท้ายออกมาเป็นรูปแบบไฟนอลที่สามารถใช้ได้กับทุกรุ่นและพัฒนาไปต่อได้ เช่นใช้ในรถยนต์ไฟฟ้าปกติ และ ใช้ในรถยนต์ไฟฟ้าแบบ SUV ของทางค่ายได้ เรียกว่า One for All เลยครับ

 

เมื่อผ่านสถานีต่างๆ รวมถึงทราบถึงความเป็นมากันเรียบร้อยแล้ว ก็เข้าสู่สิ่งที่เราเดินทางมาเพื่อมันกันจริงๆสักทีครับ นั่นคือส่วนพาร์ทโรงงานประกอบรถยนต์ไฟฟ้า GAC AION ประตูเปิดมาพวกเราตะลึง และตื่นเต้น ต่างวิ่งกันเข้าไปดูภาพโรงงานขนาดใหญ่ที่มีแขนกลมากมายกำลังทำงานประกอบชิ้นส่วนรถยนต์กันอยู่หลายตัวมาก จากประสบการณ์ของผม ผมไม่เคยเห็นโรงงานรถยนต์ที่มีแขนกลประกอบในทุกขั้นตอนมากขนาดนี้มาก่อน เยอะมากกว่าคนงานในนั้นเสียอีก ทางทีมงาน GAC AION ประเทศไทย เมื่อเห็นพวกเราเริ่มให้ความสนใจจึงได้เริ่มพาเดินอธิบายในแต่ละส่วนของโรงงาน โดยเขาอธิบายว่า ในโรงงานแห่งนี้ใช้คนในการผลิตน้อย และเน้นใช้ระบบ Ai ในการผลิตเป็นหลัก เนื่องจากระบบ Ai ที่นำมาใช้นั้นจะมีมาตรฐานของทางบริษัทฯ ที่กำหนดลงในโปรแกรมเอาไว้ เพื่อลดโอกาสเกิดความผิดพลาดในการประกอบและเพิ่มความรวดเร็วในการผลิตมากขึ้น โดยรถยนต์ 1 คันใช้เวลาผลิตไม่เกิน 5 นาทีเท่านั้น และวิธีการนี้ยังทำให้เกิด Defect น้อยลงจนแถบเป็น 0 ทางเราก็ว้าวววสิครับ ว่าเขามีหลักการความคิดที่เป็นคนจีนยุคสมัยใหม่มากๆ ลบภาพแนวคิดคนสมัยก่อนกันไปเลย จากนั้นเราก็เริ่มเดินดูส่วนต่างๆของโรงงานไปเรื่อยๆ ก็พบว่าเขามีการแบ่งสัดส่วนการผลิตอย่างชัดเจนของแขนกล ไลน์ผลิตแรกเชื่อมสปอตตัวถัง ไลน์ถัดมาเริ่มปั๊มขึ้นรูปประตูรถ และอีกไลน์เริ่มประกอบชิ้นส่วนรวมทั้งคัน จนมาถึงขั้นตอนทุดท้ายที่ต้องใช้คนในการประกอบเล็กน้อยและเป็นการตรวจสอบงานประกอบจากแขนกลไปในตัวด้วย ต้องบอกเลยครับว่าแม้กำลังผลิตจะมาก แต่ว่าความล้ำของไลน์ผลิตเขาคือสามารถผลิตรถรุ่นอื่นๆสีอื่นปนกันในไลน์ผลิตได้เลยโดยไม่ต้องแยก เป็นเพราะความฉลาดของ Ai ครับจึงสามารถทำในสิ่งนี้ได้ เมื่อเราเดินออกจากไลน์การผลิตตัวรถกันมาแล้ว ก็มาเจออีกส่วนนึงของโรงงานที่กำลังทำการประกอบชิ้นส่วนของแบตเตอรี่ โดยขั้นตอนนี้จะต้องใช้คนงานในการค่อยๆประกอบขั้วและใบแร่ของแบตลงไปที่ละชิ้น รวมถึงงานสายไฟที่ต้องใช้ความพิถีพิถันพอสมควร งานละเอียดจนถึงขั้นต้องทำกรงที่กั้นกับภายนอก เพื่อ Safety แก่ผู้ที่มาเยี่ยมชม

 

เมื่อเดินต่อกันมาพักใหญ่เราก็กลับมาถึงห้องโถงต้อนรับที่มีรถยนต์ไฟฟ้าทุกรุ่นอีกครั้ง เพื่อถ่ายทำคอนเทนต์กันให้เต็มที่ ก่อนที่จะออกขึ้นรถบัสเพื่อขับอ้อมไปยังอีกฝั่งขอโรงงานที่เป็นสนามทดสอบรถยนต์ที่ถูกสร้างไว้เพื่อทดสอบภายในโรงงาน ถ้าเดินไปคงตุยครับ จากระยะทางแล้วบอกเลยว่านั่งรถดีกว่า พอมาถึงเราก็พบกับสถานีที่มีรถจอดรอชาร์จเอาไว้ให้กับทางทีมนักข่าวพร้อมเข้ารับการทดสอบทั้งหมด 4 คันด้วยกัน คันแรกคือ AION V PLUS ที่ตัวรถเป็นทรง SUV Cross Over ดูสวยงามลงตัว และสามารถสั่งการผ่านมือถือเพื่อให้รถเลื่อนออกมาจากช่องจอดและวิ่งมารับเราตามจุดที่ได้เรียกเอาไว้ รุ่นที่ 2 คือ Hyper GT และรุ่นที่ 3 AION LX PLUS ซึ่งรุ่นที่ผมได้นั่งทดสอบคือ Hyper GT ที่เป็นคิวที่สอง พอขึ้นไปนั่งรู้สึกเลยว่าสัมผัสของเบาะดีมาก ภายในดูมินิมอล บรรยากาศสะอาดตา แต่ทุกอย่างรวมไปไว้ในจอกลางอีกแล้ว ไม่เป็นไร ในการทดสอบครั้งนี้ทางทีมเทคนิคของโรงงานจะเป็นคนขับ เราเป็นคนนั่งเพื่อถ่ายทำ เมื่อรถออกตัวจากสถานีเข้าสู่สนาม คนขับรถพาไปแบบนิ่มนวลปกติไม่มีอะไร พอเขาสู่โหมดทางตรงปุ้ปที่เป็นการทำ Top Speed พวกเราในรถอีก 3 ชีวิต ถึงกับหัวติดเบาะกันเลยครับ รถออกตัวไปไวมากสปีดขึ้นอย่างรวดเร็วจนไปแตะที่ 180 กว่าๆถึงถอนคันเร่งเพราะทางหมดก่อน ทางผมนี่ถึงกับเวียนหัวนิดๆเพราะแรง G กระชากสไตล์รถยนต์ไฟฟ้าที่กดเป็นมาๆเลย หลังจากนั้นไม่นานก็ได้นั่งทดสอบในรุ่น LX PLUS กันต่อครับ ในเรื่องของความประทับใจเมื่อขึ้นไปนั่งต้องบอกว่าสบาย ไม่อึดอัด มีลูกเล่นภายในมาให้เยอะพอสมควร ทั้งจอที่ดูคุณภาพดีและวัสดุที่พรีเมี่ยมไม่แพ้แบรนด์ย่อยอย่าง Hyper เลยครับ เอาหล่ะอย่าให้รูปลักษณ์มาหลอกเราได้เราต้องทดสอบก่อนว่า วัสดุดีออพชั่นดี แล้วการโดยสารหล่ะเป็นยังไง ผู้ขับพาเราเข้าไปถึงจุดเดิมภายในสนาม และทำการคิกดาวน์ Top Speed หัวติดเบาะเหมือนเดิม แต่คันนี้กลับทำความเร็วได้ไม่เท่าคัน Hyper GT ครับ อาจจะด้วยน้ำหนักตัวรถ และอากาศพลศาสตร์ตามทรงของรถ ทำให้มีแรงต้านอากาศมากกว่า แต่ก็ประทับใจในความเร็วตามฉบับรถไฟฟ้า

 

ผ่านการเยี่ยมชมโรงงานและการทดสอบรถยนต์ไฟฟ้าของทาง GAC AION มาแล้ว ก็แวะพักทานอาหารกันสักหน่อย ทางทีมงานบอกว่าเป็นร้านดังประจำท้องถิ่นเลยเด่นเรื่องการทานแบบหม้อนึ่งและต้ม แต่ใจผมไปทางอาหารเหลาแล้วครับตอนนั้นฮ่าๆ อาหารในภาพรวมแปลกใหม่ รสชาติอ่อนๆบางๆแบบเมนูสุขภาพไม่หนักท้องเกินไป เมื่อทานกลางวันกันจนเสร็จแล้ว เราก็ขึ้นรถบัสเดินทางไปต่อที่ศูนย์ Design & Technology Center GAC ครับ สถานที่แห่งนี้คือที่สำหรับการออกแบบรถยนต์และวิจัยเทคโนโลยี ซึ่งเมื่อเราเดินเข้าไปก็พบกับรถยนต์ต้นแบบที่ทำเอาไว้สำหรับโชว์รับแขก แต่สถานที่แห่งนี้เราไม่สามารถถ่ายภาพหรือวีดีโอได้ครับ เพราะเป็นความลับของทางบริษัทฯ จึงมีมาแค่ภาพของผมยื่นถ่ายกับป้ายศูนย์วิจัยครับ แหะๆ เดินเข้าไปสักพักก็เจอกับส่วนที่ทำการวิจัยสภาพท้องถนนในเมืองกวางโจวและพฤติกรรมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าของคนที่ซื้อไป เพื่อเป็นการสำรวจเส้นทางในการนำมาพัฒนาระบบ Ai ของรถยนต์รุ่นต่อๆไปครับ และก็มาถึงไฮไลท์ของที่นี่ นั่นก็คือรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นอื่นๆที่นำมาโชว์มากถึง 8 คัน ผมไม่สามาถถ่ายรูปมาได้แต่จำได้ว่ามีรถ SUV 5 คัน และรถเก๋งอีก 3 คัน ที่สวยและน่าใช้มากทางเราถึงกับลูปคลำกันอยู่นานจนพอใจ แต่ด้วยเวลาที่ค่อนข้างจำกัดเราจึงต้องออกจากสถานที่นี้เพื่อไปต่อกันในที่สุดท้ายช่วงเย็นครับ

 

รถบัสพาเรามาถึงสถานที่สุดท้ายของทริปนี้ นั่นก็คือ GAC Museum ครับ สถานที่จัดแสดงประวัติ และวิวัฒนาการของบริษัท GAC ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ทางทีมงานผู้สื่อข่าวยานยนต์จากประเทศไทยเข้ามาด้านในก็พบกับภาพรถยนต์ต่างค่าย 2 รุ่นที่มีขายอยู่ในบ้านเราด้วย นั่นคือ Honda Accord และ Toyota Camry ไม่ต้องสงสัยครับเพราะ GAC เขาเป็นตัวแทนจัดจำหน่ายรถยนต์แดนปลาดิบ 2 ค่ายนี้ด้วยครับ และตรงนั้นยังมาพร้อมด้วยรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ Phev และรถยนต์คอนเซปของทางบริษัท GAC AION จัดแสดงอยู่ ทางทีมงาน GAC ประเทศไทยก็เริ่มทำการพรีเซ้นท์ถึงผลประกอบการที่เติบโตของบริษัทฯ บนจอมอนิเตอร์ยักษ์หน้า Museum พร้อมเป้าหมายของบริษัทในอนาคต เมื่ออธิบายเสร็จไกด์ประจำสถานที่ก็เริ่มพาเราเดินชมภายใน Museum ต่อ ลักษณะการจัดแสดงภายในนี้จะคล้ายๆกับที่โรงงานประกอบที่มีทั้งแพลทฟอร์มรถยนต์, แบตเตอรี่, แร่สำหรับทำแบต, วัสดุมอเตอร์ไฟฟ้า และ การทำงานของระบบขับเคลื่อน แต่ที่แตกต่างกันคือที่นี่มีหัวร์ชาร์จความเร็วสูง และเครื่องยนต์ Phev รวมถึงรถยนต์รุ่นก่อนๆจากประวัติศาสตร์จัดแสดงอยู่ แต่สิ่งที่ทีมงานสนใจมากที่สุดคือ รถยนต์ไฟฟ้ารุ่น ADIGO PILOT ที่เป็น Taxi อัตโนมัติไร้คนขับครับ น่าสนใจยังไง ตรงที่มีวิ่งอยู่จริงในตัวเมืองกวางโจวแล้วกว่า 60 คันครับ!!! ซึ่งยังไม่มีการรายงานอุบัติเหตุเข้ามาด้วยครับ สามารถใช้งานได้ดีมู้ใช้บริการอยู่จริงด้วยครับ เราก็ว้าวๆๆกันเหมือนเด็กเลย ต่อมาก็จะเป็นรถโบราณจากต่างประเทศ กับรุ่น Cadillac Model 30 ที่มาจอดแสดงอยู่ข้างๆกับ ADIGO PILOT ก็ไม่รู้เหมือนกันครับว่ามาได้ไง แต่เป็นสีสันที่น่าสนใจครับ ถัดมาก็จะเจอกับรถ Hyper SSR ตัวแรงประจำค่ายที่เป็นเวอร์ชั่นคอนเซปก่อนหน้านำมาจัดแสดงไว้ครับ แต่สิ่งที่เป็นไฮไลท์จริงๆของที่นี่คือรถบินได้ครับ คุณอ่านไม่ผิดครับ รถบินได้ที่มีหน้าตาเหมือนโดรนติดล้อ และทาง GAC AION กล่าวว่ารถคันนี้คือความภาคภูมิใจของเราสำหรับอนาคตเพราะมันผ่านการทดสอบการบินจริงๆมาแล้ว!! โดยสามารถขับขี่บนท้องถนนปกติได้ และสมมติเหตุการณ์ว่ารถติดขับต่อไปทำงานไม่ทันแน่ๆ เราก็เปิดโหมดแยกร่างบินเป็นโดรนขึ้นฟ้าไปทำงานได้ทันเวลาครับ และการทดสอบเขายืนยันว่าไม่มีปัญหาผ่านไปด้วยดีครับ เท่านั้นแหล่ะครับเรารุมถ่ายภาพกันเลย ไกด์พาเดินชมจนครบ ก็มาถึงจุดสุดท้ายนั่นคือหุ่นยนต์ที่ทางบริษัทฯสร้างขึ้นนั่งอยู่ เพื่อโชว์ว่าเขาสามารถดีดเครื่องดนตรีกู่เจิ่งได้ตามที่ระบบการทำงานของหุ่นเซทเอาไว้ เราก็นั่งฟังคุณเขาบรรเลงไปอย่างต่อเนื่องนานเกือบ 5 นาทีจนจบ ก็เป็นช่วงส่งท้ายกล่าวขอบคุณสื่อมวลชนจากประเทศไทยที่มาเยี่ยมชมโรงงาน และศูนย์วิจัยในครั้งนี้ก่อนที่จะขึ้นรถบัสเพื่อเดินทางกลับไปงานเลี้ยงรับรองที่เขาจัดไว้ที่โรงแรมเพื่อกล่าวอำลากันอย่างเป็นทางการอีกครั้งก่อนจะเดินทางกลับสู่ประเทศไทยในวันถัดไปช่วงบ่าย

 

สรุป ทริปนี้ถือเป็นทริปที่เปิดหูเปิดตาและเปิดใจสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีนอีกค่ายที่น่าสนใจอย่าง GAC AION มากๆ ได้เห็น Know How และคุณภาพการประกอบรถยนต์รวมถึงแนวคิดในการพัฒนาและวิจัยเทคโนโลยีสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง และแชร์ความรู้รวมถึงสิ่งต่างๆเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าให้กับทีมนักข่าวจากเมืองไทยมากมาย เพื่อให้เราสามารถกลับมายืนยันกับลูกค้าชาวไทยได้ว่าเขามีนวัตกรรมและเทคโนโลยีรวมถึงรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆมากมายที่พร้อมจะยกทัพเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยเร็วๆนี้แบบจัดเต็มอย่างแน่นอน แม้ในส่วนของการทดสอบจะไม่ได้ทดสอบขับด้วยตนเองก็ตาม แต่ก็สามารถสัมผัสฟีลลิ่งการโดยสารและนำกลับมาบอกกล่าวคุณผู้อ่านได้พอประมาณ สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางบริษัท GAC AION ประเทศไทยสำหรับทริปดีๆแบบนี้ เราได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของประเทศจีนอย่างมากมายในช่วงเวลาอันสั้น และแนวคิดใหม่ๆของคนจีนรุ่นใหม่ๆที่พร้อมจะผลักดันอุตสาหกรรมรถยนต์จากประเทศจีนออกสู่สายตาชาวไทยและชาวโลกต่อไปในอนาคต คุณผู้อ่านมาถึงตรงนี้กันแล้วมีความเห็นกันอย่างไรบ้างครับ อยากลองเปิดใจใช้รถยนต์ไฟฟ้าจาก GAC AION กันมั้ยครับ รู้สึกอย่างไรลองนำมาพูดคุยกันได้ครับ ส่วนในอนาคตทางค่ายจะมีรถยนต์รุ่นไหนมาทำตลาดในประเทศไทยบ้าง เรามารวมรอลุ้นรอติดตามไปด้วยกันนะครับ หวังว่าในรุ่นต่อๆไปจะถูกใจชาวไทยมากกว่าเดิมนะครับ ขอบคุณครับ

Special Report by Rwang

ขอบคุณบริษัท GAC AION ประเทศไทย ครับ