Headlightmag Clip รีวิว ทดลองขับ Mercedes-AMG GLA 35 MATIC

Mercedes-Benz (ประเทศไทย) เดินเกมรุกบุกตลาด Performace Car ในบ้านเราอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่าน จะเห็นได้จากการทยอยเปิดตัวรถยนต์ตระกูล AMG หลากหลายรุ่น ไม่ว่าจะเป็นรหัสแรงสุดอย่าง 63 หรือเหล่าบรรดาขุมพลัง 6 สูบ อย่าง 53 และ 43 หรือแม้แต่น้องเล็กพริกขี้หนู รหัส 35 โดยรุ่นล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อช่วงเดือน มีนาคม 2021 ที่ผ่านมา นั่นก็คือ Mercedes-AMG GLA 35 4MATIC ซึ่งเป็นรุ่นประกอบในประเทศ ราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ อยู่ที่ 3,190,000 บาท ครองตำแหน่งรถ AMG ที่ราคาเอื้อมถึงง่ายที่สุด นับตั้งแต่มีการทำตลาดในประเทศไทย

ความแตกต่างของ Mercedes-AMG GLA 35 4MATIC เมื่อเทียบกับ Mercedes-Benz GLA 200 AMG Dynamic มีดังต่อนี้

ภายนอก

  • กระจังหน้า AMG-Specific Radiator Grille พร้อมสัญลักษณ์ AMG
  • สัญลักษณ์ TURBO 4MATIC ที่แก้มข้างด้านหน้า
  • ฝาท้ายไฟฟ้า พร้อมฟังก์ชั่นเตะเปิด
  • สัญลักษณ์ AMG ที่ฝากระโปรงท้าย
  • สปอยเลอร์หลัง AMG Spoiler Lip
  • ท่อไอเสีย AMG Exhaust System
  • ล้ออัลลอย AMG ลาย 5 ก้านคู่ ขนาด 19 นิ้ว รัดด้วยยาง Michelin Pilot Sport 4S ขนาด 235/50 R19
  • กุญแจรีโมท KEYLESS-GO แบบ AMG

ภายในห้องโดยสาร

  • วัสดุตกแต่งแผงเดชบอร์ดและแผงประตูแบบ Aluminum Trim
  • สายเข็มขัดนิรภัยสีแดง แบบ Designo
  • หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่บนกระจกบังลมหน้า Head-up Display
  • ชุดเครื่องเสียง Bermester
  • พรมปูพื้นพร้อมสัญลักษณ์ AMG

นอกเหนือจากการตกแต่งภายนอกและภายในห้องโดยสารแล้ว รายละเอียดด้านงานวิศวกรรมก็มีความแตกต่างจาก GLA 200 เช่นกัน  เริ่มจากขุมพลัง

เปลี่ยนมาใช้ เครื่องยนต์รหัส M260 เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 2.0 ลิตร 1,991 ซีซี กำลังอัด 10.0 : 1 พ่วงระบบอัดอากาศ Twin-scroll Turbocharged กำลังสูงสุด 306 แรงม้า (PS) ที่ 5,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ที่ 3,000 – 4,000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ AMG SPEEDSGIFT DCT 8 G 8 จังหวะ ส่งกำลังลงสู่ล้อทั้ง 4 ด้วยระบบขับเคลื่อน AMG Performance 4MATIC ที่สามารถแปรผันการกระจายกำลังไปยังล้อคู่หน้าและคู่หน้าได้ตั้งแต่ 50 : 50 ไปจนถึง 100 : 0

ระบบบังคับเลี้ยวเป็นแบบ Rack & Pinion พร้อมเพาเวอร์ช่วยผ่อนแรงแบบไฟฟ้า EPS (Electronic Power Steering) อัตราทดเฟืองพวงมาลัยในตำแหน่งถือตรง อยู่ที่ 14.4 : 1 พร้อมระบบแปรผันน้ำหนักตามความเร็ว AMG Speed-sensitive Steering

ระบบกันสะเทือนเป็นแบบ AMG Ride Control แม้ด้านหน้าจะยังคงใช้รูปแบบ MacPherson Strut และแบบ Multi-link ในช่วงล่างด้านหลัง เหมือน GLA รุ่นปกติ แต่ช่วงล่วงด้านหน้าจะเสริมด้วยระบบ Brake Torque Anti-dive ที่ช่วยลดการยุบตัวของช็อกอัพหน้าในขณะที่เบรกฉุกเฉินหรือกดเบรกหนักๆ นอกจากนี้ ยังเปลี่ยนมาใช้วัสดุปีกนกแบบ Aluminum ซึ่งช่วยลดน้ำหนัก Unsprung weight อีกทั้งยังเปลี่ยนมาใช้ช็อกอัพที่สามารถปรับความหนืดของช็อกอัพได้ 3 ระดับ ตั้งแต่ COMFORT, SPORT และ SPORT+

ระบบเบรกอัพเกรดขึ้นไปใช้แบบเดียวกันกับ GLA 45 และ GLA 45S เป็นดิสก์เบรกแบบมีครีบและรูระบายความร้อน ทั้ง 4 ล้อ จานเบรกคู่หน้าขยายขนาดให้ใหญ่โตขึ้นเป็น 350 x 32 มิลลิเมตร พร้อมคาลิเปอร์ 4 สูบ Monoblock สีเงิน เสริมด้วยสัญลักษณ์ AMG ส่วนจานเบรกคู่หลังก็ใหญ่ขึ้นเป็น 330 x 32 มิลลิเมตร เสริมการทำงานด้วยระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD และระบบเสริมแรงเบรก Brake Assist นอกจากนี้ ยังมาพร้อมระบบช่วยควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP (Electronic Stability Program) ซึ่งสามารถปรับระดับการเข้ามาช่วยควบคุมอาการของตัวรถได้ 3 ระดับ

ความแตกต่างของ Mercedes-AMG GLA 35 4MATIC โดยเฉพาะด้านงานวิศวกรรม ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์กลไกล ระบบส่งกำลัง ระบบบังคับเลี้ยว ระบบกันสะเทือน ตลอดจนระบบห้ามล้อ จะทำให้ GLA 35 มีบุคลิกการขับขี่ต่างไปจาก GLA 200 อย่างไร มีดีพอที่จะทำให้ลูกค้าขาซิ่งผู้ชื่นชอบตราดาวยอมจ่ายเงินเพิ่มขึ้นจาก GLA 200 เกือบ 800,000 บาท มากน้อยแค่ไหน ลองไปชมกันครับ