หลังจากที่ Toyota ได้เผยโฉมรถยนต์ต้นแบบ bZ4X Concept ไปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ล่าสุด 29 ตุลาคม 2021 เวอร์ชันผลิตขายจริงของรถยนต์ Compact Croosover ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% ก็ถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในโลก รับบทหัวหอกสำคัญในการพาแบรนด์ Toyota บุกตลาด BEV ที่กำลังโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเบื้องต้น bZ4X จะมีให้เลือก 2 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่นขับเคลื่อนล้อหน้า FWD และรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ 4WD

Toyota bZ4X ถูกพัฒนาร่วมกับ Daihatsu, Subaru และ BYD มีฝาแฝดที่เตรียมออกขายภายใต้แบรนด์ดาวลูกไก่ นามว่า Solterra ใช้แพลตฟอร์ม e-TNGA ที่พัฒนาขึ้นสำหรับรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าตระกูล bZ ในอนาคต โดยชื่อ bZ นั้น มีที่มาจากคำว่า Beyond Zero ซึ่งแสดงเจตจำนงค์ของ Toyota ที่จะทำให้การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากรถยนต์โดยตรงเป็นศูนย์ 

ขนาดและมิติตัวถัง

  • ยาว x ยาว x สูง : 4,690 x 1,860 x 1,650 มิลลิเมตร
  • ระยะฐานล้อ Wheelbase : 2,850 มิลลิเมตร    
  • น้ำหนักตัวรถ Gross Weight : 2,195 – 2,275 กิโลกรัม

ดีไซน์ภายนอกนั้น ตัวถังมีเหลี่ยมสันที่ชัดเจน ตกแต่งขอบซุ้มล้อด้วยพลาสติกสีดำขนาดใหญ่ ด้านหน้าโดดเด่นด้วยการออกแบบที่ได้แรงบันดาลใจจากฉลาม Hammerhead การตกแต่ง ลดขนาดของช่องกระจังหน้า จากที่ Toyota ชอบใช้ในรถเครื่องสันดาป และด้านท้ายก็มีไฟท้ายที่ลากยาวตลอดแนว

ในส่วนของภายใน Toyota เจาะจงแนวคิด “hands on the wheel, eyes on the road” ในการออกแบบ bZ4X ภายในเน้นความโปรงโล่งสบาย ด้วยการย้ายหน้าจอ Infotainment ไว้ต่ำลง และทำให้มีความบางลง รวมไปถึงการย้ายแผงมาตรวัดแบบ TFT LCD ขนาด 7 นิ้วขึ้นไปไว้ด้านบนแผงหน้าปัด เพื่อให้คนขับไม่ต้องละสายตาลงมาจากถนน

ขุมพลังขับเคลื่อน 

bZ4X FWD

ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว (AC synchronous electric generator) พละกำลังสูงสุด 204 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 265 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหน้า

ตัวเลขเคลมจากโรงงาน

  • อัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 8.4 วินาที
  • ความเร็วสูงสุด Top Speed ทำได้ 160 กิโลเมตร/ชั่วโมง
  • ระยะทางวิ่งสูงสุดต่อการชาร์จ 500 กิโลเมตร (มาตรฐาน WLTP)

bZ4X 4WD

ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว (AC synchronous electric generator) กำลังสูงสุดรวมทั้งระบบ 218 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 336 นิวตันเมตร ค

ตัวเลขเคลมจากโรงงาน

  • อัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 7.7 วินาที
  • ความเร็วสูงสุด Top Speed ทำได้ 160 กิโลเมตร/ชั่วโมง
  • ระยะทางวิ่งสูงสุดต่อการชาร์จ 460 กิโลเมตร (มาตรฐาน WLTP)

แบตเตอรี่ของ bZ4X เป็นแบบ Lithium-ion ขนาด 71.4 kWh ที่พัฒนาขึ้นโดยเจาะจงไปที่ความทนทานและการใช้งานในสภาวะทรหด โดย Toyota เคลมว่าแบตเตอรี่ของ bZ4X จะสูญเสียประสิทธิภาพเพียงประมาณ 10% หลังจากใช้งานไปแล้ว 10 ปี หรือ 240,000 กิโลเมตร

ทั้ง 2 รุ่นย่อย รองรับการชาร์จแบบ AC สูงสุด 6.6 kW และการชาร์จแบบ DC สูงสุด 150 kW นั่นทำให้การใช้ Fast Charge อัดประจุจาก 0 – 80% ได้ภายในเวลา 30 นาที 

ระบบบังคับเลี้ยว

bZ4X เป็นรถยนต์จาก Toyota รุ่นแรก ที่ใช้ระบบบังคับเลี้ยวแบบ One Motion Grip หรือพวงมาลัยไฟฟ้า Steering by Wire ซึ่งไม่มีกลไกเชื่อมต่อจากพวงมาลัยไปถึงล้อโดยตรง สามารถลดองศาการหมุนของพวงมาลัยเหลือเพียง 150 องศา ก็สามารถเลี้ยวได้สุด lock-to-lock อีกทั้งยังสามารถลดแรงสั่นสะเทือนจากผิวถนนได้ และฟีลลิ่งพวงมาลัยก็สามารถปรับแต่งได้อย่างอิสระมากขึ้นตามโหมดการขับขี่ที่ผู้ขับเลือก

ระบบกันสะเทือน

ระบบกันสะเทือน ด้านหน้าเป็นแบบอิสระ Strut-type Coil Spring ด้านหลังเป็นแบบอิสระ Double Wishbone-type Coil Spring

ระบบห้ามล้อ

ระบบห้ามล้อเป็นดิสก์เบรกแบบมีครีบระบายความร้อน (Ventilated Disc) ทั้ง 4 ล้อ นอกจากนี้ ยังมาพร้อมระบบ Single Pedal Drive หรือการใช้แป้นคันเร่งในการเพิ่มและลดความเร็ว อาศัยการทำงานของระบบ Regenerative ในการชะลอความเร็วรถได้จนถึงจุดหยุดนิ่ง แบบเดียวกับ e-Pedal ใน Nissan Kicks

ด้านความปลอดภัยมาพร้อมแพกเกจ Toyota Safety Sense เจเนอเรชั่นที่ 3 ผสานการทำงานร่วมกันระหว่างระบบเรดาร์กับกล้อง นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์ใหม่ นั่นคือ Pre-Collision System ซึ่งจะตรวจจับรถยนต์หรือยานหนะที่กำลังจะปาดหน้าเราได้รวดเร็วขึ้น ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุได้มากขึ้น

ที่มา : Toyota