ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ค่ายกระทิงดุได้เปิดตัว Lamborghini Aventador S รุ่นหลังคาแข็ง (อ่านข่าวย้อนหลังได้ ที่นี่) ล่าสุดมีการขยายรุ่นย่อยมายังตัวถังเปิดประทุนในชื่อ Lamborghini Aventador S Roadster ซึ่งยังคงความโหดเอาไว้แทบมิผิดเพี้ยน เนื่องจากมีน้ำหนักตัวมากกว่ารุ่นหลังคาแข็งเพียง 50 กิโลกรัมเท่านั้น

สีที่ใช้เปิดตัว Lamborghini Aventador S Roadster เป็นสีน้ำเงิน Ad Personam Color Blu Aegir ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากหินสีฟ้าเทอร์คอยซ์ (Turquoise) สื่อถึงพลังที่ซ่อนเร้นเอาไว้ พร้อมตัดสีตัวถังด้วยคาร์บอนไฟเบอร์แบบเงาบริเวณกระจกมองข้างและกรอบกระจก พร้อมคาร์บอนไฟเบอร์ที่กันชนหน้า – หลัง, สเกิร์ตข้าง, ช่องดักลม และท่อไอเสีย

Lamborghini Aventador S Roadster มาพร้อมกับหลังคาแข็งคาร์บอนไฟเบอร์แบบด้าน ซึ่งเปลี่ยนเป็นสีดำเงาหรือคาร์บอนไฟเบอร์แบบเงาได้ มีน้ำหนักต่ำกว่า 6 กิโลกรัม ออกแบบมาให้มีพื้นที่ภายในห้องโดยสารมากที่สุด ทั้งยังถอดหรือติดตั้งได้อย่างรวดเร็ว โดยนำไปเก็บใต้ฝากระโปรงหน้า

ฝากระโปรงหลังตกแต่งด้วยสีตัวถังและคาร์บอนไฟเบอร์แบบด้านบริเวณครีบฝากระโปรง ทั้งยังมีฝากระโปรงแบบใสให้เลือก พร้อมเสริมด้วย Active Rear Wing ไว้ช่วยสร้างแรงกดเพิ่ม ล้อเป็นลาย Dione ขนาด 20/ 21 นิ้ว รัดด้วยยาง Pirelli P Zero ที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อรถยนต์รุ่นนี้โดยเฉพาะ

โทนสีภายในห้องโดยสารสามารถเลือกได้ 5 รูปแบบ มีทั้งแบบสี mono-tone และ two-tone สำหรับวัสดุที่ใช้มีทั้งหนัง, Alcantara คาร์บอนไฟเบอร์ และ Carbon Skin Package ซึ่งเป็นวัสดุผ้าแบบพิเศษของ Lamborghini ที่มีน้ำหนักเบากว่า Alcantara โดยสามารถติดตั้งผ้าชนิดพิเศษนี้ได้รอบห้องโดยสารรวมไปถึงผ้าหลังคา

การตกแต่งห้องโดยสารของ Lamborghini Aventador S Roadster แบบในภาพคือ Ad Personam Program ที่ใช้หนังสี Blu Delphinus ตัดกับสี Bianco Polar พร้อมการตกแต่ง S-trim บริเวณเบาะ, แผงประตู และแดชบอร์ด ปิดท้ายด้วยพรมพื้นสีน้ำเงิน – ขาว

กระจกบานหลังของห้องโดยสารควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า สามารถเปิดได้ระหว่างปิดหลังคากรณีที่คนขับต้องการฟังเสียงเครื่องยนต์คำรามแบบ HD แต่กระจกนี้จะปิดเมื่อถอดหลังคาออกเพื่อช่วยลดเสียงรบกวนและลมเข้ามาในห้องโดยสาร ส่วนอุปกรณ์อื่นๆ ที่ติดตั้งมาให้มีหน้าจอแสดงผลดิจิตอลแบบ TFT และระบบ Apple CarPlay

ขุมพลังของ Lamborghini Aventador S Roadster เป็นเครื่องยนต์เบนซิน แบบ V12 ขนาด 6.5 ลิตร 6,498 ซีซี. กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 95.0 x 76.4 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 11.8 : 1 ให้กำลังสูงสุด 740 แรงม้า (PS) ที่ 8,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 690 นิวตันเมตร ที่ 5,500 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ ISR (Independent Shifting Rods) 7 จังหวะ

ระบบขับเคลื่อนเป็นแบบ 4 ล้อตลอดเวลาพร้อมระบบล็อคเฟืองท้ายและระบบบังคับเลี้ยว 4 ล้อ Lamborghini Aventador S Roadster ให้อัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 3.0 วินาที (ช้ากว่ารุ่นหลังคาแข็งเพียง 0.1 วินาที)  และจาก 0 – 200 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 9.0 วินาที ความเร็วสูงสุดเท่ากับรุ่นหลังคาแข็งที่ 350 กิโลเมตร/ชั่วโมง

เบรกคาร์บอนเซรามิคถูกติดตั้งมาให้เป็นมาตรฐาน โดยสามารถหยุด Lamborghini Aventador S Roadster จากความเร็ว 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในระยะทาง 31 เมตรซึ่งมากกว่ารุ่นหลังคาแข็งเพียง 1 เมตรนั้น ส่วนช่วงล่างได้รับการปรับปรุงด้วยการเปลี่ยนสปริงหลังใหม่ พร้อมปรับค่า Kinematics ให้เหมาะสมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ

นอกจากนั้น ยังมีระบบ Lamborghini Magneto-rheological Suspension พร้อมพวงมาลัย Lamborghini Dynamic Steering ให้การตอบสนองระหว่างเข้าโค้งแม่นยำขึ้น ส่วนระบบ ESC ได้รับการปรับปรุงทั้งในส่วนของระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและระบบช่วยการทรงตัว ให้ตอบสนองได้แม่นยำและไวขึ้นตามรูปแบบการขับขี่ที่เลือก

รูปแบบการขับขี่ของ Lamborghini Aventador S Roadster  สามารถเลือกได้ 4 แบบด้วยกันคือ Starda, Sport, Corsa และ EGO ซึ่งอย่างหลังเป็นแบบที่คนขับสามารถปรับระบบควบคุม, พวงมาลัย และช่วงล่างได้เองตามความต้องการ

Lamborghini Aventador S Roadster มีกำหนดการเปิดตัวในงาน Frankfurt Motor Show พร้อมมีกำหนดส่งมอบรถยนต์ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปี 2018 เป็นต้นไป โดยราคาจำหน่ายในแต่ละประเทศ มีรายละเอียดดังนี้

  • ราคาจำหน่ายที่ยุโรป: 313,666 ยูโร (ราว 12,490,000 บาท)
  • ราคาจำหน่ายที่อังกฤษ: 251,462 ปอนด์ (ราว 10,975,000 บาท)
  • ราคาจำหน่ายที่สหรัฐฯ: 460,247 ดอลล่าร์สหรัฐ (ราว 15,243,000 บาท)
  • ราคาจำหน่ายที่จีน: 7,478,513 หยวน (ราว 38,292,000 บาท)
  • ราคาจำหน่ายที่ญี่ปุ่น: 46,267,692 เยน (ราว 14,197,000 บาท)

 

ที่มา : media.lamborghini