Headlightmag Clip รีวิว ทดลองขับ Mercedes-AMG GT C Roadster (Facelift)

ไม่บ่อยครั้งนักที่เราจะสบโอกาสนำรถระดับ Super Car ที่พกความ High มาเต็มพิกัด ทั้งด้าน Performance และราคาค่าตัว แถมยังมีหน้าตายียวนชวนแขก มาทดลองขับและลองใช้ชีวิตอยู่ด้วยยาวๆ ส่วนใหญ่จะเป็นการทดลองขับสั้นๆ ตามโอกาสพิเศษ ซึ่งก็พอจะได้สัมผัสสมรรถนะของตัวรถได้แค่พอปากหอมคอเท่านั้น

แต่แล้วในช่วงที่ใครหลายคนกำลังกักตัวอยู่บ้าน หรือ Work form Home กันแบบนี้ ทาง Mercedes-Benz (ประเทศไทย) ก็ได้ส่งพี่น้องร่วมสายเลือดของ Mercedes-AMG GT S สีเหลือง Solarbeam ฉายา “กล้วยหอมใบเขื่อง” มาให้เราได้ทดลองขับกันอีกครั้ง นั่นก็คือ…

Mercedes-AMG GT C Roadster (Facelift) ราคา 17,190,000 บาท

เท้าความสั้นๆ ก่อนว่า หลังจากที่ Mercedes-AMG GT เปิดตัวครั้งแรกในโลกกันไป เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2014 ก่อนจะเผยรุ่นปรับโฉม Facelift ออกสู่สายตาชาวโลกในช่วงต่อมา เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2016 จากนั้นตัวถัง Roadster ก็ถูกส่งเข้ามาเสริมทัพ เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2016 ณ งาน Paris Motor Show โดยในตลาดโลกตัวถัง Roadster จะมีระดับความแรงให้เลือก 2 ระดับ ได้แก่ Mercedes-AMG GT Roadster และ GT C Roadster

มิติตัวถังภายนอก

Mercedes-AMG GT C Roadster มีมิติตัวถังภายนอก ยาว 4,551 มิลลิเมตร กว้าง 2,075 มิลลิเมตร สูง 1,260 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อยาว (Wheelbase) 2,630 มิลลิเมตร ความกว้างช่วงล้อหน้า (Front Track) 1,678 มิลลิเมตร ความกว้างช่วงล้อหลัง (Rear Track) 1,695 มิลลิเมตร ความจุถังน้ำมัน 75 ลิตร

น้ำหนักตัวรถเปล่า Kerb Wright ตามมาตรฐาน DIN/EU อยู่ที่ 1,660 กิโลกรัม

เครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง

AMG GT ตัวถัง Roadster เปิดประทุน เวอร์ชันตลาดโลก จะมีขุมพลังให้เลือก 2 ระดับ ได้แก่ GT Roadster ปกติ และ GT C Roadster ส่วนเวอร์ชันไทย จะมีเพียงรุ่นเดียว คือ GT C Roadster ซึ่งใช้ขุมพลังเป็น…

เครื่องยนต์รหัส M178 DE40 เบนซิน V8 สูบ DOHC 32 วาล์ว 4.0 ลิตร 3,982 ซีซี กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 83.0 x 92.0 มิลลิเมตร กำลังอัด 10.5 : 1 ฉีดจ่ายเชื้อเพลิงแบบ Direct-injection พ่วงระบบอัดอากาศ Bi-Turbocharged กำลังสูงสุด 558 แรงม้า (PS) ที่ 5,750 – 6,750 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 680 นิวตันเมตร ที่ 1,900 – 5,500 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Dual Clutch 7 จังหวะ AMG SPEEDSHIFT DCT 7G ขับเคลื่อนล้อหลัง

 

แรงดัน Boost ของระบบอัดอากาศ Turbocharged อยู่ที่ 1.25 Bar (ต่ำกว่า AMG GT R ซึ่งอยู่ที่ 1.35 Bar)

ระบบหล่อลื่นเครื่องยนต์เป็นแบบ Dry Sump Lubrication  ที่อาศัยการทำงานของปั๊มน้ำมันเครื่อ ควบคุมแรงดันด้วยไฟฟ้าในการดูดน้ำมันเครื่องจากอ่าง ผ่านท่อส่ง ไปยังช่องทางเดินน้ำมันเครื่อง แล้วไหลกลับเข้าสู่อ่างน้ำมันเครื่องที่แยกตัวออกจากเครื่องยนต์อีกครั้ง

ข้อดีคือ ไม่ว่ารถจะเข้าโค้งแรงขนาดไหน หรือกระโดดเนินกี่ครั้ง น้ำมันเครื่องก็ยังคงไปหล่อลื่นเครื่องยนต์ได้อย่างไม่ขาดตอน อีกทั้งยังเป็นการลดภาระโหลดให้กับเครื่องยนต์ รวมถึงสามารถวางเครื่องยนต์ต่ำลง และมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำลงตามไปด้วย เนื่องจากไม่ต้องเผื่อระยะความสูงของอ่างน้ำมันเครื่อง

ระบบท่อไอเสียเป็นแบบ AMG Performance Exhaust System มีวาล์วปรับแรงดันในท่อ ควบคุมได้ 2 แบบ จากสวิตช์บนคอนโซลกลาง (รูปปลายท่อ แถวซ้าย ด้านหลังสุด) ทั้ง Balanced (ดังน้อย) และ Powerful (ดังมาก)

โหมดการขับขี่ DYNAMIC Select

  • Comfort (C) ระบบจะเปลี่ยนไปใช้เกียร์สูงเร็วขึ้น คันเร่งไฟฟ้าตอบสนองนุ่มนวล เปิดการทำงานของระบบ  ECO Start/Stop และตัดการเชื่อมต่อระหว่างเครื่องยนต์และเกียร์ เมื่อถอนคันเร่ง ที่ช่วงความเร็ว 60 – 160 กิโลเมตร/ชั่วโมง
  • Sport (S) เกียร์จะถูกเปลี่ยนที่รอบสูงขึ้น การตอบสนองของคันเร่งไฟฟ้าไวขึ้นกว่า Comfort ปิดการทำงานของระบบ ECO Start/Stop ความหนืดของช็อกอัพจะถูกปรับเพิ่มขึ้น และ ESP จะทำงานในโหมด ON ปกติ
  • Sport+ เกียร์ และคันเร่งไฟฟ้า จะถูกปรับให้ทำงานไวขึ้นกว่า Sport ช็อกอัพหนืดขึ้น พวงมาลัยหนักขึ้นกว่า Sport
  • Individual (I) ผู้ขับขี่สามารถเข้าไปปรับตั้งค่าแต่ละหัวข้อได้อย่างอิสระ ได้แก่
    • โหมดการขับขี่ (Reduced / Moderated / Sport / Dynamic)
    • ระบบเกียร์ (D / Manual)
    • Dynamics (Basic / Advanced / Pro)
    • ช่วงล่าง (Comfort / Sport / Sport+)
    • ระบบไอเสีย (Balanced / Powerful)

ระบบบังคับเลี้ยว

ระบบบังคับเลี้ยวเป็นแบบ AMG Speed-sensitive Sports Steering หรือแบบ Rack & Pinion พร้อมเพาเวอร์ผ่อนแรงแบบไฮดรอลิก อัตราทดเฟืองพวงมาลัย (Steering Ratio) ในตำแหน่งถือตรง อยู่ที่ 12.7 : 1 รัศมีวงเลี้ยว (Turning Radius) 5.735 เมตร เสริมการทำงานด้วยระบบแปรผันน้ำหนักและอัตราทดเฟืองพวงมาลัยตามความเร็วอัตโนมัติ

เฉพาะรุ่น GT R เท่านั้น ที่จะมีระบบ AMG Rear-axle Steering ควบคุมการเลี้ยวด้วยล้อหลังตามความเร็วอัตโนมัติ ปรับมุม Toe ได้ตั้งแต่ 0.1 – 1.5 องศา

ระบบกันสะเทือน

ระบบกันสะเทือนเป็นแบบ AMG RIDE CONTROL Sports Suspension ช่วงล่างทั้ง 4 ล้อ เป็นแบอิสระ Double Wishbone คอยล์สปริง เสริมด้วยระบบ Anti-dive ป้องกันอาการหน้ามุดเมื่อเบรกหนักๆ และลดการให้ตัวซ้าย – ขวา ด้วยเหล็กกันโคลง ชิ้นส่วนปีกนกผลิตจากวัสดุ Aluminum เพื่อลดน้ำหนัก Unsprung Weight

ช็อกอัพสามารถปรับความหนืดได้จากสวิตช์ควบคุมบนคอนโซลกลาง 3 ระดับ ทั้ง Comfort, Sport และ Sport+

ระบบห้ามล้อ

ระบบห้ามล้อของ AMG GT C Roadster จะใช้แบบเดียวกันกับ AMG GT R คือเป็นเกรดสูงสุดในบรรดารถ AMG GT ที่มีชื่อเรียกว่า AMG High-performance Composite Brake จานเบรกคู่หน้า เป็นแบบมีครีบและรูระบายอากาศ (Ventilated & Perforated) เส้นผ่านศูนย์กลาง 15.4 นิ้ว หนา 1.4 นิ้ว (Mercedes-AMG GT 14.2 นิ้ว และ Mercedes-AMG GT S 15.2 นิ้ว) จานเบรกคู่หลัง เป็นแบบมีครีบและรูระบายอากาศ เส้นผ่านศูนย์กลาง 14.2 นิ้ว หนา 1.0 นิ้ว

เสริมการทำงานด้วยสารพัดตัวช่วย ได้แก่ ระบบป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-Lock Braking System) โปรแกรมควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP (Electronic Stability Program) ซึ่งประกอบด้วย ระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake Force Distribution) และระบบ ADAPTIVE BRAKE และระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน Hill Start Assist

 ระบบความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือการขับขี่

ระบบความปลอดภัยเชิงป้องกัน ACTIVE Safety

  • ไฟเบรกกะพริบฉุกเฉิน (Adaptive brake lights)
  • เข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด 2 ที่นั่ง
  • กล้องแสดงภาพด้านหลัง และด้านหน้าขณะถอยจอด
  • ระบบรักษาความเร็ว (cruise control) และจำกัดความเร็ว (SPEEDTRONIC)
  • ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ (PRE-SAFE® system)
  • ระบบตรวจวัดแรงดันลมยางอัตโนมัติ TPMS (Tyre Pressure Monitoring System)
  • ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (ATTENTION ASSIST)
  • โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ AMG TRACTION CONTROL 9 – Step
  • ระบบเบรก ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชัน HOLD และ Hill-Start Assist
  • ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS (Anti – lock braking system)
  • โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP (Electronic Stability Program)

ระบบความปลอดภัยเชิงปกป้อง PASSIVE Safety

  • ถุงลมนิรภัยด้านหน้า 2 ตำแหน่ง สำหรับผู้ขับขี่ และผู้โดยสาร (Front Airbags)
  • ถุงลมนิรภัยบริเวณหัวเข่าสำหรับผู้ขับขี่ (Kneebag)
  • ถุงลมนิรภัยด้านข้าง 2 ตำแหน่ง สำหรับผู้ขับขี่ และผู้โดยสาร (Side Airbags)
  • ม่านถุงลมนิรภัยด้านข้างป้องกันศีรษะ 2 ตำแหน่ง (Curtain Airbags)
  • ไฟเบรกกะพริบฉุกเฉิน (Adaptive Brake Lights)
  • เข็มขัดนิรภัยแบบ ELR 3 จุด 2 ที่นั่ง

หากไม่ใช่คนที่ชื่นชอบรถเป็นชีวิตจิตใจ น้อยคนนักที่จะให้ความสนใจกับรถแรงและแพงเกินเอื้อมแบบนี้ แต่มาลองดูกันเล่นๆ ดีกว่า ว่าสมรรถนะการขับขี่ ทั้งด้านเครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง ระบบบังคับเลี้ยว ระบบกันสะเทือน ระบบห้ามล้อ ของ AMG GT C Roadster คันจะเป็นอย่างไร มีพิษสงขนาดไหน…

ลองไปชมกันครับ