Supermarine Spitfire คือ เครื่องบินรบที่มีประสิทธิภาพดีที่สุด จากอังกฤษออกแบบในปี 1936
และ เข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 2 ก่อนที่จะปลดประจำการไปหลังสงครามสิ้นสุด ในปี 2016 จึง
เป็นปีครบรอบปีที่ 80 ดังนั้น Aston Martin จึงนำแรงบันดาลใจจากเครื่องบินรุ่นดังกล่าว มาตกแต่ง
Vantage S รุ่น พิเศษออกจำหน่ายในชื่อรุ่น Spitfire 80

Aston-Spitfire-1

ภายนอกมากับสีเขียวพิเศษ Duxford Green ตัดกับกราฟฟิกสีเหลือง แบบเดียวกับที่ใช้ตกแต่ง
เครื่องบิน ส่วนท่อไอเสียเปลี่ยนใหม่ ซึ่งผู้ผลิตแจ้งว่าให้ซุ่มเสียง เหมือนกับเสียงเครื่องบินรบด้วย
ภายในตกแต่งเล็กน้อย ปั๊มสัญลักษณ์ RAF อันเป็นตราของโรงงานที่ผลิตเครื่องบิน Spitfire
บริเวณพนักพิงศีรษะ และ แดชบอร์ด นอกจากนี้ยังมีแท่งอลูมิเนียมค้ำอยู่ด้านหลังเบาะ แบบเดียว
กับที่ใช้ในเครื่องบินรบเช่นกัน ก่อนที่จะปิดท้ายด้วยพื้นรองที่เป็นหนัง

Aston-Spitfire-3

เครื่องยนต์ยังคงเดิม กับเบนซิน V12 6.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 576 แรงม้า (PS) ที่ 6,650 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด 63.22 กก-ม. (620 นิวตันเมตร) ที่ 5,550 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ
7 จังหวะ ส่งกำลังผ่านล้อหลังให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงภายใน 3.9 วินาที ส่วนความเร็ว
สูงสุดอยู่ที่ 330 กิโลเมตร/ชั่วโมง

Aston-Spitfire-4

Aston Martin Vantage S Spitfire 80 ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 80 คันเท่านั้น สนนราคา 180,000 ปอนด์
หรือ ราว 8.30 ล้านบาท ซึ่งราคาสูงกว่า รุ่นปกติอยู่ 39,505 ปอนด์ หรือราว 1.82 ล้านบาท และ รายได้
ส่วนหนึ่งจากทุกคัน จะถูกนำไปบริจาคให้กับ Royal Air Force Welfare Charity สำหรับอุปกรณ์เสริม
ที่น่าสนใจของ Spitfire 80 คือ Irvin Jacket ทำจากหนังแกะ, หมวกกันน็อก, และ แว่นตา แบบเดียว
กับที่นักบินใช้

Aston-Spitfire-2

 

ที่มา : motorauthority, carscoops