นับตั้งแต่บริษัทรถมุ่งหน้าพัฒนาเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนยุคใหม่ให้มาอยู่ในลักษณะของระบบอิเล็กทรอนิคส์มากขึ้น ก็
กลายเป็นว่ากระแสรถยนต์เพื่อสิ่งแวดล้อมหรือประหยัดพลังงานกลายเป็นกระแสที่ตกไปอย่างรวดเร็ว เพราะเทคโนโลยี
สมัยใหม่มันช่วยอำนวยเจตคตินั้นให้เกิดขึ้นจริง (โดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบายของผู้ผลิตรถยนต์ส่วนใหญ่พร้อมใจมุ่งเน้น
การผลิตรถยนต์ Hybrid, Plug-in hybrid และ EV หลังปี 2020 มากกว่า 50% ก็ยิ่งทำให้กระแสรณรงค์ประหยัด
พลังงานเงียบหายไป) ประกอบกับราคาน้ำมันโลกร่วงผล็อย ณ เวลานี้ ก็ยิ่งตอกย้ำให้กระแสประหยัดพลังงานเงียบลงไป
อีก

affiche-home

เมื่อเทคโนโลยีขยายขีดความสามารถของรถยนต์ให้มากขึ้น ก็ทำให้บริษัทรถยนต์สามารถพัฒนารถยนต์เพื่อสนองด้าน
อารมณ์ได้ถนัดถนี่มากขึ้น โดยไม่ต้องโดนข้อครหาจากสังคมว่าไม่รักษ์โลก นั่นจึงทำให้พวกเราได้เห็นรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ที่
ตอบสนองความต้องการด้านอารมณ์ที่เต็มเปี่ยมสุขมากยิ่งขึ้น

Aston Martin

แค่เปิดบูธแรกก็ Surprise ให้คะแนนเต็มแล้วเพราะบูธ Aston Martin กล้าเอาสุดยอดยนตรกรรมไฮไลต์ DB11 ดีไซน์
แปลกตากว่ารุ่นอื่น ๆ แถมยังพกพาพละกำลังมากถึง 600 แรงม้า

aston1

บางคนได้เห็นดีไซน์ภายนอกถึงกับ สตั๊นท์ไปสิบห้าวินาที (ต่อให้อีกห้าวินาทีโทษฐาน ทำรถออกมาเท่ห์กว่าที่คิด) เพราะมัน
แตกต่างจาก Aston Martin รุ่นอื่นในแง่ของการตีความการออกแบบและถือเป็นรถยนต์ Aston Martin คันแรกที่ถูก
พัฒนาภายใต้กลยุทธ์ Second Century ดูดีในโลกนี้โดยไม่ต้องรอถึงอีก 100 ปี

aston2

Aston Martin เคลมว่า DB11 เป็นรถที่น่าดึงดูดใจมากที่สุดนับตั้งแต่กำเนิด DB9 ในปี 2003 ซึ่ง Andy Palmer ซีอีโอ
Aston Martin คนปัจจุบันยืนยันว่า DB11 มันเป็นศูนย์รวมความอุดมสมบูรณ์ในสิ่งที่ Aston Martin ควรจะเป็น
เพื่อให้แน่ใจว่ามันจะเป็นรถที่โดดเด่นด้านการออกแบบภายใต้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้า

Aston Martin DB11 มาพร้อมกับโครงสร้างพื้นตัวถังอลูมิเนียม เน้นหลักอากาศพลศาสตร์อย่างชาญฉลาด และแน่นอน
ว่ามันใช้ระบบอิเล็กทรอนิคส์บางส่วนร่วมกับรถยนต์ Mercedes-Benz

aston3

เครื่องยนต์ V12 เทอร์โบคู่ Twin-Scroll (ที่ผลิตโดย Mitsubishi Heavy Industries) 5.2 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 600
แรงม้าที่ 6,500 รอบต่อนาที แรงบิด 700 นิวตันเมตรที่ 1,500 รอบต่อนาที ทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน
3.9 วินาที ทำความเร็วสูงสุด 320 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่งกำลังไปยังล้อคู่หลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ ZF

aston4

เทรนด์รถยนต์ที่มีห้องโดยสารกว้างขวางก็เริ่มระบาดเข้าสู่ตลาดรถสปอร์ตชั้นสูงกับเขาบ้าง เพราะ Aston Martin เคลม
ว่า DB11 มีความยาวตัวถังมากกว่า DB9 ราว 1.18 นิ้ว และมีความยาวฐานล้อยาวกว่า DB9 ราว 2.56 นิ้ว และที่สำคัญ
DB11 ยังเบากว่า DB9 ที่ใช้พื้นตัวถัง VH แบบเก่าถึง 19 กิโลกรัม

Audi

audi1

ถ้าให้เปรียบเทียบคลื่นใต้น้ำของ Audi มันก็น่าจะเปรียบคล้ายกับ Q2 เพราะเราแทบไม่ได้ยินข่าวลับทางเทคนิคของมัน
เลย ประกอบกับมันเคยมีข่าวดราม่าว่า Audi ขอชื่อ ‘Q2’ จาก Fiat-Chrysler มาให้ได้ ขืนถ้าให้เจ้ารถคันนี้ใช้ชื่อ Q1 มัน
ก็ผิดวัตถุประสงค์เพราะรถมันไม่ได้เล็กมากจนต้องใช้ชื่อ Q1 ประกอบกับ Audi ก็ดันพัฒนาเอสยูวีที่มีขนาดเล็กกว่า Q2
อยู่ซะงั้น

audi2

แต่วันดีคืนดี Audi ก็ดันได้ชื่อ Q2 จาก Fiat-Chrysler อย่างง่ายดายสวนทางกับข่าวดราม่าที่เคยออกเป็นอย่างมาก ซึ่ง
เราเชื่อว่า Audi คงทุ่มเงินเพื่อซื้อสิทธิ์ชื่อนี้ไปไม่น้อย ก็เป็นที่งงงวยกันไม่น้อย

audi3

หากคุณผู้อ่านหายมึนงง เราก็มาดู Audi Q2 กันดีกว่าว่ามันเจ๋งจริงหรือเจ๋งเทียม

Audi Q2 ถูกสร้างบนชุดโครงสร้างพื้นตัวถังและงานวิศวกรรมร่วม MQB ซึ่งถ้าให้ดูแค่หน้าตาก็ต้องบอกเลยว่ามันแทบจะ
เป็น A3 Sportback นำมายกสูง ซึ่งถ้ามองกันแค่นี้วัยรุ่นเงินหนาก็คงมองด้วยความยี้ แต่ถ้ามองว่า นี่มันคือเอสยูวีที่
สามารถขับขี่อย่างคล่องแคล่วในเมือง ก็ต้องยอมรับว่านี่คือจุดขายของมัน

audi4

จุดขายสำคัญของ Audi Q2 คือขนาดที่กะทัดรัดกว่า Q3 แต่ก็สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 5 ที่นั่งตำแหน่งการขับขี่เหมือน
รถเก๋งแต่ก็เห็นทัศนวิสัยแบบเอสยูวี คิดว่าน่าจะโดนใจสุภาพสตรีไม่มากก็น้อย ภายในห้องโดยสารแลดูคล้าย A3 มาพร้อม
กับแผงมาตรวัดจอสี Virtual Cockpit ขนาด 12.3 นิ้ว

และก็อีกจุดขายสำคัญของ Audi Q2 คือมันเอสยูวีที่ราคาถูกที่สุดจาก Audi

Audi Q2 เตรียมส่งมอบให้ลูกค้าชาวยุโรปภายในไตรมาส 3 ของปีนี้ซึ่งก็พูดตรง ๆ คงต้องรอผลตอบรับเมื่อส่งขึ้นโชว์รูม
จริงมากกว่า

Bentley

bentley1

2017 Bentley Mulsanne Speed คือการเรียกกระแสกลับอีกครั้งของรถหรูคลาสสิคที่เหนือระดับกว่าพวก BMW,
Mercedes-Benz ที่มาพร้อมกับการอัพเกรดเพื่อต่อกรกับแบรนด์อื่นที่เริ่มนำเทคโนโลยีมาเรียกลูกค้ามากขึ้น
2017 Bentley Mulsanne Speed ใหม่ยอมลงทุนออกแบบเบ้าหน้าใหม่ให้ไฟดวงกลมเล็กยกตำแหน่งขึ้นมาเสมอกับไฟ
ดวงใหญ่พร้อมทั้งออกแบบกระจังหน้าและกันชนหน้าใหม่ที่ดูให้ตัวรถดูสง่าผ่าเผยขึ้น ถ้าเทียบกับรุ่นเดิมแล้วก็นับว่ามี
พัฒนาการ เพราะลูกค้าบางคนอาจไม่ชอบรถที่ดูมีบุคลิกไม่มั่นใจตนเองเท่าไรนัก

bentley2 bentley3

ความเปลี่ยนแปลงอื่นก็พอพอจับจุดได้บ้าง ได้แก่ เส้นสายโปรไฟล์ตัวรถด้านข้างดูนุ่มนวลขึ้น, ไฟท้ายอัดแน่นไปด้วย LED,
ส่วนภายในห้องโดยสารก็ประโคมไปด้วยวัสดุชั้นดีให้เต็มยศมากขึ้น

เทคโนโลยีที่เพิ่มเข้ามาก็มีหน้าจอสัมผัสแบบใหม่ล่าสุดขนาด 8 นิ้วพร้อมความจุฮาร์ดไดรฟ์มากถึง 60 GB นอกนั้นก็คง
ความคลาสสิกในแบบฉบับ Bentley ไม่เปลี่ยนแปลง ถ้าเศรษฐีท่านใดเหงามือ ก็ต้องสั่ง ‘Bentley Entertainment
Tablet’ ที่ติดตั้งหลังเบาะหน้าพร้อมแอพพลิเคชั่นเต็มพิกัด

bentley4

ขุมพลังยังใช้บริการเครื่องยนต์ V8 530 แรงม้า แรงบิด 1,099 นิวตันเมตร บวกกับเกียร์ ZF8 จังหวะ ทำอัตราเร่ง 0-96
กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 4.8 วินาที

Bugatti

bugatti1

เราขอกรี๊ดแรง ๆ ให้แก่ Bugatti Chiron แบบถวายชีวิต เอาแค่พละกำลังมันก็แรงถึง 1,500 แรงม้าชนิดเอาม้าจากสนาม
ม้านางเลิ้งบวกรวมม้าทั่วประเทศก็ไม่อาจมีพลังแก่กล้าเท่ารถสปอร์ตชื่อสุภาพสตรีคันนี้

แม้ชื่อว่า Chiron จะดูอ่อนหวานพอ ๆ กับดีไซน์ภายนอกที่สะกดตาด้วยเส้นโค้งพิสดารล้ำอนาคตถือเป็นคู่ปรับโดยตรง
ของ LaFerrari, McLaren P1 และ Porsche 918 Spyder และที่สำคัญมันจะมาแทนที่ Bugatti Veyron 1,000
แรงม้าที่โดนบี้สลบคาที่ในงาน Geneva Motorshow 2016

bugatti2

เคล็ดลับพลังตัวแรงก็คือเครื่องยนต์ W16 8.0 ลิตร Quad Turbo ให้กำลัง 1,478 แรงม้า (HP) ถ้าปัดเศษตามสูตร
คณิตศาสตร์ก็ได้สัก 1,500 แรงม้า เห็นแรงเกิดพิกัดแค้นเช่นนี้ก็ยังใช้บริการเกียร์ Dual Clutch 7 จังหวะ ที่ออกแบบมา
อย่างดีจนทำให้รีดพละกำลังค่อนข้างสูงสุดที่รอบต่ำเพียง 1,500 รอบต่อนาทีเท่านั้น สามารถเรียกจุดพีคของเครื่องได้ที่
รอบ 2,000 รอบต่อนาที

Bugatti Chiron ทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแค่เพียง 2.5 วินาที ทำความเร็วสูงสุด 420 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
แต่ถ้าเปิดการทำงานปีกท้ายไฮดรอลิกก็จะทำความเร็วสูงสุดได้ 423 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รวมทั้งมีการออกแบบแอร์เบรก
สำหรับช่วยชลอรถเมื่อขับด้วยความเร็วสูง

bugatti3

งานวิศวกรรมอยู่ในขั้นสุดยอดด้วยแชสซีส์แบบคาร์บอนไฟเบอร์ประกบกับพื้นตัวถังที่เจาะช่องแบบรังผึ้งช่วยซับแรง
สะเทือนและซับเสียง นอกจากนี้ภายในห้องโดยสารก็ถูกขยายให้กว้างขวางขึ้น โดยเฉพาะเนื้อที่เหนือศีรษะที่มากกว่า
Veyron ถึงครึ่งนิ้ว

Bugatti Chiron จำกัดจำนวนผลิตที่ 500 คัน แต่ ณ เวลานี้เศรษฐีทั่วโลกก็สั่งเข้าไปแล้ว 150 คัน ใครอยากได้รีบ ๆ
หน่อย

DS

ds1

DS E-Tense ทรงสปอร์ตคันงามมันจะกลายเป็นอะไร? ก็เป็นไปได้ว่ามันน่าจะกลายเป็น Halo Car ในอนาคตเพื่อ
เสริมสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ DS ให้ดังกระฉ่อนทั่วโลกมากกว่านี้

DS E-Tense ประกอบไปด้วยแชสซีส์โมโนค๊อกคาร์บอนไฟเบอร์ ช่วงล่างดับเบิ้ลวิชโบนรอบคัน พึ่งพาพลังจากมอเตอร์
ไฟฟ้า 402 แรงม้า แรงบิด 516 นิวตันเมตรทำความเร็ว 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 4.5 วินาที ทำความเร็วสูงสุด
250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีระยะทางวิ่งสูงสุด 360 กิโลเมตรต่อการชาร์จประจุแค่ครั้งเดียว

ds2

งานออกแบบภายนอกยังพอให้ทุกคนจินตนาการได้ว่ามันน่าจะได้แรงบันดาลใจจากรถ HyperCar ทั้งหลายในโลกนี้แต่
เมื่อทุกคนได้เห็นภายในห้องโดยสารของ DS E-Tense ก็คงงงไม่น้อย เพราะมันออกแบบดูเป็นนามธรรมเอามาก ๆ ซึ่ง DS
กล้าเคลมว่าใช้เวลา 800 ชั่วโมงในการออกแบบ หรือประมาณ 33 วัน เบาะนั่งได้แรงบันดาลใจจากสายนาฬิกาทั่วไป,
พวงมาลัยทรงดอกทิวลิป

หลัก ๆ คงเน้นนวัตกรรมการออกแบบและเทคโนโลยีวัสดุหลายอย่างที่ต้องหวังใจไว้ว่าเราจะได้เห็นของพวกนี้ในอนาคต

Ferrari

ferrari1

Ferrari GTC4 Lusso เป็นยิ่งกว่า Ferrari FF Minorchange เพราะพี่แกปรับดีไซน์ทั้งคันจนเกือบจะจำของเดิมไม่ได้
ภายนอกนั้นเปลี่ยนกันชนหน้าทรงใหม่ที่มีช่องดักลมใหญ่ขึ้นในขณะที่หลังคานั้นเตี้ยลงกว่ารุ่นเดิมเช่นกัน ส่วนด้านท้ายมี
การเปลี่ยนแปลงหลายจุดไม่ว่าจะเป็นสปอยเลอร์หลังคาพร้อมกับไฟท้ายแบบ4 ดวงที่จากเดิมเคยเป็นแค่ 2 ดวงและยัง
เปลี่ยนงานออกแบบกันชนหลังโดยแบ่งออกเป็นดิฟฟิวเซอร์แบบ 3 ช่องขนาดใหญ่อีกด้วย

ferrari2

แม้ว่าหลังคาจะเตี้ยลงแต่ Ferrari กล่าวว่าผู้โดยสารทั้ง 4 คนนั้นจะยังคงสะดวกสบายอยู่ด้วยงานออกแบบ
Dual Cockpit ที่แบ่งห้องโดยสารออกเป็น 2 ส่วน สำหรับอุปกรณ์ที่ติดเพิ่มมาให้นั้นคือหน้าจอสัมผัส HD
ขนาด 10.25 นิ้วนอกจากนี้ยังมีพวงมาลัยวงใหม่มาให้ที่มีขนาดเล็กลงอย่างเห็นได้ชัดเพราะเทคโนโลยี
airbag แบบใหม่แต่ที่แปลกคือลูกค้าสามารถสั่งติดตั้งหน้าจอบอกความเร็วและรอบเครื่องยนต์บริเวณ
คอลโซลหน้าฝั่งผู้โดยสารได้ด้วย

ferrari3

เครื่องยนต์ V12 6.2 ลิตรตัวเดิมแต่เพิ่มเติมจนมีกำลังสูงสุด 690 แรงม้า (PS) ที่ 8,000 รอบ/ นาทีและ
แรงบิดสูงสุด 71.97 กก-ม. (697 นิวตันเมตร) ที่ 5,750 รอบ/ นาทีซึ่งสามารถเรียกแรงบิดกว่า 80% มา
ใช้งานได้ตั้งแต่ 1,750 รอบ/ นาทีส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ dual clutch 7 จังหวะลงพื้นทั้ง 4 ล้อให้
อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ ชั่วโมงใน 3.4 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 335 กิโลเมตร/ ชั่วโมง

Honda

honda1

การเปิดตัว All New Honda Civic ทั่วโลกมันแปลกออกไปจากที่เคยเป็น แทนที่ Honda จะเปิดตัว Civic ครบทุกตัวถัง
และพร้อมทำตลาดให้ครบทุกประเทศภายในปีแรกของการเปิดตัว แต่กลับกลายเป็นว่ามันเปิดตัวไม่พร้อมนี่สิ

Honda Civic Hatchback เวอร์ชันยุโรปจะมีการเปิดตัวและจำหน่ายจริงภายในต้นปี 2017 มันจะใช้โครงสร้างตัวถัง
พื้นฐานร่วมกับ Honda Civic Sedan โฉมใหม่ล่าสุด แต่กว่าจะถึงตอนนั้น เราก็มาดูรูปโฉมของ Honda Civic
Hatchback Prototype ที่จะกลายร่างเป็นตัวจริงในปีหน้า

honda2 honda3

Honda Civic Hatchback Prototype คือความพยายามใหม่ล่าสุดที่จะช็อกความรู้สึกของลูกค้าและพยายามทวน
กระแสการออกแบบรถคอมแพคท์แนวอนุรักษ์นิยมในยุโรป ดีไซน์โดยรวมก็เหมือนเอา Civic ใหม่ที่จะขายในบ้านเรามาหั่น
ตูดให้สั่นลง มีเครื่องยนต์เบนซิน 1.0 ลิตรเทอร์โบและ 1.5 ลิตรเทอร์โบให้เลือก

สำหรับบ้านเราคงไม่ต้องอิจฉาคนฝรั่งยุโรปที่นั่น เพราะหน้าตาก็ไม่ได้แตกต่างจาก Civic Hatchback เท่าไรนัก

Koenigsegg

Koenigsegg1 Koenigsegg2

Koenigsegg Regera เวอร์ชันขึ้นสายการผลิตจริงพร้อมให้เศรษฐีทั่วโลกได้สัมผัสความสปอร์ตจากสวีเดนกันในงานนี้กัน
แรงด้วยเครื่องยนต์ V8 5.0 ลิตรผนวกกับระบบ Plug-in Direct Drive จนผนวกกำลังได้มากถึง 1,480 แรงม้า (BHP)
ปัดเศษตามค่าคณิตศาสตร์ก็ราว 1,500 แรงม้าเชียว ส่วนเลขแรงบิดก็หนักใจแทนเลยเพราะมันมีค่าถึง 2,000 นิวตันเมตร

Koenigsegg3

Koenigsegg เคลมว่า Regera ทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแรงภายในเพียงแค่ 2.8 วินาที ทำอัตราเร่งจาก
0-200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 6.6 วินาที และทำอัตราเร่งจาก 0-400 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 20 วินาทีเท่านั้น

Lamborghini

lambo1

Lamborghini Centenario มาอวดตัวในงานนี้เช่นเดียวกับรถ Hyper Car ทั้งหลาย มาครั้งนี้ไม่ธรรมดาเพราะมันเป็นรถ
ที่เฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปีของ Ferruccio Lamborghini บุรุษลูกชาวนาที่พลิกชะตาเป็นบิดาให้แก่ Lamborghini ให้
ทุกคนทั่วโลกจดจำ

Lamborghini Centenario เป็นรถที่มาเติมเชื้อไฟและความฝันของ Ferruccio Lamborghini ให้ลุกโชนอีกครั้งด้วย
เครื่องยนต์ V12 ที่นำมาจาก Aventador SV มาโมดิฟายด์ให้แรงขึ้นจาก 750 แรงม้าเป็น 770 แรงม้า (สำหรับเวอร์ชัน
US จะแรงราว 760 แรงม้า) ทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 2.8 วินาที ทำความเร็วสูงสุด 350 กิโลเมตรต่อ
ชั่วโมง

lambo2

ภายนอกนั้นไม่พ่นสีใดๆมาให้เพื่อโชว์คาร์บอนไฟเบอร์ล้วนซึ่งในช่วงบนจะเป็นแบบเงาแต่ครึ่งล่างนั้น
เป็นแบบด้านพร้อมกับใช้สีเหลืองตัดบริเวณเสาหลังคาและชายล่างของรถ รวมไปถึงยาง Pirelli PZero
ที่ออกแบบมาให้รถยนต์รุ่นนี้โดยเฉพาะซึ่งไม่ได้มีเพียงแต้มสีมาให้เท่านั้นแต่ยังรองรับระบบบังคับเลี้ยว
4 ล้อของ Centeanario อีกด้วยล้อทำจากวัสดุ Forged Aluminium ขนาด 20 นิ้วในด้านหน้าและ 21
นิ้วในด้านหลัง ส่วน spoiler หลังนั้นสามารถปรับระดับอัตโนมัติได้ 3 ระดับ

lambo3

ภายในนั้นทำจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งคันเช่นกันตั้งแต่เบาะยันแผงประตูและยังมีการเดินด้ายสีเหลือง
แบบพิเศษตั้งแต่คอลโซล, พวงมาลัย, ที่บังแดด, แผงประตูส่วนวัสดุที่ใช้คลุมบริเวณอื่นๆนั้นทำจาก
Alcantara ส่วนระบบเครื่องเสียงนั้นมาพร้อมกับหน้าจอความละเอียดสูงขนาด 10.1 นิ้วพร้อมเชื่อมต่อกับ
Apple CarPlay

บรรทัดนี้ขอแสดงความเสียใจแก่มหาเศรษฐีที่ยังไม่ได้จับจอง เพราะตอนนี้มันถูกขายออกไปหมดแล้ว

Maserati

maserati1 maserati2

Maserati Levante เอสยูวีคันแรกของค่ายนี้หลังจากบ่มเพาะและฟูมฟักมานานถึง 10 กว่าปี แม้ตอนนี้จะมีผู้ผลิตรถหรู
ผลิตรถเอสยูวีออกมาแทบจะเต็มท้องตลาดแล้ว แต่ก็ยังมีพื้นที่ให้ Maserati กอบโกยได้บ้าง

Maserati Levante เกิดมาเพื่อ fight กับ Porsche Cayenne โดยตรง อาศัยเสน่ห์ความโฉบเฉี่ยวจากจิตวิญญาณ
Maserati ช่วยสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง เครื่องยนต์มีให้เลือกหลายรุ่นโดยเริ่มที่ V6 เบนซิน เทอร์โบคู่พร้อมสองระดับ
ความแรงที่ 350 และ 450 แรงม้า (PS) ต่อมาเป็นเครื่องยนต์ดีเซลที่ให้กำลังสูงสุดสามระดับตั้งแต่ 250, 275, และ 340
แรงม้า (PS) ส่วนรุ่นแรงสุดจะเป็น เครื่องเบนซิน V8 3.8 ลิตรเทอร์โบคู่จาก Quattroporte ซึ่งน่าจะพกกำลังสูงสุดมาไม่
ต่ำกว่า 560 แรงม้า (PS) ส่วนระบบส่งกำลังทั้งหมดจะเป็นเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ

maserati3

เอาเข้าจริงจุดขายของ Maserati Levante อาจยังไม่มีจุดเด่นมากนักถ้าหากมองกันแค่สเปคบนกระดาษ เพราะไม่ว่าจะ
เป็นความแรง, สมรรถนะหรือฟีเจอร์ติดรถก็ไม่ได้เหนือความคาดหมายอะไรนัก ดังนั้น เราคงต้องพิสูจน์กันที่การขับขี่
เท่านั้น

McLaren

mclaren1

McLaren 570GT มาพร้อมกับความอ่อนโยนลงเมื่อเทียบกับ 570S ภายนอกไม่มีอะไรแตกต่างจากรุ่น 570S มากนัก
นอกจากสปอยเลอร์หลังขนาดเล็กที่สูงกว่าเดิมเล็กน้อยและมีช่องลมบริเวณกระจกหลังเพื่อรีดลมเข้าห้องเครื่องซึ่งมีขนาด
ใหญ่ขึ้น แต่สิ่งที่ชัดเจนที่สุดคือกระจกด้านหลังที่เคยตัดตรงและมีฝากระโปรงหลังนั้นถูกแทนที่กระจกทั้งบานลาดยาวแบบ
Fastback ซึ่งสามารถเปิดแบบยกไปทางด้านขวาได้เพื่อประโยชน์ในการบรรทุกสัมภาระ และยังมีล้อลายพิเศษสำหรับรุ่น
นี้ซึ่งมีขนาด 19 นิ้วในคู่หน้าและ 20 นิ้วในคู่หลัง

mclaren2

ภายในเน้นความหรูหรามากขึ้นด้วยการหุ้มหนังรอบคันรวมถึงแผงประตูบุนิ่มอีกด้วย และยังให้อุปกรณ์ต่างๆมาครบครัน
ไม่ว่าจะเป็นเบาะและพวงมาลัยปรับไฟฟ้า, เครื่องเสียงแบบพรีเมี่ยม, และกระจกไล่ฝ้ารอบคัน ส่วนที่เก็บสัมภาระด้านหลัง
นั้นมีความจุ 220 ลิตรซึ่งเมื่อรวมเข้ากับความจุในฝากระโปรงหน้าอีก150 ลิตรนั้นหมายความว่ารถยนต์คันนี้เก็บของได้
ทั้งหมด 370 ลิตร

Mercedes-Benz

mb1

ปีนี้บูธ Mercedes-Benz มิได้จัดเต็มอย่างที่คิดเพราะอวดโฉมเพียงแค่ C-Class Cabriolet หลังคาผ้าใบที่ใช้เวลาเปิด-
ปิดหลังคาภายใน 20 วินาทีในขณะที่รถยนต์เคลื่อนที่ด้วยความเร็วไม่เกิน 50 กิโลเมตร/ ชั่วโมง สีสันของผ้าหลังคานั้น
เลือกสรรได้ตามใจนึกเหมือน S-Cabriolet กับ 4 เฉดสีประกอบไปด้วยสีน้ำตาลเข้ม, สีน้ำเงินเข้ม, สีแดงเข้ม, และสีดำ
สำหรับความจุในฝากระโปรงหลังจะอยู่ที่ 360 ลิตรเวลากางหลังคาแต่เมื่อพับเก็บแล้วจะลดลงเหลือ 285 ลิตร สำหรับ
ภายในสามารถเลือกโทนสีได้ถึง 5 เฉดสีตัดกับโครเมี่ยมสีเทาด้านพร้อมวัสดุตกแต่งถึง 13 ตัวเลือกตั้งแต่อลูมิเนียม,
คาร์บอนไฟเบอร์, ไฟเบอร์กราส, และลายไม้ทั้งสีดำและสีน้ำตาล

mb2

ช่วงล่างมีระบบ Air Suspension ให้เลือกเป็นออพชั่นเสริมซึ่งมาพร้อมกับพร้อมกับเพลาขับหน้า-หลังที่สามารถปรับมุม
ได้ ส่วนระบบ Dynamic Select นั้นสามารถปรับรูปแบบการขับขี่ได้มากถึง 5 ระดับตั้งแต่ Eco, Comfort, Sport,
Sport Plus, และ Individual สำหรับระบบความปลอดภัยต่างๆนั้นอัดแน่นมาให้เช่นเคยไม่ว่าจะเป็น Attention
Assist, Collision Prevention Assist Plus, Distrionic Plus, BAS Plusและระบบช่วยถอยจอดพร้อมกล้องรอบคัน

Renault

renault1

Renaule Scenic โฉมใหม่ดูมีดีไซน์ที่ยั่วเย้า เย้ายวน ก็เพราะพวกเขากล้าออกแบบให้ดูพลิ้วไสวเกินกว่ารถ MPV ทั่วไป
จนเสมือนกลายเป็นรถคอมแพคท์ทางเลือกใหม่มากกว่าจะเป็นรถ MPV พ่อบ้าน แม่บ้าน

Renault Scenic โฉมใหม่มินิแวนแห่งแฟชั่นมีจุดเด่นด้านการออกแบบด้วยการติดตั้งกระจกแบบบานใหญ่ 3 ด้าน, ยก
พื้นตัวถังให้สูงขึ้น, ลดระยะโอเวอร์แฮงค์ท้ายและขยายความกว้างแทร๊คล้อคู่หน้า-หลังให้กว้าง สวนทางกับรถ MPV อื่น ๆ
ที่พยายามทำให้รถอยู่ในแนวยาวผอมสูงเก้งก้าง

renault2 renault3

ส่วนประกอบสำคัญที่ทำให้รถดูสวยได้ขนาดนี้คือการขยายขนาดล้ออัลลอยเป็น 20 นิ้ว ใหญ่เบอะราวกับล้อรถต้นแบบ จึง
ช่วยทำให้สัดส่วนตัวรถโดยรวมสมบูรณ์แบบเอามาก ๆ ส่วนจุดเด่นอื่น ๆ ก็ไม่แตกต่างจากรถ MPV อื่นนัก

สรุปว่า ถ้าภายนอกกินขาด อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง

Seat

seat1

Seat Ateca เอสยูวีคันแรกของค่ายที่น่าจะช่วยเสริมสถานภาพทางการเงินให้แข็งแกร่งขึ้นซึ่งก็โชคดีที่ Seat ค่อย ๆ มี
ความแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อย ๆ และที่สำคัญ Seat จะกล้าตั้งราคา Ateca ให้มาท้าชนกับ Nissan Qashqai ผู้เล่นตลาด
ครอสโอเวอร์สำคัญในยุโรปด้วยราคาที่ถูกกว่า

Seat พยายามอัดจุดเด่นให้แก่ Ateca มากมายหลายประการ ก็แน่นอนว่าประกอบไปด้วยดีไซน์ที่ดูเฉียบคมพร้อมกับไฟ
หน้า LED ครบทุกรุ่นย่อย, พยายามสร้างรถเพื่อเอาใจกลุ่มลูกค้าที่มีครอบครัวมากขึ้น, เทคโนโลยีทันสมัยจำพวก ระบบ
ช่วยเหลือผู้ขับขี่

seat2

นอกจากนี้ Seat Ateca ยังพยายามสร้างจุดขายเพื่อเอาใจลูกค้าชาวยุโรปตะวันออกด้วยการสร้างรถที่มีพื้นที่ห้องโดยสาร
โปร่งโล่งสบายทั้งตอนหน้าและตอนหลัง มีพื้นที่ห้องสัมภาระสูงสุด 510 ลิตร

ไม่น่าเชื่อเลยว่า Seat จะทำการบ้านกับ Ateca ออกมาดีกว่าที่คิด คงเหลือแค่ว่ารถคันจริงมันจะมีคุณภาพโดยรวมอยู่ใน
ระดับไหน

Skoda

skoda1

Skoda Vision S เอสยูวีที่วาดภาพฝันได้ชัดเจนว่ามันจะต้องเป็นเอสยูวีขนาดกลางค่อนข้างใหญ่ที่มีดีไซน์คลาสสิค
สมัยใหม่ มีเส้นสายแปลกตาสำหรับแบรนด์ Skoda

หน้าตาเป็นสันเป็นคมที่ประกอบไปด้วยเส้นสายคู่ขนานกันค่อนข้างซับซ้อนน่าจะเป็นแนวทางการออกแบบใหม่ของ
Skoda ในรถยนต์เจเนเรชั่นต่อไป แม้มันมีสัดส่วนตัวถังดูอนุรักษ์นิยมคือเน้นทรงกล่องไม่พลิ้วไหวมากนัก แต่ด้วยเส้นสาย
ที่พิสดารขนาดนี้ก็ทำให้ Skoda Vision S Concept กลับดูล้ำสมัยมากกว่าใคร

Skoda Vision S Concept จะเตรียมขึ้นสายการผลิตภายในปลายปี 2016 ด้วยคุณสมบัติเด่นคือการเป็นรถเอสยูวีที่
สามารถรองรับผู้โดยสาร 6 คนได้สบายมาก

skoda2

เวอร์ชันรถต้นแบบจะติดตั้งขุมพลัง Plug-in Hybrid รวมพลังเครื่องยนต์เบนซิน 1.4 ลิตร เทอร์โบ 156 แรงม้า แรงบิด 250
นิวตันเมตร ผนึกกำลังกับมอเตอร์ไฟฟ้า 54 แรงม้า แรงบิด 220 นิวตันเมตร ทั้งสองขุมพลังนี้จะส่งกำลังไปยังล้อคู่หน้า
ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้าอีกตัวหนึ่งให้กำลัง 115 แรงม้า แรงบิด 270 นิวตันเมตร จับคู่เกียร์อัตโนมัติ DSG 6 จังหวะ

รถคันนี้สามารถวิ่งในโหมดรถไฟฟ้ามีระยะทางวิ่งสูงสุด 50 กิโลเมตร ในโหมดขับเคลื่อน Hybrid มีระยะทางวิ่งสูงสุด
1,000 กิโลเมตร มีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 7.4 วินาที ทำความเร็วสูงสุด 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

เชื่อว่าเมื่อรถคันนี้ขายจริง มันน่าจะมีกระแสตอบรับดีพอควร แต่ก็ต้องจับตาดูว่ามันจะมียอดขายที่ทำให้แบรนด์ Skoda
ก้าวกระโดดขึ้นได้แค่ไหน

Ssangyong

ssangyong1

ก็นับว่า Ssangyong ปรับตัวได้ดีกับตลาดเอสยูวี B-Segment พอควรเพราะนอกจากแนะนำ Ssangyong Tivoli รุ่น 5 ที่
นั่งได้ทันท่วงทีแล้ว พวกเขาก็เปิดตัว Tivoli รุ่น 7 ที่นั่งภายใต้ชื่อ Tivoli XLV อย่างทันท่วงทีในงาน Geneva
Motorshow 2016 อีกด้วย

Ssangyong Tivoli XLV ใช้โครงสร้างตัวถังร่วมกับ Tivoli รุ่นปกติแต่ยื่นระยะบั้นท้ายให้ยาวขึ้นสำหรับรองรับเบาะ
ผู้โดยสารตอนที่ 3 จนทำให้ตัวรถดูจะกลายเป็นรถอีกเซกเมนต์หนึ่งไปเลย

ssangyong2

Ssangyong Tivoli XLV ยังคงมีความยาวฐานล้อแค่ 2,600 มิลลิเมตร แต่เพิ่มความยาวท้ายถึง 235 มิลลิเมตร มีเนื้อที่
ห้องสัมภาระ 423 ลิตรหากพับเบาะหลังก็จะมีเนื้อที่ 720 ลิตร

เครื่องยนต์กลไกทั้งหมดก็ยกมาจาก Tivoli รุ่นมาตรฐานที่มีทั้งเครื่องยนต์เบนซิน 1.6 ลิตรและดีเซล 1.6 ลิตร

Ssangyong คาดหวังว่าจะมียอดขาย Tivoli ทุกตัวถังรวมกันทะลุ 1 แสนคันภายในปี 2018

ssangyong3 ssangyong4

Ssangyong SIV-2 รถต้นแบบที่นำเจ้า Tivoli มาติดตั้งขุมพลัง Hybrid ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตรเทอร์โบ และ
มอเตอร์ไฟฟ้า 10 กิโลวัตต์ ส่วนดีไซน์ภายนอกจะแตกต่างจาก Tivoli มาตรฐานตรงด้านหน้าที่ดูเพรียวทันสมัยและมีการ
ออกแบบเสา C แบบ Floating Roof

Toyota

toyota1

Toyota C-HR คือรถครอสโอเวอร์ที่คนไทยหลายคนรอคอย แต่อาจจะต้องถึงปี 2018 ซึ่งก็ถือว่านานพอดูเพราะ Toyota
ต้องการนำ C-HR มาถล่มตลาดยุโรปภายในปีหน้าก่อน

Toyota C-HR ถูกสร้างขึ้นบนชุดโครงสร้างพื้นตัวถังและงานวิศวกรรมร่วม TNGA ร่วมกับ Toyota Prius โฉมใหม่ล่าสุด
มาพร้อมกับความคาดหวังใหม่ที่หวังเอาไว้ว่ามันจะต้องเป็นรถที่โดนใจวัยรุ่นในตลาดอเมริกา (เพราะมันจะขายในชื่อ
Toyota มิใช่แบรนด์ Scion อีกต่อไป), ต้องเป็นรถที่ได้รับการยอมรับด้านคุณภาพในสายตาลูกค้าชาวยุโรปและจะต้อง
เป็นรถอเนกประสงค์ครบเครื่องที่สุดในสายตาลูกค้าชาวเอเชีย

toyota2 toyota3

มิติตัวถังภายนอกเรียกว่ามันจะต้องมาฟัดกับ C-Crossover ตัวเป้งอย่าง Nissan Qashqai รถยอดฮิตในยุโรป แต่
แตกต่างกันด้วยรูปลักษณ์ที่ดูหรรษาแบบ Funky Design เป็นรถที่มีมิติดูแปลกตาพอสมควร ด้วยเส้นหลังคาที่เอนลาดดิ่ง
พุ่งเข้าหาไปท้ายโดยตรง, เน้นความมีมิติของซุ้มโป่งล้อมากขึ้น

โชคดีที่ Toyota เลือกพัฒนา C-HR ให้ตรงกับกลุ่มลูกค้าชาวยุโรปมากกว่าทวีปอื่น ๆ จึงทำให้ Toyota เน้นการปรับจูน
การขับขี่และช่วงล่างเป็นหลัก และเชื่อว่าลูกค้าทั่วโลกก็น่าจะได้ใช้รถที่มีประสิทธิภาพการขับขี่แบบเดียวกัน

Volkswagen

vw1 vw2

น่าแปลกดีเหมือนกันที่ Volkswagen กล้าเปิดตัว Phideon รถซีดานใหญ่เพื่อมาแทนที่ Phaeton ในตลาดจีนที่งาน
Geneva 2016 คงเพราะ Volkswagen น่าจะอยากลองโยนหินถามทางอะไรบางอย่าง

Volkswagen Phideon เน้นเส้นสายเฉียบคมรอบคันไม่ว่าจะเป็นบริเวณฝากระโปรงหน้าและกระจังหน้าโครเมี่ยมที่มา
พร้อมกับไฟหน้าแบบ Dual LED และ Daytime Running Light อยู่ในโคมเดียวกันซึ่งทางผู้ผลิตแจ้งว่านี่เป็นแนว
ทางการออกแบบของรถยนต์คันนี้จะถูกนำไปใช้ในรถเก๋ง VW รุ่นถัดไป สำหรับแชสซีย์ที่รถคันนี้ใช้นั้นเป็นแบบ MLB หรือ
Modular Longitudinal Matrix (MLB) อย่างเดียวกับที่ใช้ในC Coupe GTE Concept ซึ่งเผยโฉมไปใน Auto
Shanghai ในปีที่แล้ว

vw3

เครื่องยนต์กลไกมีให้เลือกทั้งเบนซิน 3.0 ลิตร TSI 296 แรงม้า และ 2.0 ลิตร แบบ Plug-in Hybrid เตรียมเปิดตัวให้
ลูกค้าชาวจีนได้จับจองภายในไตรมาส 3 ของปี 2016

vw4

Volkswagen T-Cross Breeze เป็นรถที่ส่งสัญญาณชัดเจนแล้วว่า “เอาจริง” กับตลาด B-Segment SUV ในอนาคตอัน
ใกล้ คือมันเป็นรถต้นแบบที่นำ T-Cross Concept มาขัดเกลาให้ใกล้เคียงกับความจริงมากยิ่งขึ้น

vw5

คุณลักษณะเด่นของ Volkswagen T-Cross Breeze คือเป็นเอสยูวีเปิดประทุนที่คาดว่าน่าจะดูลงตัวเมื่อปิดประทุน
ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 1.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ ภายใต้น้ำหนักตัวถัง 1,250 กิโลกรัม ทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อ
ชั่วโมงภายใน 10.3 วินาที

อนาคตเราไม่รู้ว่าเอสยูวีบนพื้นฐาน Volkswagen Polo จะเป็นเช่นไร แต่คิดว่าน่าจะเป็นสิ่งที่ทุกคนพอคาดเดาได้

———————————————————————————————————————————-