2018 Land Rover Discovery โฉมนี้เป็นรุ่นที่ 5 ในตระกูลซึ่งในคราวนี้จะมากับเบาะ 3 แถว 7 ที่นั่ง
มุ่งเน้นในการให้ความสะดวกสบายและความปลอดภัยของผู้ใช้งานในฐานะ SUV สำหรับครอบครัว
ที่ดีที่สุดในโลก จุดเด่นประกอบไปด้วยการนำเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบมาใช้เป็นครั้งแรกในรถยนต์
ตระกูล Discovery พร้อมกับใช้โครงสร้างอลูมิเนียมน้ำหนักเบาช่วยรีดน้ำหนักลงไปได้ 480 กิโลกรัม

LR-Discovery-2018-117

2018 Discovery จะผลิตที่โรงงาน JLR ใน Solihull ของประเทศอังกฤษ สำหรับสีตัวถังมีให้เลือก
มากถึง 17 เฉดสี สำหรับมิติตัวถังจะยาวกว่ารุ่นปัจจุบันอยู่ 140 มิลลิเมตรและมี roofline เตี้ยกว่ารุ่น
เดิม 66 มิลลิเมตร ขนาดล้อมีให้เลือกตั้งแต่ 18-21 นิ้วตามรุ่นย่อยที่แบ่งออกเป็น 4 รุ่นด้วยกันประกอบ
ไปด้วย S, SE, HSE, และ HSE Luxury

LR-Discovery-2018-59

เนื่องจาก Discovery วางตำแหน่งไว้ให้เป็นรถครอบครัว ภายในจึงอัดแน่นไปด้วยอุปกณ์อำนวยความ
สะดวกมากมายไม่ว่าจะเป็นเบ้ารับ USB 9 ช่อง, ช่องจ่ายกระแสไฟฟ้าขนาด 12 โวลต์ 4 ช่อง, และหน้าจอ
ขนาด 10 นิ้วพร้อม 4G wifi hotspot ที่เชื่อมต่ออุปกรณ์ได้พร้อมกันสูงสุด 8 เครื่อง นอกจากนี้ยังมีพื้นที่
บรรทุกสัมภาระจุใจด้วยโดยที่ความจุสำหรับการบรรทุกของเมื่อกางเบาะครบทุกแถวจะอยู่ที่ 258 ลิตร

LR-Discovery-2018-65

เมื่อกางเบาะแถวที่ 3 ลงจะเพิ่มความจุในการบรรทุกสัมภาระเป็น 1,137 ลิตรและ 2,406 ลิตรหากพับเบาะ
แถวที่ 2 ลง นอกจากนี้เบาะคู่หน้าสามารถปรับระดับผ่านหน้าจอสัมผัสกลางคอลโซลหรือผ่านโทรศัพท์
มือถือได้ด้วย อีกส่วนหนึ่งที่มีการเปลี่ยนแปลงคือฝาท้าย 2 ชั้นที่รุ่นก่อนหน้าสามารถเปิดออกแล้วให้คนนั่ง
ได้แต่ในรุ่นนี้ได้เปลี่ยนกลับเป็นประตูบานเดี่ยวแล้ว

LR-Discovery-2018-97

ทั้งนี้ Land Rover ได้เล็งเห็นว่าอาจจะมีกลุ่มลูกค้าที่ชอบนั่งบนฝาท้ายเลยติดตั้งแผ่นเหล็กที่ติดตั้งอยู่
ด้านล่างและสามารถเลื่อนออกมาได้อีก 285 มิลลิเมตรเมื่อเปิดฝาท้าย สามารถรองรับน้ำหนักสูงถึง
300 กิโลกรัม ในส่วนของขุมพลังนั้น ถ้าเป็นรุ่นที่จำหน่ายในประเทศอังกฤษจะมีเครื่องยนต์ให้เลือก
ด้วยกัน 3 รุ่น มีข้อมูลดังต่อไปนี้

LR-Discovery-2018-7

– SD4 ดีเซล 4 สูบ 2.0 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 240 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 50.98 กก-ม.
(500 นิวตันเมตร) ให้อัตราเร่ง 0-96 กิโลเมตร/ชั่วโมงอยู่ที่ 8.0 วินาที อัตราบริโภคเชื้อเพลิงโดย
เฉลี่ยอยู่ที่ 15.4 กิโลเมตร/ลิตร

– SD6 ดีเซล V6 3.0 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 259 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 61.18 กก-ม.
(600 นิวตันเมตร) ให้อัตราเร่ง 0-96 กิโลเมตร/ชั่วโมงอยู่ที่ 7.7 วินาที อัตราบริโภคเชื้อเพลิง
โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 13.8 กิโลเมตร/ลิตร

LR-Discovery-2018-54

– Si6 เบนซิน V6 3.0 ลิตร Supercharger ให้กำลังสูงสุด 340 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 45.88 กก-ม.
(450 นิวตันเมตร) ให้อัตราเร่ง 0-96 กิโลเมตร/ชั่วโมงอยู่ที่ 6.9 วินาที อัตราบริโภคเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ย
อยู่ที่ 9.2 กิโลเมตร/ลิตร

LR-Discovery-2018-124

สำหรับความสามารถในการลุยของ Discovery รุ่นนี้ยังคงอยู่ทุกประการไม่ว่าจะเป็นความสูงจากพื้นรถ
ที่สามารถเพิ่มเป็น 283 มิลลิเมตรด้วยช่วงล่างแบบ Air Suspension ส่งผลให้มุมไต่อยู่ที่ 34 องศาและ
30 องศาสำหรับมุมจาก นอกจากนี้มันยังสามารถลุยน้ำที่มีความสูงถึง 900 มิลลิเมตรและยังมีระบบ
All Terrain Progress Control ที่ระบบจะควบคุมการเร่งและเบรกจนถึงความเร็ว 30 กิโลเมตร/ ชั่วโมง
ให้คนขับได้ตั้งสมาธิกับการบังคับพวงมาลัยอย่างเต็มที่

LR-Discovery-2018-120

2018 Discovery รุ่นพิเศษสำหรับ 600 คันแรกในประเทศอังกฤษและ 529 คันแรกในประเทศสหรัฐออก
ขายในชื่อ First Edition ที่จะมาพร้อมกับการตกแต่งภายในด้วยวัสดุอลูมิเนียมพร้อมไฟอ่านแผนที่ตัวใหม่
สำหรับกำหนดการออกจำหน่ายจะเริ่มต้นตั้งแต่เดือนมีนาคม 2017 เป็นต้นไปที่ประเทศอังกฤษก่อนที่จะ
ออกจำหน่ายในประเทศสหรัฐช่วงกลางปีหน้า สนนราคาเริ่มต้นที่ 43,495 ปอนด์หรือราว 1,952,000 บาท

LR-Discovery-2018-106

ที่มา : carscoops, autoexpress