Ford Motor Company ได้รายงานผลประกอบการในไตรมาสที่ 3 ของปี 2023 ว่าบริษัทขาดทุนจากการดำเนินงานมูลค่า 1,300 ล้าน USD (ราว 46,000 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่ขาดทุน 1,100 ล้าน USD (ราว 39,000 ล้านบาท) ซึ่งมีการวิเคราะห์ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่แค่เพราะ การประท้วงหยุดงานจากลุ่มสหภาพจนเสียงานและเรียกร้องผลตอบแทนเพิ่ม แต่ยังมีเรื่องของรถยนต์ไฟฟ้าด้วย

Ford ระบุว่าในไตรมาสที่ผ่านมา ได้จำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าไปทั้งหมด 20,962 คัน เพิ่มขึ้น 44% โดยในจำนวนนี้เป็นยอดของ Mustang Mach-E จำนวน 14,824 คัน เพิ่มขึ้น 42.5% ทั้งยังสร้างสถิติมียอดขายรายเดือนสูงสุด เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาด้วยตัวเลข 5,872 คัน กลับกันกระบะขุมพลัง EV อย่าง F-150 Lightning กลับมียอดขายลดลงในช่วงเดียวกัน 46%

 

เมื่อนำยอดขาดทุนมาคำนวณกับยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าจะพบว่า EV Ford แต่ละคันที่ขายได้ขาดทุนคันละ 36,000 USD (ราว 1,298,000 บาท) ซึ่งบริษัทระบุว่าลูกค้าในอเมริกาเหนือหลายราย ที่สนใจในรถยนต์ไฟฟ้าไม่ยินดีที่จะจ่ายเงินแพงกว่าในการซื้อ EV เมื่อเทียบกับการซื้อรถยนต์สันดาปหรือ Hybrid ส่งผลให้บริษัททำราคาขายยาก แถมยังมีเรื่องสงครามตัดราคา EV ในตลาดอีก

Ford คาดการณ์ว่าภาคธุรกิจ EV จะทำบริษัทขาดทุนสะสมจนถึงสิ้นปีคิดเป็นมูลค่า 4,500 ล้าน USD (ราว 162,000 ล้านบาท) แต่บริษัทระบุว่าจะยังลงทุนในการพัฒนา EV ในอนาคตต่อไป เพียงแต่ลดมูลค่าลงทุนไปราว 12,000 ล้าน USD (ราว 432,000 ล้านบาท) ซึ่งรวมไปถึงการลดจำนวนการผลิต Mustang Mach-E และชะลอการเปิดตัวโรงงานผลิตแบตเตอรี่ร่วมกับ SK On จากเดิมที่วางแผนไว้สองแห่ง ให้มีแค่แห่งเดียวไปก่อน

 

ที่มา: insideevs, electrek


อ่านข่าว CEO ของ Ford สหรัฐฯ เผยหากทำตามข้อเรียกร้องของสหภาพ บริษัทอาจล้มละลาย ได้ที่

>> https://www.headlightmag.com/news-ceo-ford-blames-uaw-via-interview/

 

อ่านข่าว Ford เพิ่มผลตอบแทน รวมถึงขึ้นเงินได้ 20+% พร้อมเพิ่มวันลาพักร้อน ได้ที่

>> https://www.headlightmag.com/news-ford-announced-revised-profit-plan-for-all-employees/