หลังการเปิดตัวในตลาดยุโรป ไปเมื่อไม่กี่สัปดาห์ ก่อนหน้าประเทศญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา
อันเป็นตลาดหลัก ทั้งที่ปีนี้ตนเอง ก็ไม่ได้เข้าร่วมแฟรงค์เฟิร์ตมอเตอร์โชว์ แต่อย่างใด
ฮอนด้า ก็ยังคงเดินหน้าตามแผน เปิดตัว CR-V Minorchange หรือรุ่นปรับโฉมของ
เอสยูวีรุ่นยอดฮิตของตน ใน 2 ประเทศดังกล่าวตามมาไม่ห่างนัก

เริ่มจากเวอร์ชันญี่ปุ่นที่ได้ฤกษ์เปิดตัว เมื่อ 17 กันยายน 2009 เมื่อพิจารณาดูแล้ว
ความเปลี่ยนแปลงต่างๆ เกิดขึ้นไม่มากนัก เด่นชัดที่สุดคือ กระจังหน้า 2 ชั้นแบบใหม่
เพิ่มความคมสันมากขึ้น และช่องดักลงใต้กระจังลวดลายรังผึ้งพร้อมกันชนหน้าทรงใหม่
ที่ดูเหมือนรถยนต์สำหรับนั่ง มากกว่ารถยนต์สำหรับลุย

 

รวมทั้งยังมีการออกแบบ ล้ออัลลอยลาย 10 ก้านขัดเงาลายใหม่  ขณะที่ บั้นท้ายแทบไม่ได้
ปรับปรุงอะไรมากนัก ยกเว้นชายล่างกันชนท้ายที่เล่นสลับสีนิดหน่อย เพียงเท่านั้น

สำหรับ CR-V เวอร์ชันตลาดสหรัฐอเมริกามีรูปโฉมโนมพรรณไม่แตกต่างจากเวอร์ชันญี่ปุ่น
มากนัก มีเพียงแค่เปลี่ยนโคมไฟเลี้ยงสีส้มเพียง 2 จุดเพื่อให้ผ่านมาตรฐานความปลอดภัย
ของรัฐบาล พร้อมลายล้อแมกซ์ 5 ก้านโฉมใหม่ที่ดูอ่อนหวานขึ้น ส่วนภายในห้องโดยสาร
ไม่แตกต่างจากรุ่นก่อนปรับโฉมเลย

 

ขนาดตัวถังยังคงเท่ากันกับรุ่นก่อน มีความยาว 4,565 มม. ความกว้าง 1,820 มม.
ความสูง 1,690 มม. ระยะฐานล้อยาว 2,620 มม. น้ำหนักระหว่าง 1,480 – 1,570 กิโลกรัม  

ภายในห้องโดยสารที่ปกติก็ดูดีอยู่แล้ว ยิ่งปรับปรุงเป็น Minorchange ก็ยิ่งหรูหรา
มากขึ้นไปอีกเพราะตกแต่งด้วยลายไม้บริเวณแผงหน้าปัดไล่จนแผง ข้างประตูในรุ่นแพงสุด
เพิ่มความหรูหราน่านั่งด้วยเบาะหนังกลับสังเคราะห์ Alcantara ที่มีราคาแพงแซมสลับ
กับวัสดุหนังแท้

 

ส่วนเบาะนั่งในรุ่นที่เป็นเบาะหนังนั้น ดูเหมือนว่าจะใช้ หนัง ซึ่มีคุณภาพดีกว่า
หนังที่พบได้ใน ซีอาร์-วี เวอร์ชันไทย

 

ห้องเก็บสัมภาระด้านหลัง ยังคงให้ความอเนกประสงค์ ได้ไม่ต่างจากรุ่นก่อน
เบาะนั่งแถว หลัง แบ่งพับได้ ในอัตราส่วน 60 : 40 เพิ่มพื้นที่ห้องเก็บของได้เยอะ
ถึงขนาดว่า ใส่จักรยานเสือภูเขา เข้าไปได้ทั้งคัน โดยไม่ต้องถอดล้อหน้า แต่อย่างใด
(อันนี้ พี่ J!MMY เคยทำมาแล้ว และทำได้จริงๆด้วย แต่ต้องใช้วิธีในการยกรถเข้าไป
ที่พลิกแพลงกันนิดหน่อย)

 

 

 

แม้ภายนอกจะเปลี่ยนไปแต่งานวิศวกรรม CR-V เวอร์ชันญี่ปุ่นยังคงเหมือนเดิม
มีเพียงแค่การเพิ่มกำลังอัด ให้กับเครื่องยนต์รหัส K24A บล็อก 4 สูบ DOHC
16 วาล์ว  2,354 ซีซี จ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีด PGM-FI พร้อมแปรผันวาล์ว
i-VTEC 170  แรงม้า (PS) ที่ 5,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 22.4 กก.-ม.
ที่ 4,200 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ มีให้เลือกรุ่นขับเคลื่อน
ล้อหน้าและขับเคลื่อนสีล้อ Real Time
 
ผลจากการเพิ่มแรงอัดนอกจากจะทำให้รถแรงขึ้นแล้วยังเพิ่มความประหยัดอีกด้วย
สำหรับรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อทำอัตราสิ้นเปลืองในเมืองที่ 8.9 กิโลเมตรต่อลิตร
นอกเมือง 11.9 กิโลเมตรต่อลิตร สำหรับรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ Real Time
ทำอัตราสิ้นเปลืองในเมืองที่ 8.9 กิโลเมตรต่อลิตร นอกเมือง 11.4 กิโลเมตรต่อลิตร
ตามมาตรฐานการทดสอบของรัฐบาลญี่ปุ่น (ซึ่งแตกต่างกับสภาพการขับขี่จริงของบ้านเรา)

 

 

ระบบกันสะเทือนยังคงเหมือนเดิม หน้า แม็คเฟอร์สันสตรัท หลังดับเบิ้ลวิชโบน
ส่วนงานวิศวกรรมอื่น ๆ ยังไม่มีความเปลี่ยนแปลงชัดเจนนัก  
ทั้งเรื่องโครงสร้างตัวภัง ไปจนถึง อุปกรณ์ความปลอดภัยต่างๆ
ไม่แตกต่างไปจากรุ่นก่อนปรับโฉมเท่าใดเลย

และอีกเรื่องหนึ่ง ที่เราเชื่อว่าจะยังคงเหมือนเดิมคือ Honda CR-V
ยังน่าจะเป็นรถยนต์ รุ่นที่ทำยอดขายสูงสุด ในตลาดคอมแพคท์เอสยูวี
ในสหรัฐอเมริกา เมืองไทย และอีกหลายประเทศทั่วโลก อยู่ต่อไป

ในตลาดญี่ปุ่น CR-V ใหม่ออกสู่ตลาดแล้ว ผ่านโชว์รูม Honda Cars ซึ่ง
รวมเอาเครือข่ายจำหน่ายเก่าๆ อย่าง PRIMO CLIO และ VERNO
ยุบรวมไว้เป็นชื่อเดียวกัน เพื่อให้สะดวกต่อการทำตลาด ราคาจำหน่าย
ของ CR-V ในญี่ปุ่น เริ่มต้นที่ 2,470,000 – 3,390,000 เยน คิดเป็นเงินไทยเท่าไหร่
ให้คุณ ด้วย 36 หารด้วย 100 ก็จะได้ตัวเลข ก่อนรวมภาษีนำเข้าในบ้านเรา

 

สำหรับตลาดอเมริกาเหนือ โรงงานฮอนด้าในเมือง Ohio จะยังคงรับหน้าที่
ในการผลิตเอสยูวี รุ่นนี้ ป้อนตลาดทั้งในสหรัฐฯ และในแคนาดา เป็นหลัก
อาจจะมีแบ่งปันมายังตลาดอเมริกาใต้บ้าง แต่ก็ไม่มากนัก

สำหรับตลาดเมืองไทยอาจจะได้ยลโฉม CR-V Minorchange ในงานมอเตอร์เอกซ์โป
หรืออย่างช้าสุดภายในงานบางกอก มอเตอร์โชว์ มีนาคม 2010 เพื่อหลีกทางให้ Honda Freed
เปิดตัว ในบ้านเรา ช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนนี้ เสียก่อน

——————————————————///—————————————————–