Aston Martin DB11 AMR เปิดตัวแล้วในวันที่ 11 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันเดียวกับการเปิดศูนย์ AMR Performance Center แห่งใหม่ของค่ายที่สนาม Nurburgring สำหรับตำแหน่งของรถยนต์คันนี้ คือตัวท็อป ที่สุดของรุ่น มาพร้อมกับการตกแต่งพิเศษทั้งภายนอก และ ภายในห้องโดยสาร ทั้งยังเพิ่มพละกำลังมาอีก จนได้ตัวเลข 630 แรงม้า

ภายนอกของ Aston Martin DB11 AMR ตกแต่งด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ ที่ครีบระบายความร้อนบนฝากระโปรง และแก้มคู่หน้า ส่วนชิ้นส่วนโครเมี่ยมในรุ่นปกติ ถูกเปลี่ยนไปเป็นโทนสีดำทั้งหมด ประกอบด้วย กระจังหน้า, ท่อไอเสีย และ คิ้วประตู ปิดท้ายด้วยหลังคาสีดำเงา, ไฟหน้า – ไฟท้าย รมดำ และ ล้อ Forged AMR Silver Non-Diamond Turned ขนาด 20 นิ้ว

ห้องโดยสารยังคุมโทนสีทึมไว้เหมือนภายนอก ตกแต่งด้วยวัสดุหนังสี monotone และ alcantara พร้อมตัดสีด้วยแถบสีเหลือง Central Lime รอบห้องโดยสาร พวงมาลัยเป็นทรง Sport หุ้มหนัง ปรับอุณหภูมิได้เช่นเดียวกับเบาะ ที่มีระบบจดจำตำแหน่งมาให้ด้วย ส่วนเครื่องเสียงเป็นหน้าจอ LCD ขนาด 8 นิ้ว รองรับระบบนำทางผ่านดาวเทียม และเชื่อมต่อกับอุปกรณ์หลายรูปแบบ

ขุมพลังของ Aston Martin DB11 AMR เป็นเครื่องยนต์เบนซิน แบบ V12 ขนาด 5.2 ลิตร เทอร์โบคู่ อัตราส่วนกำลังอัด 9.3 : 1 ให้กำลังสูงสุด 630 แรงม้า ที่ 6,500 รอบ/นาที (เพิ่มขึ้นจากเดิม 30 แรงม้า) แรงบิดสูงสุด 700 นิวตันเมตร ที่ 1,500 รอบ/นาที

จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ส่งกำลังผ่านล้อคู่หลัง ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 3.7 วินาที (ไวกว่าเดิม 0.2 วินาที) ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 334 กิโลเมตร/ชั่วโมง อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ยที่ 10.54 กิโลเมตร/ลิตร

ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบ Independent Double Wishbone ส่วนด้านหลังเป็นแบบ Multi-Link ระบบเบรกด้านหน้าเป็น จานเบรกขนาด 400 x 36 มิลลิเมตร พร้อมคาลิปเปอร์ 6 พอต ส่วนด้านหลังเป็น จานเบรกขนาด 360 x 32 มิลลิเมตร พร้อมคาลิปเปอร์ 4 พอต

ในส่วนของอุปกรณ์ตกแต่งนั้น มีให้เลือกหลายรายการทั้ง ฝาครอบเครื่องยนต์/ ปลายท่อไอเสีย/ พวงมาลัยพร้อม Paddle Shifts ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ และกระเป๋าเดินทางสั่งทำสำหรับ Aston Martin DB11 AMR โดยเฉพาะ

Aston Martin DB11 AMR มีให้เลือกด้วยกัน 3 รุ่นย่อย และในช่วงเปิดตัวจะมีรุ่นพิเศษ ผลิตจำนวนจำกัดทั่วโลกเพียง 100 คัน โดยมาในตัวถังสีเขียว AMR’s signature Stirling Green ตัดด้วยสีเหลือง lime livery เน้นการตกแต่งด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ ทั้งภายนอกและภายใน ส่วนห้องโดยสารตกแต่งด้วยหนังสี Dark Night และสีเหลือง Lime ปิดท้ายด้วยแป้นเกียร์สี Satin Dark Chrome

Aston Martin DB11 AMR จะพร้อมส่งมอบให้กับลูกค้า ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2018 โดยค่าตัวของรุ่นพิเศษอยู่ที่ 201,995 ปอนด์ (ราว 8,720,000 บาท) ส่วนราคาจำหน่ายของรุ่นธรรมดา ที่ยังไม่รวมภาษีของประเทศไทย ในแต่ละตลาด มีรายละเอียดดังนี้

  • ประเทศอังกฤษ ราคาเริ่มต้นที่ 174,995 ปอนด์ (ราว 7,554,000 บาท)
  • ประเทศสหรัฐฯ ราคาเริ่มต้นที่ 241,000 ดอลล่าร์สหรัฐ (ราว 7,680,000 บาท)
  • ประเทศเยอรมัน ราคาเริ่มต้นที่ 218,595 ยูโร (ราว 8,332,000 บาท)

 

ที่มา: Aston Martin