แม้ว่าแบรนด์ Skoda จากสาธารณรัฐเชคฯ จะยุติการทำตลาดในเมืองไทย ไปหลายปีแล้ว แต่ความเคลื่อนไหวของ Skoda ในเมืองนอก ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง แถมยังทำยอดขายได้ดี จนบริษัทแม่อย่าง Volkswagen Group ถึงขั้นมองค้อนขวับ

ล่าสุด Skoda เพิ่งเปิดตัว Skoda Fabia ทายาทรุ่นล่าสุด Generation ที่ 4 เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2021 ที่ผ่านมา ณ กรุง Prague เพื่อสานต่อความสำเร็จของรถยนต์ขนาดเล็ก ที่มียอดขายสะสมทั่วโลกตลอด 22 ปีที่ผ่านมา กว่า 4.5 ล้านคัน นับเป็นรถยนต์รุ่นที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของแบรนด์ เป็นอันดับสอง รองจาก Skoda Octavia

Fabia ใหม่ ถูกสร้างขึ้นบนพื้นตัวถัง หรือ Platform แบบใหม่ที่ชื่อ MQB-A0 ร่วมกับรถยนต์ขนาดเล็กรุ่นอื่นๆในเครือ Volkswagen มีขนาดตัวถังใหญ่โตขึ้นกว่าเดิมในทุกมิติ มีรายละเอียดดังนี้

  • ยาว  4,108 มิลลิเมตร
  • กว้าง  1,954 มิลลิเมตร
  • สูง  1,459 มิลลิเมตร
  • ระยะฐานล้อ  2,564 มิลลิเมตร

Skoda Fabia ตัวโตกว่าบรรพบุรุษ ทั้งยังเป็นครั้งแรกที่มีความยาวเกิน 4,000 มิลลิเมตร หรือ ยาวกว่ารุ่นก่อนหน้า 110 มิลลิเมตร ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศอยู่ที่ 0.28 Cd ไฟหน้าและไฟท้ายเป็นแบบ Full LED สีตัวถังมีให้เลือก 9 สี รวมสีใหม่อย่างสีส้ม Phoenix Orange และ สีเทา Graphite Grey ส่วนล้อมีให้เลือกมากถึง 11 แบบ ขนาดตั้งแต่ 14 – 18 นิ้ว

ห้องโดยสารกว้างขวางกว่าเดิม ทั้งยังมีพื้นที่บรรทุกสัมภาระด้านหลังความจุ 380 ลิตร มากกว่ารุ่นก่อนหน้า 50 ลิตร ด้านลูกเล่นมาตรวัดดิจิตอลขนาด 9.2 นิ้ว ปรับรูปแบบการแสดงผลได้ 5 แบบ และ หน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่สุด 10.25 นิ้ว ทั้งยังมีระบบไฟ Ambient Lighting และ ระบบปรับอากาศแบบ Dual Zone มาให้เป็นครั้งแรก

ขุมพลังของ Skoda Fabia มีให้เลือก 3 บล๊อค 5 ระดับ ความแรง มีรายละเอียดโดยสังเขปดังนี้

เบนซิน 1.0 เทอร์โบ

เครื่องยนต์เบนซิน 1.0 MPI EVO แบบ 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว 1.0 ลิตร กำลังสูงสุด 65 หรือ 80 แรงม้า (HP) แรงบิดสูงสุด 93 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ

เบนซิน 1.0 เทอร์โบ

เครื่องยนต์เบนซิน 1.0 TSI EVO แบบ 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว 1.0 ลิตร กำลังสูงสุด 95 แรงม้า (HP) แรงบิดสูงสุด 175 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ / กำลังสูงสุด 110 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 175 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ หรือ เกียร์อัตโนมัติ DSG 7 จังหวะ

เบนซิน 1.5 เทอร์โบ

เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 TSI EVO แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 150 แรงม้า (HP) แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ DSG 7 จังหวะ

ด้านระบบความปลอดภัย Skoda ติดตั้ง ถุงลมนิรภัย มาให้มากสุดถึง 9 ตำแหน่ง รวมทั้งยังมีระบบ ADAS (Advance Driver Assist System) อีกหลายรายการ เช่น…

  • Adaptive Cruise Control (ACC) ระบบล็อคความเร็วโดยอัตโนมัติ แบบแปรผันตามรถยนต์คันหน้า ทำงานถึงความเร็วสูงสุด 210 กิโลเมตร/ชั่วโมง
  • Blind Spot Detect (Side Assist) ระบบแจ้งเตือนจุดอับสายตา เมื่อมียานพาหนะเข้าใกล้ด้านข้างในระยะ 70 เมตร
  • Manoeuvre Assist ระบบช่วยถอยจอดกึ่งอัตโนมัติ โดยระบบจะหักพวงมาลัยให้เอง ทั้งจอดขนานและเข้าซอง
  • Front Assist ระบบตรวจจับยานพาหนะด้านหน้า พร้อมคาดเดาคนเดินถนนและจักรยาน

ที่มา: Skoda