เมื่อวันที่ 23 เมษายน ที่ผ่านมา Toshihiro Mibe ผู้ดำรงตำแหน่ง President ของ Honda Motor ประเทศญี่ปุ่น ได้จัดประชุมผู้สื่อข่าว เพื่อเปิดเผยแผนการดำเนินธุรกิจของ Honda ในอนาคต และหนึ่งในประเด็นที่น่าสนใจคือ การตั้งเป้ายุติจำหน่ายรถยนต์ ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในทั่วโลก ในอีก 19 ปีข้างหน้า พร้อมตั้งเป้าสัดส่วนยอดขายรถยนต์ทั่วโลก แบ่งตามขุมพลังในแต่ละช่วงเวลาดังนี้

  • ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า EV และ Fuel Cell มียอดขายเฉพาะในตลาดหลักรวมกัน 40% ของยอดขายทั้งหมด ภายในปี 2030
  • ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า EV และ Fuel Cell มียอดขายเฉพาะในตลาดหลักรวมกัน 80% ของยอดขายทั้งหมด ภายในปี 2035
  • ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า EV และ Fuel Cell มียอดขายทั่วโลก 100% ภายในปี 2040

Honda ตั้งเป้าที่จะส่งเสริมขีดความสามารถของการแข่งขันรถยนต์ไฟฟ้า EV ในตลาด ด้วยการเริ่มการวิจัยแบตเตอรี่แบบ all solid state เองเพื่อให้มีความจุสูงและราคาต่ำ โดยจะเริ่มทดสอบการผลิตภายในปีงบประมาณนี้ พร้อมทั้งจะเร่งขั้นตอนการวิจัยเพื่อให้แบตเตอรี่แบบ all solid state พร้อมติดตั้งในรถยนต์รุ่นใหม่ที่ออกจำหน่ายจริงในช่วงปี 2025 นอกจากนั้น มีการประกาศแผนการดำเนินงานในแต่ละตลาดหลักด้วย

อเมริกาเหนือ

  • ดึงศักยภาพออกมาจากการร่วมกับ General Motors ให้มากที่สุด พร้อมร่วมกันพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า EV ขนาดใหญ่สองรุ่น โดยใช้แบตเตอรี่ Ultium ของ GM และมีกำหนดการเปิดตัวในปี 2024 ภายใต้แบรนด์ Honda และ Acura อย่างละหนึ่งรุ่น
  • ตั้งแต่ปี 2025 เป็นต้นไป Honda จะเริ่มนำ platform แบบใหม่ทั้งหมด e:Architecture มาใช้กับรถยนต์ไฟฟ้า EV เป็นครั้งแรก จากนั้นจะนำ platform นี้ไปเปิดตัวในประเทศอื่นต่อ

จีน

  • Honda จะเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า EV จำนวน 10 รุ่น ภายในปี 5 ปีข้างหน้า โดยรุ่นแรกคือเวอร์ชั่นผลิตจริงของ Honda SUV e:prototype ซึ่งมีกำหนดการเปิดตัวในฤดูใบไม้ผลิ 2022
  • เพิ่มการนำทรัพยากรท้องถิ่นมาใช้ รวมไปถึงการส่งเสริมความสัมพันธ์กับ CATL ซึ่งเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่ให้

ญี่ปุ่น

  • เตรียมเปิดตัวรถยนต์ K-Car ขุมพลังไฟฟ้า EV รุ่นแรกภายในปี 2024 พร้อมทั้งเดินหน้าพัฒนาขุมพลังไฟฟ้าและ hybrid สำหรับรถยนต์ขนาดเล็กต่อไป
  • เพิ่มการผลิตและจัดซื้อภายในประเทศมากขึ้น เพื่อส่งเสริมการขับเคลื่อนธุรกิจในญี่ปุ่น
  • เตรียมเปิดตัวธุรกิจขนส่ง Cruise Origin ซึ่งให้บริการโดยรถยนต์ไฟฟ้าขับขี่อัตโนมัติ พัฒนาร่วมกัน GM และ Cruise คาดว่าจะเริ่มทดสอบภายในประเทศภายในปีนี้ ก่อนเริ่มให้บริการในช่วงปี 2025

ที่มา: Honda