Jaguar Land Rover หรือ JLR ตกเป็นเป้าถูกโจมทีทางไซเบอร์มาราวสองสัปดาห์แล้ว โดยได้รับการเปิดเผยในสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังมีความเคลื่อนไหวในตลาดหุ้นของอินเดีย ในตอนแรก JLR คาดว่าไม่มีข้อมูลใดถูกโจรกรรมไป แต่ไม่นานจากนั้น JLR ได้ยอมรับว่า ‘อาจมี’ ข้อมูลของลูกค้าบางราย ได้รับผลกระทบไปด้วยจากวิกฤตในครั้งนี้ ซึ่งจะมีการแจ้งให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย และผู้ที่ได้รับผลกระทบทราบตามความเหมาะสมต่อไป
วิกฤตการถูกโจมตีทางไซเบอร์ในครั้งนี้ ยังส่งผลกระทบร้ายแรงต่อการปฏับัติงานของพนักงาน JLR เนื่องจากไม่สามารถใช้ระบบ IT ของบริษัทได้ และไม่สามารถดำเนินการผลิตรถยนต์ได้ด้วย พนักงานบางส่วนจึงถูกพักงานไปก่อน และแม้เจ้าหน้าที่จะยังอยู่ระหว่างการสืบสวน แต่มีกลุ่ม Scattered Lapsus$ Hunters แสดงตนว่าเป็นผู้เจาะระบบ โดยอาชญากรไซเบอร์กลุ่มนี้เคยโจมตี Marks & Spencer มาแล้ว และสร้างความเสียหายคิดเป็นมูลค่า 300 ล้านปอนด์ หรือราว 12,000 ล้านบาท
ด้วยความที่ยังกู้ระบบกลับมาจากกลุ่มอาชญากรไม่ได้ Jaguar Land Rover จึงจำเป็นต้องหาวิธีดำเนินงานต่อไป ด้วยวิธีการแก้ไขเฉพาะหน้า ซึ่งก็คือการใช้เอกสารเขียนมือ ครอบคลุมไปถึงเอกสารที่ใช้ในการจำหน่ายรถยนต์ของผู้แทนจำหน่าย และขั้นตอนการจดทะเบียนรถยนต์ใหม่ JLR ระบุว่าได้พยายามอย่างหนักในการกู้ระบบกลับคืนมา แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าสถานการณ์จะกลับมาปกติเมื่อใด ส่วนต้นตอของวิกฤตคาดว่ากลุ่ม hackers ใช้ช่องโหว่ของระบบ IT เจาะเข้ามาในแบบเดียวกับที่ Marks & Spencer ประสบก่อนหน้านี้
แม้ Jaguar Land Rover จะยังไม่เปิดเผยว่า เกิดความเสียหายคิดเป็นมูลค่าเท่าใดแล้ว แต่มีการประเมินมูลค่าว่าน่าจะถึงหลักล้านปอนด์แล้ว (1 ล้านปอนด์ = ประมาณ 43 ล้านบาท) ซึ่งนอกจากจะเป็นผลจากการที่ไม่สามารถดำเนินงานได้ โดยเฉพาะกับการที่ไม่สามารถผลิตรถยนต์ใหม่ แต่ยังมีผลถึงมูลค่าหุ้นที่ลดลงจากความเชื่อมั่นที่สูญหายไปด้วย ซึ่งผู้เชี่ยวชาญระบุว่ายิ่งวิกฤตยืดเยื้อเท่าใด ความเสียหายจะยิ่งสูงมากขึ้นเท่านั้น
ที่มา: carscoops
