
ในบรรดาแบรนด์รถยนต์นับสิบค่ายที่ Stellantis ถืออยู่สองแบรนด์รถยนต์อิตาลีอย่าง Alfa Romeo และ Maserati ดูจะเป็นค่ายที่มีอาการน่าเป็นห่วงมากที่สุด โดยในปี 2024 ค่าย Maserati มียอดขายสะสมทั้งปี 11,300 คัน ลดลงจากปีก่อนหน้า 57% ส่วน Alfa Romeo มีสถานะไม่ต่างกันนัก โดยมียอดขายทั้งสิ้น 8,865 คัน ลดลงจากปีก่อน 19% จนนำไปสู่ความกังวลที่ว่า Stellantis อาจพิจารณาควบรวมแบรนด์ก็เป็นได้
แต่แน่นอนว่า Alfa Romeo และ Maserati จะโลดแล่นอยู่ในวงการรถยนต์ต่อไป โดย Santo Ficili ตำแหน่ง CEO ของทั้งสองแบรนด์เปิดเผยแผนพลิกวิกฤตว่า ทั้งสองค่ายจะต้องพัฒนารถยนต์ร่วมกัน รวมไปถึงการแชร์ค่าใช้จ่ายในการพัฒนา และใช้ platform รวมถึงชิ้นส่วนร่วมกันด้วย เพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งยังอาจมีการปรับโครงสร้าง รวมถึงแชร์เครือข่ายผู้จำหน่ายและโรงงานในอิตาลี ร่วมกันอีกด้วย

แผนดังกล่าวจะถูกเสนอขออนุมัติจาก CEO คนล่าสุดของ Stellantis อย่าง Antonio Filosa ในวันที่ 23 มิถุนายนนี้ และจะมีตัวแทนจากทั้ง Alfa Romeo และ Maserati เข้าร่วมการประชุมด้วย เพื่อสรุปแผนว่าจะสามารถร่วมมือกันในส่วนใดได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับแผนในตอนนี้ แต่คาดว่าจะยังคงมีความแตกต่างกันอยู่ ต่อให้พัฒนาร่วมกันจริง เพราะ Ficili เคยให้เหตุผลตอนปฏิเสธข่าวลือเรื่องควบรวมแบรนด์ว่า ตำแหน่งทางการตลาดต่างกัน โดย Alfa คือ Premium ส่วน Maserati คือ Luxury
เรียกได้ว่าเป็นข่าวที่ดี ที่แบรนด์รถยนต์ที่มีความเป็นมายาวนานจะยังอยู่รอดต่อไป แต่ต้องติดตามต่อเช่นกันว่า จะสามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ขนาดไหน เพราะทั้งสองแบรนด์มีปัญหาร่วมกันคือผลิตภัณฑ์ในปัจจุบัน มีอายุในตลาดมากแล้ว แถมรุ่นใหม่ยังมาช้ากว่าที่คาด รวมไปถึงการพบความต้องการของลูกค้าว่า ลูกค้าของ Alfa Romeo และ Maserati ต่างยังต้องการเครื่องยนต์สันดาปด้วย นำไปสู่การยุบแผนที่จะก้าวสู่การเป็นแบรนด์ EV พร้อมกลับไปแก้ไขผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาอยู่ใหม่ ให้รองรับเครื่องยนต์ด้วย