ภายหลังจากการเผยโฉม All-New Nissan LEAF (เจเนอเรชั่นที่ 3) เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2025 ทาง Nissan ได้ทยอยเปิดเผยข้อมูลตัวรถในรูปแบบ Insights ออกมาเป็นระยะ ๆ ก่อนจะเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการภายในปีนี้ โดยข้อมูลชุดล่าสุดที่ถูกปล่อยออกมานั้น เป็นหัวข้อเกี่ยวกับพื้นฐานโครงสร้างทางวิศวกรรมอเนกประสงค์ ซึ่งออกแบบมาเพื่อรองรับทั้งสมรรถนะ ความสบาย และประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน

 

Nissan LEAF รุ่นใหม่ ถูกพัฒนาขึ้นบนพื้นฐานงานวิศวกรรม CMF-EV ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มรถยนต์ไฟฟ้าของกลุ่มพันธมิตร Renault-Nissan-Mitsubishi โดยระบบกันสะเทือนด้านหลังมีการเปลี่ยนแปลงจากแบบคานบิดกึ่งอิสระ (Torsion Beam) มาเป็นแบบอิสระ Multi-link ที่ให้ประสิทธิภาพการทรงตัวและการยึดเกาะถนนที่ดีขึ้น อีกทั้งยังมีความแข็งแรงเพิ่มขึ้นถึง 66%

ขณะที่ระบบบังคับเลี้ยวมีการปรับโครงสร้างพวงมาลัยแบบ Rack & Pinion ใหม่ ทำให้วงเลี้ยวแคบลงจาก 5.4 เมตร เหลือเพียง 5.3 เมตร

 

ในด้านระบบขับเคลื่อน Nissan LEAF ใช้ชุดส่งกำลังแบบ 3-in-1 ซึ่งรวมมอเตอร์ไฟฟ้า (Motor), อินเวอร์เตอร์ (Inverter) และชุดแปลงพลังงานกลับขณะชะลอความเร็ว (Reducer) เข้าไว้ด้วยกัน โดยขนาดโดยรวมของระบบมีความกะทัดรัดลงประมาณ 10%

ส่งผลให้ภายในห้องเครื่อง (Engine Bay) มีพื้นที่มากพอสำหรับติดตั้งชุดควบคุมระบบปรับอากาศ (Air Conditioning Unit) ซึ่งถูกย้ายจากภายในห้องโดยสาร (บริเวณใต้แผงหน้าปัดด้านหน้า) ออกไปไว้ใต้ฝากระโปรง ช่วยเพิ่มความโปร่งโล่งและพื้นที่ใช้สอยในห้องโดยสารได้มากขึ้น

 

สำหรับมอเตอร์ขับเคลื่อน เป็นแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ให้กำลังสูงสุด 160 กิโลวัตต์ หรือ 214 แรงม้า (HP) และแรงบิดสูงสุด 355 นิวตันเมตร

ด้านแบตเตอรี่แม้จะยังไม่มีการประกาศตัวเลขความจุออกมาอย่างเป็นทางการ แต่มีการยืนยันว่ามาพร้อมระบบรักษาอุณหภูมิและประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ให้คงที่ รวมถึงช่วยลดการใช้พลังงาน โดยทางผู้บริหารระบุว่า Nissan LEAF ใหม่สามารถวิ่งได้ไกลสูงสุดถึง 372 ไมล์ หรือราว 600 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง

 

ที่มา : Nissan