Koenigsegg นำ Hypercar ในตระกูล Jesko มายกระดับอีกครั้ง หลังจากที่เคยเปิดตัว Jesko Attack ซึ่งพัฒนามาเพื่อเน้นการแข่งขันมากกว่า Jesko แต่นั่นดูยังไม่สาแก่ใจ เพราะมีรุ่นที่เหนือกว่าตามมาแล้วในชื่อ Koenigsegg Sadair’s Spear โดยที่มาของชื่อรุ่นคือม้าแข่งตัวโปรดของ Jesko von Koenigsegg บิดาผู้ก่อตั้งแบรนด์อย่าง Christian von Koenigsegg ลูกจึงนำชื่อม้าตัวนั้นมาใช้ เพื่อเฉลิมฉลองรำลึกในโอกาสวันเกิดพ่อเขาครบ 80 ปี ส่วนความพิเศษของรุ่นนี้ ครบถ้วนทั้งแรงขึ้น เบาลง และปรับแต่งหน้าตาใหม่




Koenigsegg Sadair’s Spear ปรับชิ้นส่วนตัวถังที่เกี่ยวข้องกับ หลักอากาศพลศาสตร์ใหม่หลายชิ้นรวมทั้ง คาร์นาร์ดหน้า, ครีบรีดอากาศ, ช่องระบายอากาศบนฝากระโปรง และช่องดักลมด้านข้าง เพื่อให้ระบายความร้อนได้ดีขึ้น สปอยเลอร์หลังขนาดใหญ่ปรับใหม่เป็นแบบสองชั้น Double Blade Active ทั้งยังมีการปรับครีบใต้ท้องรถและโป่งล้อใหม่ด้วย ล้อเปลี่ยนใหม่เป็นลาย Aircore ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ รัดด้วยยาง Michelin Pilot Cup 2 ขนาด 275/35/20 ในด้านหน้า และขนาด 335/30/21 ในด้านหลัง
ห้องโดยสารของ Koenigsegg Sadair’s Spear รีดน้ำหนักลงไปได้อีก 35 กิโลกรัม จากการเปลี่ยนไปใช้วัสดุที่น้ำหนักเบาลง พร้อมทั้งลดวัสดุซับเสียงด้วย แต่ยังคงมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกทั้งมาตรวัด SmartCluster, แท่นชาร์จไร้สาย และกล้องมองภาพรอบคัน คอลโซลกลางปรับดีไซน์ใหม่ เบาะทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ ส่วนเข็มขัดนิรภัยมาตรฐานเป็นแบบ 3 จุด แต่สามารถติดตั้งเข็มขัดนิรภัยแบบ 6 จุดเพิ่มได้



ขุมพลังของ Koenigsegg Sadair’s Spear เป็นเครื่องยนต์เบนซิน แบบ V8 ขนาด 5.0 ลิตร เทอร์โบคู่ ผ่านการปรับแต่งและพัฒนาระบบระบายความร้อนใหม่ โดยกำลังสูงสุดอยู่ที่ 1,318 แรงม้า เมื่อใช้เชื้อเพลิงมาตรฐาน (สูงกว่า Jesko Attack 20 แรงม้า) และเพิ่มเป็น 1,648 แรงม้า เมื่อใช้เชื้อเพลิง E85 (สูงกว่า Jesko Attack 25 แรงม้า) ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ Light Speed Transmission ซึ่งเปลี่ยนเกียร์ผ่าน Paddle Shift เท่านั้น ขับเคลื่อนล้อคู่หลัง
Koenigsegg Sadair’s Spear ปรับแต่งผ้าเบรกใหม่เป็นแบบ carbon ceramic ที่มีวัสดุแข็งแกร่งขึ้น เพื่อประสิทธิภาพการเบรกที่ดีกว่า น้ำหนักตัวอยู่ที่ 1,319 กิโลกรัม ซึ่งนั่นหมายความว่าสัดส่วนแรงม้าต่อน้ำหนักไม่ถึง 1 กิโลกรัมต่อแรงม้า 1 ตัว ช่วงล่างปรับแต่งสปริงใหม่ให้มีน้ำหนักเบาขึ้น พร้อมใช้โช๊คอัพ Triplex ปิดท้ายด้วยจำนวนการผลิต ซึ่งจำนวนจำกัดเพียง 30 คัน และมีเจ้าของทั้งหมดแล้ว โดยที่ไม่มีการเปิดเผยราคาจำหน่ายต่อสาธารณชน


