พอพูดถึง Seven หลายคนอาจจะนึกถึงร้านสะดวกซื้อที่อยู่หน้าปากซอยบ้านแต่ในบรรดาคนที่เล่นรถ
MINI Classic น่าจะนึกถึง MINI รุ่นแรกที่ผลิตออกมาเป็นคู่แฝดของ Morris Mini ในปี 1959 ซึ่งใน
ตอนนี้ทาง MINI ได้นำชื่อนี้กลับมาใช้อีกครั้งเป็นรุ่นพิเศษเพื่อหวนรำลึกถึงบรรพบุรุษในรูปแบบตัวถัง
Hardtop ซึ่งมีให้เลือกทั้งแบบ 3 และ 5 ประตู

MINI-Cooper-S-5-door-Seven-68

ภายนอกนั้นมาพร้อมกับล้าลายใหม่สีทูโทนขนาด 17 นิ้วและเพิ่มเป็น 18 นิ้วได้ ที่ฝากระโปรงนั้นจะ
คาดสติกเกอร์สี Melting Silver ขลิบด้วยสี Malt Brown และสี Melting Silver นี้ยังใช้พ่นหลังคา
และกระจกมองข้างอีกด้วย ส่วนสีตัวถังนั้นมีให้เลือก 4 สีประกอบไปด้วยสี Lapisluxury Blue, Pepper
White, Midnight Black, และ British Racing Green

MINI-Cooper-S-5-door-Seven-82

ภายในพบกับคอลโซลกลางสี Malting Brown พร้อมสี Piano Black เบาะนั่งเป็นทรงสปอร์ตวัสดุกึ่ง
หนังแท้สีดำตกแต่งด้วยสี Malting Brown เช่นเคย หน้าจอที่ให้มาเป็นมาตรฐานมีขนาด 6.5 นิ้วสำหรับ
การตกแต่งอื่นๆนั้นยังสามารถเลือกได้ตามใจนึกเช่นเคยไม่ว่าจะเป็นเปลี่ยนวัสดุหุ้มเบาะเป็น Grey Leather
หรือ Cross Punch Carbon Black Leather ทั้งยังเลือกเครื่องเสียงเป็นหน้าจอขนาด 8.8 นิ้วได้ด้วย

MINI-Cooper-S-5-door-Seven-77

เครื่องยนต์มีให้เลือก 2 รุ่นซึ่งยกมาจาก Hardtop รุ่นธรรมดาทั้งคู่เริ่มต้นกับ Cooper พร้อมเครื่องยนต์
เบนซิน 1.5 ลิตร 3 สูบเทอร์โบคู่ให้กำลังสูงสุด 136 แรงม้า (PS) ที่ 4,400 รอบ/ นาทีและแรงบิดสูงสุด
22.39 กก-ม. (220 นิวตันเมตร) ที่ 1,250 รอบ/ นาที อีกรุ่นเป็น Cooper S มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน
2.0 ลิตร 4 สูบเทอร์โบคู่ให้กำลังสูงสุด 192 แรงม้า (PS) ที่ 4,700-6,600 รอบ/ นาทีและแรงบิดสูงสุด
28.61 กก-ม. (281 นิวตันเมตร) ที่ 1,250 รอบ/ นาที

MINI-Cooper-S-5-door-Seven-71

ทั้งคู่มาพร้อมกับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะแต่สามารถเปลี่ยนเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะได้ สำหรับกำหนดการ
ออกจำหน่ายของ 2017 MINI Seven Hardtop อยู่ในช่วงปลายของฤดูร้อนนี้ซึ่งราคาจำหน่ายจะแจ้ง
ให้ทราบในช่วงเปิดตัวต่อไป

MINI-Cooper-S-5-door-Seven-76

ที่มา : motortrend, motorauthority