นับตั้งแต่ปี 2017 เป็นต้นมา ค่ายสี่ห่วงได้สร้างเกณฑ์การจำแนกรุ่นย่อย ของผลิตภัณฑ์ค่ายตนขึ้นมาใหม่ ด้วยการนำเลขสองหลัก มาวางไว้หน้ารหัสขุมพลังอย่าง เบนซิน TFSI หรือ ดีเซล TDI โดย Dietmar Voggenreiter หัวหน้าฝ่ายขายและการตลาดของ Audi ในสมัยนั้นให้เหตุผลว่า เนื่องจากจะมีความหลากหลายของขุมพลังมากขึ้น ความจุเครื่องยนต์จึงมีความหมายน้อยลงต่อลูกค้า นำไปสู่การสร้างรหัสใหม่โดยมีเกณฑ์เป็นตัวเลขแรงม้าแทน

รหัสที่ Audi บัญญัติขึ้น ประกอบด้วย 30 สำหรับรถยนต์ที่มีกำลัง 81 – 96 กิโลวัตต์, 35 สำหรับรถยนต์ที่มีกำลัง 110 – 125 กิโลวัตต์, 40 สำหรับรถยนต์ที่มีกำลัง 125 – 150 กิโลวัตต์, 45 สำหรับรถยนต์ที่มีกำลัง 169 – 185 กิโลวัตต์, 50 สำหรับรถยนต์ที่มีกำลัง 210 – 230 กิโลวัตต์, 60 สำหรับรถยนต์ที่มีกำลัง 320 – 340 กิโลวัตต์ และ 70 สำหรับรถยนต์ที่มีกำลังสูงกว่า 400 กิโลวัตต์

 

แม้การทำความเข้าใจพื้นฐานของรหัสที่ Audi สร้างขึ้นมา จะพอเข้าใจได้ว่าเลขยิ่งสูงยิ่งแรง แต่เกณฑ์ดังกล่าวได้สร้างความงุนงงให้กับลูกค้าเสียมากกว่า เพราะลูกค้าเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเลขความจุเครื่องยนต์ ล่าสุด Florian Hauser หัวหน้าฝ่ายขายและการตลาดของ Audi คนปัจจุบันให้สัมภาษณ์ว่า บริษัทเตรียมยุติการใช้รหัสดังกล่าว เพื่อให้สื่อสารถึงลูกค้าได้ง่ายขึ้น ซึ่งเห็นได้ว่า Q8 E-Tron และ Q6 E-Tron ที่พึ่งเปิดตัวไป ไม่มีรหัสดังกล่าวติดอยู่ท้ายรถแล้ว

นโยบายดังกล่าวจะยังมีผลถึงรถยนต์ Audi ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปอีกด้วย โดยจะเริ่มต้นจากการยุติการติดโลโก้ท้ายรถก่อน แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่า จะนำรหัสนี้ออกจากสื่อที่ใช้ในการทำตลาดหรือไม่ สำหรับชื่อที่นำมาใช้แทนจะเข้าใจง่ายขึ้น โดย Audi ยกตัวอย่างเป็น Q6 E-Tron Quattro หมายถึง Q6 ขุมพลัง EV ขับสี่, Q6 E-Tron หมายถึง Q6 ขุมพลัง EV ขับสอง, SQ6 E-Tron หมายถึง Q6 ขุมพลัง EV ตัวแรง และในอนาคตอาจมีการบัญญัติศัพท์เฉพาะขึ้นมา ให้สื่อสารเข้าใจง่ายอย่าง Performance มาห้อยท้ายก็เป็นได้

 

ที่มา: motor1, citizen