เมื่อวันที่ 9 สิงหาคมที่ผ่านมา BYD ได้ประกาศความสำเร็จของการเป็นผู้นำด้านรถยนต์ไฟฟ้าอีกครั้ง ด้วยการประกาศว่าเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายแรก ที่สามารถผลิตรถยนต์ขุมพลังพ่วงระบบไฟฟ้าครบ 5 ล้านคัน ซึ่งเป็นการรวมทั้งขุมพลัง Hybrid, PHEV, EV และ Hydrogen โดยทั้งหมดนี้ชาวจีนเรียกรวมกันว่ายานพาหนะพลังงานใหม่ หรือ NEV (New Energy Vehicle)

BYD ก้าวแรกเข้าสู่วงการ NEV ด้วยการเปิดตัว BYD F3 DM ในปี 2008 ก่อนจะผลิตครบ 1 ล้านคันแรกในเดือนพฤษภาคม 2021 หรือ 13 ปีต่อมา ส่วนล้านที่สองแตกในปี 2022 จากนั้นเพียง 6 เดือนถัดมาหรือเดือนพฤศจิกายน 2022 บริษัทได้ผลิต NEV ครบ 3 ล้านคัน และอีกเพียง 9 เดือนถัดมา BYD ได้ผลิต NEV ไปอีก 2 ล้านคัน จนมียอดสะสมครบ 5 ล้านคันในวันนี้

 

ส่วนหนึ่งที่ BYD มียอดผลิต NEV แบบก้าวกระโดด เนื่องจากบริษัทประกาศยุติการผลิตรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปตั้งแต่ปีที่ผ่านมา และเดินสายการผลิต NEV เพียงอย่างเดียว นับตั้งแต่เดือนเมษายน 2022 ด้าน Chairman ของบริษัทอย่าง Wang Shufu ระบุด้วยว่า NEV ของจีนคือที่หนึ่งในโลก ทั้งในแง่ของมียอดผลิต 60% จากยอดผลิตทั้งโลก และมีการจดสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องคิดเป็น 70% ของสิทธิบัตรทั้งโลก

NEV จาก BYD ที่ผลิตขึ้นเป็นคันที่ 5 ล้าน เป็น Denza N7 ขุมพลัง EV ซึ่งแม้จะไม่มีโลโก้ BYD ปรากฎอยู่ แต่นี่คืออีกแบรนด์ย่อยในเครือซึ่งเน้นไปที่ความ premium โดยก่อตั้งเป็นครั้งแรกในเดือนพฤษภาคม 2010 กับ Mercedes-Benz ในฐานะบริษัทร่วมทุนในสัดส่วน 50:50 ต่อมาค่ายดาวสามแฉกได้ลดบทบาท พร้อมกับลดสัดส่วนหุ้นเหลือเพียง 10%

 

ที่มา: carnewschina, autoindustriya