

BYD Seagull หนึ่งในน้องเล็กสุดของค่ายได้เปิดตัวแล้วที่ยุโรปในชื่อ BYD Dolphin Surf โดยมีให้เลือก 3 รุ่นย่อย และสร้างขึ้นบนงานวิศวกรรม e-platform 3.0 แบบเดียวกัน ส่วนภายนอกมีอุปกรณ์มาตรฐานทั้งไฟหน้า LED และที่ปัดน้ำฝนอัตโนมัติ ห้องโดยสารมีหน้าจอสัมผัสแบบปรับหมุนได้ขนาด 10.1 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อไร้สายและการโบกมือ ด้านพื้นที่บรรทุกสัมภาระท้ายรถอยู่ที่ 308 ลิตร และเพิ่มเป็น 1,037 ลิตร เมื่อพับเบาะหลังลง ทั้งยังมีช่องเก็บของใต้พื้น ในส่วนของรายละเอียดมิติตัวถังซึ่งยาวกว่า Seagull เล็กน้อย มีดังต่อไปนี้
- ยาว x กว้าง x สูง : 3.99 x 1.72 x 1.59 เมตร
- ระยะฐานล้อ : 2.5 เมตร



ขุมพลังของ BYD Dolphin Surf เป็นระบบไฟฟ้า EV ประกอบด้วย มอเตอร์เดี่ยว ขับเคลื่อนล้อหน้า สองระดับความแรง สองขนาดแบตเตอรี่ LFP ทุกรุ่นใช้เวลาในการชาร์จไฟจาก 10 – 80% ใน 30 นาที และทำความเร็วสูงสุดได้ 150 กิโลเมตร/ชั่วโมง ส่วนรายละเอียดของแต่ละรุ่นย่อยมีดังต่อไปนี้
- Active กำลังสูงสุด 88 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 175 นิวตันเมตร เร่ง 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 11.1 วินาที แบตเตอรี่ขนาด 30 kWh ขับได้ไกลสุด 220 กิโลเมตร (WLTP)
- Boost กำลังสูงสุด 88 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 175 นิวตันเมตร เร่ง 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 12.1 วินาที แบตเตอรี่ขนาด 43.2 kWh ขับได้ไกลสุด 322 กิโลเมตร (WLTP)
- Comfort กำลังสูงสุด 156 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 220 นิวตันเมตร เร่ง 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 9.1 วินาที แบตเตอรี่ขนาด 43.2 kWh ขับได้ไกลสุด 310 กิโลเมตร (WLTP)



ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ใน BYD Dolphin Surf มีทั้งถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง พร้อมระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่หลายรายการ ทั้งระบบล็อคความเร็วอัตโนมัติแปรผันตามรถยนต์คันหน้า, ระบบแจ้งเตือนออกนอกช่องจราจร และ ระบบลดความเร็วโดยอัตโนมัติเมื่อเสี่ยงชน ลูกค้าที่สนใจสามารถสั่งจอง BYD Dolphin Surf ได้แล้วในเยอรมนี โดยมีราคาพิเศษซึ่งมีผลถึง 30 มิถุนายน 2025 ดังรายละเอียดต่อไปนี้
- Active ราคาเริ่มต้น 19,990 ยูโร (ราว 736,000 บาท) ลดจาก 22,990 ยูโร (ราว 847,000 บาท)
- Boost ราคาเริ่มต้น 22,490 ยูโร (ราว 828,000 บาท) ลดจาก 26,990 ยูโร (ราว 994,000 บาท)
- Comfort ราคาเริ่มต้น 24,990 ยูโร (ราว 921,000 บาท) ลดจาก 30,990 ยูโร (ราว 1,142,000 บาท)