ผู้นำธุรกิจด้าน mobility service อย่าง Uber และ Waymo มีคดีฟ้องร้องกันเรื่องการจารกรรมข้อมูล โดยตั้งข้อสงสัยว่าอดีตวิศวกรของ Waymo ที่ย้ายค่ายไปอยู่ Uber ได้นำนวัตกรรมของบริษัทติดมือไปให้นายจ้างรายใหม่ด้วย ล่าสุด ผู้ต้องสงสัยรายดังกล่าวได้ยอมจำนวนต่อหลักฐานแล้ว หลังลอยตัวเรื่อยมา

วิศวกรรายดังกล่าวมีชื่อว่า Anthony Levandowski ส่วนความเป็นมานั้น เขาเคยร่วมงานกับ Waymo ก่อนจะลาออกในเดือนมกราคม 2016 เพื่อมาร่วมงานกับ Uber ซึ่งเขาจะไม่ถือว่ามีความผิดเลย หากเขาไม่ได้นำข้อมูลลับของ Waymo มาด้วย จากการสืบสวนผ่านอีเมล์และข้อความ พบว่าเขาสนิทกับ CEO ของ Uber ในเวลานั้นอย่าง Travis Kalanick มาพักหนึ่งแล้ว

การสืบสวนยังทำให้เกิดข้อสงสัยด้วยว่า Kalanick จาก Uber มี Levandowski เป็นหนอนบ่อนไส้ในคู่แข่งอย่าง Waymo ด้วยการให้อดีตวิศวกรรายนี้ จารกรรมข้อมูลสิทธิบัตรมากกว่า 14,000 รายการ ตั้งแต่ปี 2015 หรือช่วงที่เขายังร่วมงานกับ Waymo อยู่ รวมไปถึงเทคโนโลยี lidar ที่ช่วยให้รถยนต์ขับขี่อัตโนมัติ มองเห็นสภาพแวดล้อมได้

ภาครัฐได้เข้ามาสืบสวนคดีของ Waymo อย่างจริงจังในเดือนพฤษภาคม 2017 และพบประเด็นร้อนหลายประการที่มัดตัว Uber และหนึ่งในนั้นคือการที่ Uber เข้าซื้อบริษัท Otto ในเดือนสิงหาคม 2016 ซึ่งนั่นเป็นบริษัทที่ Levandowski ก่อตั้งได้ 8 เดือนก่อน Uber เข้าซื้อ นี่ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าเกี่ยวเนื่องกับผลประโยชน์จากการจารกรรมข้อมูลหรือไม่

(ซ้าย : Travis Kalanick – ขวา : Anthony Levandowski / โดย AP)

Waymo จึงดำเนินการฟ้องร้อง Uber ฐานจารกรรมข้อมูลลับ โดยในตอนนั้นไม่มี Levandowski เป็นจำเลยร่วม ผลคือ Uber ยอมชำระค่าเสียหายมูลค่า 245 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ (ราว 7,500 ล้านบาท) ให้ Waymo ยอมความในเดือนกุมภาพันธ์ 2018 ทั้งนี้ การสืบสวนยังดำเนินต่อไป จนรวบรวมหลักฐานมาเอาผิดกับอดีตวิศวกร ผู้ยอมจำนนในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเขาอาจติดคุกสูงสุด 10 ปี หากศาลตัดสินว่าผิดจริง

Levandowski ได้รับการประกันตัวด้วยวงเงิน 2 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ (ราว 61 ล้านบาท) และต้องใส่อุปกรณ์ติดตามตัวตลอดเวลา เนื่องจากเขามีสัญชาติฝรั่งเศสด้วย ทำให้หลบหนีได้ผ่านเครื่องบินส่วนตัว ส่วนการงานของเขาถือว่าพังพินาศ เพราะไม่ได้ถูกลดตำแหน่งจาก หัวหน้าฝ่ายพัฒนาเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติของ Uber อย่างเดียว แต่ถูกไล่ออกด้วย ส่วน Kalanick ถูกกดดันจนต้องออกจากตำแหน่ง CEO แล้วเช่นกัน

ที่มา: europe.autonews