เนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองที่น้องเล็กของค่ายอย่าง BYD Seagull มียอดขายสะสมทั่วโลกทะลุ 1 ล้านคัน บริษัทได้เปิดตัวรุ่นย่อยใหม่ในชื่อ BYD Seagull Free Edition ซึ่งมาพร้อมกับอุปกรณ์มาตรฐานเพิ่มเติม และพิสัยการขับขี่ที่ไกลยิ่งขึ้น โดยในส่วนของดีไซน์ภายนอก ปรับปรุงโลโก้ BYD ด้านหลังให้มีรูปแบบเดียวกับด้านหน้า ส่วนห้องโดยสารเปลี่ยนไปใช้ผ้าหลังคา ที่ทำจากผ้าทั้งหมดเพื่อเพิ่มความทนทาน ทั้งยังเพิ่มรสีภายใน two-tone แบบ Sane Dune Pink

BYD Seagull Free Edition เพิ่มช่องชาร์จมือถือด้านหน้าแบบ Type- A และ Type-C ติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับเบาะแถวหน้า โดย Type-C จ่ายกำลังไฟได้สูงสุด 60 วัตต์ ทุกรุ่นย่อยยังมาพร้อมกับ ระบบเปิดปิดการทำงานของขุมพลังโดยอัตโนมัติ ส่วนระบบแสดงผลมีหน้าจอแบบ Floating ขนาด 12.8 นิ้ว รองรับการสั่งการด้วยเสียง และเชื่อมต่อ Cloud Service นอกจากนั้น ยังปรับระบบไฟ, แตร และ ระบบปรับอากาศใหม่

 

ขุมพลังของ BYD Seagull Free Edition เป็นระบบไฟฟ้า EV มาพร้อมมอเตอร์ด้านหน้า กำลังสูงสุด 75 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 135 นิวตันเมตร แบตเตอรี่เป็นแบบ lithium-iron-phosphate ขนาด 38.88 kWh ขับขี่ได้ไกลสุดเป็นระยะทาง 405 กิโลเมตร รองรับการชาร์จ DC ใช้เวลาราว 30 นาที ในการชาร์จไฟจาก 30 – 80% ที่อุณหภูมิห้อง ส่วนงานวิศวกรรมเป็นแบบ e-Platform 3.0 เช่นเคย

BYD Seagull Free Edition ทุกรุ่นย่อยมาพร้อมกับถุงลมนิรภัย 6 จุด ในรุ่นย่อยระดับบน ยังมีแพคเกจช่วยเหลือผู้ขับขี่ God’s Eye C ซึ่งทำงานร่วมกับกล้อง 3 ตัว สำหรับราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ประเทศจีน โดยที่ยังไม่รวมภาษีนำเข้าของประเทศไทยอยู่ที่ 78,800 หยวน (ราว 357,000 บาท) สูงกว่า BYD Seagull รุ่นมาตรฐาน ที่มีค่าตัวเริ่มต้น 63,800 หยวน (ราว 289,000 บาท)

 

ที่มา: carnewschina, cnevpost