หลายคนน่าจะเคยได้ยินชื่อ Singer 911 มาก่อน ซึ่งเป็นสำนักที่นำ Porsche 911 ในอดีต มาต่อยอดใหม่ในรูปแบบของการฟื้นฟู พร้อมกับสอดไส้เทคโนโลยีสมัยใหม่หรือ Restomod ซึ่งงานลักษณะนี้ยังมีอีกสำนักนาม Gunther Werks และพึ่งเปิดตัว Project F-26 ที่งาน Monterey Car Week ซึ่งจัดขึ้นใน California สหรัฐฯ ระหว่างวันที่ 8 – 17 สิงหาคม 2025 โดยสรรสร้างผลงานขึ้นจากแรงบันดาลใจของ 911 Slantnose และ 935 ตัวแข่งหน้าลิ่ม พร้อมทรงเครื่องชุดแต่งมาดดุ และยัดไส้ขุมพลังระดับ 1,000 แรงม้า

Gunther Werks Project F-26 มาพร้อมกับดีไซน์หน้าลิ่มตามที่กล่าวไป แต่เปลี่ยนไฟหน้า pop-up ตามแบบฉบับเดิมเป็นไฟหน้าทรงใหม่ ชิ้นส่วนตัวถังหลายชิ้นรวมทั้งส่วนหน้าทั้งหมด ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์จนสามารถรีดน้ำหนักลงเหลือ 1,224 กิโลกรัม ด้านท้ายคงอัตลักษณ์ไฟท้ายแถบยาวตามแบบเดิม แต่เปลี่ยนเป็นไฟ LED พร้อมเสริมอัตลักษณ์รถแข่งอย่างท่อไอเสียยิงออกข้าง, สปอยเลอร์หลังขนาดใหญ่ และดิฟฟิวเซอร์คาร์บอนไฟเบอร์

ห้องโดยสารของ Gunther Werks Project F-26 เป็นงานสร้างขึ้นใหม่เช่นกัน ผสานความ Classic เข้ากับสมัยใหม่ โดยมีแดชบอร์ดรวมถึงแผงประตู และเบาะหลังแข็งทำจากคาร์บอนไฟเบอร์เปลือย ส่วนพวงมาลัยมาในทรงท้ายตัดหุ้มหนังกลับ หัวเกียร์ทำจากไม้ ผสานกับการใช้หนังสีแดงแซมตามเบาะ และแผงประตูด้านบน ส่วนผ้าหลังคาทำจาก Alcantara ทั้งยังมีเครื่องเสียง Porsche Classic Radio รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay ปิดท้ายด้วย Roll Cage เต็มลำ และตีพื้นรถด้วยอะลูมิเนียม

Gunther Werks Project F-26 ขับเคลื่อนด้วย เครื่องยนต์ 6 สูบนอน ขนาด 4.0 ลิตร เทอร์โบคู่ พัฒนาร่วมกับ Rothsport Racing กำลังสูงสุด 1,000 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 1,017 นิวตันเมตร เนื่องจากยังใช้ระบายความร้อนด้วยอากาศ ทำให้ต้องใช้พัดลมระบายความร้อน เกรดเดียวกับที่ใช้ในการแข่งขัน ซึ่งมีสมรรถนะสูงกว่าสองเท่า เสริมด้วยการพัฒนาทางเดินอากาศใหม่จากคาร์บอนไฟเบอร์ รวมถึงท่อ intercooler และ blow-off valves

พละกำลังทั้งหมดถ่ายทอดลงล้อคู่หลัง ผ่านเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ พร้อม limited-slip differential ส่วนยางที่ใช้เป็นแบบ Continental ExtremeContact Force ขนาด 295/30 ในด้านหน้า และ 335/30 ในด้านหลัง ช่วงล่างพัฒนาแบบ Double Wishbone ขึ้นใหม่ โช๊คอัพเป็นของ JRZ ทั้งยังปรับแต่งระบบ Traction Control พร้อมกับขยายระยะฐานล้ออีก 30 มิลลิเมตร Gunther Werks Project F-26 ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 26 คันเท่านั้น ส่วนราคาจำหน่ายยังไม่ระบุ แต่คาดการณ์ว่าจะอยู่ในระดับ 1 ล้าน USD (ราว 32 ล้านบาท) ในสหรัฐฯ

ที่มา: roadandtrack, carscoops