Mazda รีบเตรียมความพร้อมที่อุตส่าห์หมายมั่นปั้นมือให้ Mazda 2 เกิดในไทยช่วงปลายปีจึงเสริมสร้างความแข็งแกร่งของแบรนด์เสียหน่อยว่า Sustainable Zoom Zoom หรือความเร้าใจแบบ ซูม ซูม ที่ยั่งยืนนั้นน่าจะมีความหมายอย่างไรในอนาคต อย่างน้อยการอยู่ตลอดไปอย่างยั่งยืนทั้งความสัมพันธ์กับลูกค้าควบคู่ด้วยเทคโนโลยีที่มีพัฒนาการเพื่อสิ่งแวดล้อมในอนาคตก็คือคำตอบของแนวคิดนี้  ความจริงแล้วมามาสด้าประสบความสำเร็จการสร้างแบรนดิ้งให้คนไทยจดจำว่ามาสด้ามีบุคลิกอย่างไร หลังจากเคยเป็นแบรนด์ที่หลังแถวอยู่ในยุคฟองสบู่แตกภายใต้การดูแลของกิจกมลสุโกศลมาสด้า

เพื่อมิให้ลืมว่า Zoom-Zoom เป็นอย่างไร วันที่ 10 มีนาคม 2552 จึงเปิดตัว Mazda MX-5 Minorchange โรดสเตอร์ขนาดเล็กที่ขายดีที่สุดในโลกที่สวยเฉียบขึ้นอย่างน่าประหลาดใจอย่างฉับไวตามหลังตลาดโลกเกือบ 5 เดือน ชิงตัดหน้าเกรย์มาร์เก็ตบางเจ้า สังเกตว่าปีนี้ว่าตลาดรถเฉพาะกลุ่ม ค่ายรถต่างเปิดศึกกับพวกเกรย์มาร์เก็ตเกือบทั้งนั้นอาจจะเพราะมองเห็นกำไรเหนาะๆทั้งที่พวเกรย์ฯคว้างพุงปลาไปกินนานจนจะเกลี้ยงจานแล้วเมื่อเห็นช่องทางขนาดนี้แล้วด้วยกำลังอำนาจการต่อรองค่ายรถที่เป็นสาขาลูกจากบริษัทแม่ยังไงก็เหนือกว่าอยู่วันยังค่ำในเรื่องกลยุทธ์การตลาด (แต่ถ้าเทียบชั้นบางเรื่องโดยเฉพาะเรื่องใต้ดิน เกรย์มาร์เก็ตจะถนัดกว่า)

 

โรดสเตอร์รุ่นนี้มีเกียรติประวัติยาวนานถึง 20 ปี เปิดตัวครั้งแรกปี 1989 ด้วยแนวคิด Jinba Ittai การผสานเป็นหนึ่งเดียวกันระหว่างม้าและพลธนู  การเปลี่ยนแปลงหลักของ MX-5 ที่ชัดเจนมากคือกันชนหน้าแบบใหม่ออกแบบช่องดักลมและช่องสปอร์ตไลต์แนวเดียวกับ Mazda 3 โฉมใหม่ ไฟหน้ายังใช้โคมเดิมแต่ดูลึกขึ้นอันเกิดจากการเปลี่ยนกันชนใหม่ รวมๆแล้วดูดีกว่าเดิมมากๆเข้ากับตัวรถดูสดใสทันสมัย แกนล้อแมกซ์ (Spoke) ดูผอมเพรียวมากขึ้นราวกับรถต้นแบบ เปลี่ยนลายไฟท้ายใหม่ให้ไฟเลี้ยวและไฟตัดหมอกเล็กลงเน้นโคมไฟเบรคมากขึ้น

มาสด้า ประเทศไทยคงรู้ตัวเองดีว่าเวอร์ชันหลังคาผ้าใบคงขายไม่ดีนักอันเกิดจากผู้หวังดีกรีดผ้าใบให้เสียหายจนถึงขั้นง่ายต่อการโจรกรรม หลังคาแข็งหรือเรียกชื่อยาวๆว่า Retractable Hard Top แปลตรงๆว่า หลังคายืดได้หดได้ถ้าเราเขียนแบบนั้นไม่สละสลวยจึงต้องเรียกมันเสียใหม่ว่า หลังคาแข็งพับเก็บได้ ที่มาสด้ายืนยันว่าเป็นรถหลังคาไฟฟ้าที่เปิด-ปิดเร็วที่สุดในโลกแค่ 12 วินาที (ขนาดนั้นเลยนะครับ) แต่ยังไม่ถึงขั้นจดกินเนสบุ๊ค

รายละเอียดทางเทคนิคเครื่องยนต์ MZR รหัส LF-VE 2,000 ซีซี พร้อมวาล์วแปรผันให้กำลัง 160 แรงม้า พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด Activemetic เพิ่มสมรรถนะการขับขี่ด้วยระบบควบคุมการทรงตัว DSC และระบบควบคุมเกียร์ให้เหมาะสมในการเข้าโค้ง AAS อุปกรณ์มาตรฐานครบครันอาทิ เครื่องเสียงชั้นเยี่ยมของ BOSE เล่นวิทยุ-ซีดี-เอ็มพี3 6 แผ่น ลำโพง 7 ตัว ,กุญแจ Immobilizer เป็นต้น ตั้งราคาที่ 2,640,000 บาท เพิ่มจากเดิม 91,000 บาท

ไม่มาเดี่ยวแต่มาคู่ ส่ง Mazda 3 Move Series ก่อนที่โฉมปัจจุบันจะปลดระวางช่วงปลายปี 2010 จึงขอกระตุ้นตลาดด้วย Microchange เปลี่ยนเล็กน้อยตกแต่งสปอร์ตรอบคันก่อนสิ้นอายุขัยประกอบด้วยรุ่น
1.6 ลิตร แฮทช์แบค i-Move เต็มๆว่า Intelligent-Move ตกแต่งรอบคันด้วยสปอยเลอร์และสเกิร์ต ไฟตัดหมอกทรง Angola Shape เซ็นเซอร์ถอยหลัง 4 จุด ปลายท่อสแตนเลสทรงรี มี 3 สีให้เลือก สีขาวไดมอนด์ไวท์ สีดำแพนเธอร์แบล็กเมทัลลิค และสีเงินมูนดัสซิลเวอร์ จำนวนจำกัด 200 คัน ตั้งราคาไม่แพงนักที่ 897,000 บาท คุ้มกว่าไปซื้อรถสแตนดาร์ดแล้วมาตกแต่งเอง

2.0 ลิตร แฮทช์แบค S-Move ชื่อเต็มว่า Sport-Move แต่งรอบคันสไตล์ MPS ตัวแรงของเมืองนอก มีเซ็นเซอร์ 4 จุด แต่เพิ่มเครื่องเล่น DVD จอสัมผัส 7 นิ้ว พร้อมระบบ GPS Navigator รองรับ Bluetooth,USB,iPod,SD Card,DVD/CD/MP3/MP4 ตัวรถให้เลือกสองสีคือ สีขาวไดมอนด์ไวท์และสีดำแพนเธอร์แบล๊กเมทัลลิค จำกัดจำนวนแค่ 100 คัน ราคา 1,110,000 บาท

ทิ้งท้ายไว้ว่าอีกไม่นาน CX-9 เตรียมนำเข้ามาให้เศรษฐีไทยสัมผัสครอสโอเวอร์ใหญ่ 7 ที่นั่งที่สวยสปอร์ตที่สุดในตลาดแน่ๆครับ และไม้เด็ดที่ทำยอดขายมาสด้าพุ่งฉิวคือ Mazda 2 ใหม่มาแน่นอนปลายปีนี้ด้วยเวอร์ชัน 5 ประตูก่อนครับส่วนหน้าตานั้นคนไทยได้ใช้ของใหม่เพราะเป็นโฉมไมเนอร์เชนจ์พร้อมทั่วโลก