Fiat 500 รุ่นใหม่ซึ่งนับเป็น generation ที่สามของตระกูลได้เปิดตัวแล้ว ในฐานะรถยนต์ไฟฟ้า EV คันแรกของเครือ FCA ทั้งยังเป็นรถยนต์ไฟฟ้าสี่ที่นั่งหลังคาเปิดประทุนคันแรกในตลาดด้วย ส่วนการผลิตจะกลับไปอยู่ที่โรงงานใน Turin อิตาลี แหล่งกำเนิดเดียวกับรุ่นแรก สำหรับรายละเอียดมิติตัวถัง มีดังนี้

  • ยาว 3,630 มิลลิเมตร (เพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อนหน้า 60 มิลลิเมตร)
  • กว้าง 1,690 มิลลิเมตร (เพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อนหน้า 60 มิลลิเมตร)
  • สูง 1,480 มิลลิเมตร
  • ระยะฐานล้อ เพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อนหน้า 20 มิลลิเมตร

ด้านหน้าของ Fiat 500 ออกแบบโดยใช้แรงบันดาลใจจากรุ่นแรกปี 1957 คงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ไฟหน้าโคมกลม พร้อมไฟหน้า LED ส่วนมือเปิดประตูเปิดแบบมือสอด กลมกลืนไปกับตัวถัง สำหรับภาพรวมด้านข้างและด้านหลัง ดูค่อนข้างคล้ายคลึงกับรุ่นที่สอง ไม่ว่าจะเป็นเส้นสายทั้งหมดและโคมไฟท้ายแนวตั้ง

ห้องโดยสารกว้างขวางขึ้นจากรุ่นก่อนหน้าในเกือบทุกมิติ ด้านหน้าดูโปร่งมากขึ้น เนื่องจากไม่มีคันเกียร์ และปุ่มกดละลานตาด้วย พื้นที่บรรทุกสัมภาระกว้างขวาง เพราะพื้นเรียบอันผลจากการติดแบตเตอรี่ใต้ท้องรถ ในบางรุ่นย่อยจะใช้เบาะที่หุ้มด้วย วัสดุรีไซเคิลจากพลาสติกในทะเล ส่วนหน้าจอแสดงผลมีขนาด 10.25 นิ้ว

ขุมพลังของ Fiat 500 เป็นระบบไฟฟ้า EV ประกอบด้วย มอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาด 42 kWh กำลังสูงสุด 118 แรงม้า ทำอัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 9.0 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดจำกัดไว้ที่ 150 กิโลเมตร/ชั่วโมง ขับขี่เป็นระยะทางได้ไกลสุด 320 กิโลเมตร

การชาร์จแบบธรรมดาผ่านที่ชาร์จ Easy Wallbox ขนาด 7.4 kW สามารถชาร์จไฟจนเต็มได้ ภายในเวลา 6 ชั่วโมง ส่วนการชาร์จแบบ fast charge ด้วยที่ชาร์จขนาด 85 kW สามารถชาร์จไฟ 5 นาที เพื่อให้มีพลังงานขับขี่ไปได้อีก 48 กิโลเมตร หรือ ชาร์จจนถึงระดับพลังงาน 85% ในแบตเตอรี่ ภายในเวลา 30 นาที

ระบบความปลอดภัยของ Fiat 500 มีหลายรายการรวมถึงระบบขับขี่อัตโนมัติระดับที่สอง ซึ่งถือเป็นรุ่นแรกในรถยนต์ระดับเดียวกัน และมีรายละเอียดดังนี้

  • Intelligent Adaptive Cruise Control (iACC) ระบบล็อคความเร็วอัตโนมัติ แบบแปรผันตามรถยนต์ จักรยาน และ คนเดินถนน ที่ระบบตรวจเจอข้างหน้า ทำได้ทั้งเร่งและลดความเร็วเอง
  • Lane Centring ระบบรักษาตำแหน่งรถยนต์ ให้อยู่กึ่งกลางช่องจราจร
  • Intelligent Speed Assist ระบบอ่านป้ายจำกัดความเร็ว และแนะให้ผู้ขับขี่ทำตาม
  • Urban Blind Spot ระบบแจ้งเตือนจุดอับสายตาด้วยเซนเซอร์ ultrasonic รอบคัน
  • Attention Assist ระบบแจ้งเตือนให้ผู้ขับขี่หยุดพัก เมื่อตรวจพบว่าอ่อนล้า

Fiat 500 เปิดตัวเมื่อวันที่ 4 มีนาคม และเปิดรับจองแล้วในยุโรปกับรุ่น La Prima Launch Edition สนนราคาจำหน่ายเริ่มต้นซึ่งยังไม่รวม ภาษีนำเข้าของประเทศไทยที่ 37,500 ยูโร (ราว 1,328,000 บาท) นอกจากนั้น ยังมีสามรุ่นพิเศษที่ตกแต่งโดยเฉพาะ แต่ละรุ่นมีเพียงหนึ่งคันในโลก เพื่อเตรียมไปประมูลการกุศล สำหรับรายละเอียดโดยสังเขปของทุกรุ่น รวมถึงรุ่น Launch Edition มีดังนี้


Fiat 500 La Prima Launch Edition (รุ่นพิเศษจำกัดไว้ที่ 500 คันแรก ในแต่ละประเทศ)

มีให้เลือกสามสี ประกอบด้วย สีเทา Mineral Grey, สีเขียว Ocean Green และ สีน้ำเงิน Celestial Blue ส่วนอุปกรณ์ติดรถเทียบเท่ารุ่นท็อปทั้ง ไฟหน้า Full-LED, ล้อ 17 นิ้ว ปัดเงา, ภายในตกแต่งโครเมี่ยมพร้อมหุ้มหนัง, มาตรวัด TFT ขนาด 7 นิ้ว และ หน้าจอสัมผัส ขนาด 10.25 นิ้ว ปิดท้ายด้วยโลโก้ “1 of 500”


Fiat 500 Giorgio Armani (รุ่นพิเศษมีคันเดียว เพื่อประมูลการกุศล)

มาในสีน้ำเทาดำ Top Coat Airlite ทำจาก titanium oxide สามารถดูดซึมมลภาวะได้ ล้อเป็นโลโก้ตัวย่อของ Giorgio Armani “GA” ห้องโดยสารบุด้วยหนังธรรมชาติทั้งหมด คุมโทนสีเข้มให้ดูเรียบหรู แดชบอร์ดทำจากไม้ทั้งหมดแบบ open-pore wood เสริมด้วยวัสดุอะลูมิเนียม


Fiat B.500 Mai Troppo by Bvlgari (รุ่นพิเศษมีคันเดียว เพื่อประมูลการกุศล)

ตัวถังพ่นสีส้มผสมประกายทอง (Gold Dust Infused) ภายนอกโลโก้และคิ้วรอบคันทั้งหมดมาในสีทอง ลายล้อออกแบบมาโดยใช้แรงบันดาลใจ Bvlgari Star ห้องโดยสารตกแต่งด้วยผ้าไหมแท้ทั้งคัน บนพวงมาลัยมีอัญมณีเลอค่าสามชนิด (amethyst, topaz และ citrine) บนโลโก้ 500 บนพวงมาลัยและสามารถถอดออกได้


Fiat 500 Kartell (รุ่นพิเศษมีคันเดียว เพื่อประมูลการกุศล)

ภายนอกมาในสีน้ำเงิน Blue Ecochrome Kartell กระจกมองข้างตกแต่งด้วยฝาครอบลายโคมไฟ ส่วนห้องโดยสารมาในโทนสีเทา ตัวเบาะปักชื่อ Kartell หลายชิ้นส่วนทำจากวัสดุรีไซเคิลทั้ง ไม้, แก้ว, ยาง, พลาสติก และ ผ้า ส่วนแดชบอร์ดจาก polycarbonate เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยังยืน

 

ที่มา: Fiat