Nio ES8 มีเจนเนอเรชั่นที่ 3 ตามมาแล้วที่ประเทศจีน โดยเปิดตัวเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2025 ส่วนความเปลี่ยนแปลงนั้น นอกจากจะมีขนาดใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้าในทุกมิติ จนขยับตลาดจากกลุ่ม Mid-Large SUV มายังกลุ่ม Large SUV ทั้งยังทำราคาจำหน่าย ได้ต่ำกว่ารุ่นก่อนหน้าด้วย ในส่วนของมิติตัวถัง พร้อมตัวเลขเปรียบเทียบรุ่นก่อนหน้า มีรายละเอียดดังนี้
- ยาว x กว้าง x สูง : 5,280 (+181) x 2,010 (+21) x 1,800 (+50) มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ : 3,130 (+60) มิลลิเมตร
Nio ES8 มาพร้อมกับ Design Language แบบ ‘Design for Success’ โดยมีทั้งไฟหน้า LED สองชั้นแบบ Double Dash เสริมด้วยไฟหน้า HD Projection พร้อมรักษาระยะให้อยู่ในช่องจราจร และปรับตามถนนด้วย ไฟท้ายเป็นแถบ LED ยาวตลอดแนว ประกอบด้วยไฟ 600 จุด ล้อเป็น Forged ขนาด 22 นิ้ว รัดด้วยยาง Pirelli P Zero ส่วนองค์ประกอบงานออกแบบอื่น มีที่เปิดประตูและที่ปัดน้ำฝนหลังแบบซ่อน ปิดท้ายด้วยทางเลือก 6 สีตัวถังรวมถึง สีเทา Xinglan Grey
ห้องโดยสารของ Nio ES8 มาพร้อมกับเบาะ 3 แถว มีให้เลือกทั้งรุ่น 6 และ 7 ที่นั่ง โดยเบาะทุกแถวมีระบบเป่าลมอุ่น ส่วนระบบแสดงผลมีหน้าจอ Skyline Display ขนาด 48 นิ้ว พร้อมหน้าจอกลางแบบ AMOLED ขนาด 16.4 นิ้ว และ ระบบแสดงผล AR-HUD ขนาด 38 นิ้ว พวงมาลัยเป็นแบบสามก้าน มาพร้อมกับก้านปรับเกียร์ที่คอ เบาะแถวสองในรุ่น 6 ที่นั่ง ปรับเอนได้สูงสุด 151 องศา ส่วนอุปกรณ์มาตรฐานมีแท่นชาร์จไร้สาย, ระบบปรับอากาศ 5-Zone, ตู้เย็น, ลำโพง 27 ตำแหน่ง และ จอเพดานความละเอียด 3K ขนาด 21.4 นิ้ว
ขุมพลังของ Nio ES8 เป็นระบบไฟฟ้า EV ประกอบด้วย มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ขับเคลื่อนสี่ล้อ ตัวหน้า กำลังสูงสุด 180 กิโลวัตต์ แรงบิดสูงสุด 300 นิวตันเมตร ตัวหลัง กำลังสูงสุด 340 กิโลวัตต์ แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ทั้งระบบรวมกัน กำลังสูงสุด 520 กิโลวัตต์ / 707 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 700 นิวตันเมตร เร่ง 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 3.97 วินาที แบตเตอรี่ขนาด 102 kWh ขับได้ไกลสุด 635 กิโลเมตร (CLTC) รองรับการชาร์จ DC สูงสุด 600 kW หรือระดับ 5C ใช้เวลาในการชาร์จไฟ 5 นาที เพื่อให้ขับขี่ไปได้อีก 250 กิโลเมตร
Nio ES8 สร้างขึ้นบนงานวิศวกรรม 900 โวลต์ ช่วงล่างเป็นแบบถุงลมสองชั้น ปรับระดับสูงต่ำได้ 50 มิลลิเมตร โดย Ground Clearance มาตรฐานอยู่ที่ 165 มิลลิเมตร ส่วนระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ทำงานร่วมกับ LiDAR, เรดาร์ 4D, กล้องมองภาพรอบคัน และชิพ NX9031 สำหรับกำหนดการจำหน่ายได้เริ่มขึ้นแล้ว ที่ประเทศจีนแบบ Pre-Sales ก่อนจะเริ่มส่งมอบในช่วงปลายเดือนกันยายน โดยมีให้เลือก 3 รุ่นย่อย สนนราคาจำหน่ายที่นั่นระหว่าง 416,800 – 456,800 หยวน (ราว 1,879,000 – 2,059,000 บาท)
