ในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา Mercedes-Benz ได้เปิดตัว GLC รุ่นใหม่ พร้อมชูจุดเด่นในห้องโดยสารเป็นหน้าจอสัมผัสขนาด 39.1 นิ้ว ทอดตัวยาวจากเสาหลังคาฝั่งหนึ่งสู่อีกฝั่ง ทำให้ดูเหมือนว่าหน้าจอขนาดใหญ่นี้น่าจะเป็นศูนย์กลางการควบคุมของระบบต่างๆ ผ่านการสัมผัส แต่กลายเป็นว่าเมื่อมองที่พวงมาลัย กลับมีปุ่มกดจริงกลับมาติดตั้งเป็นจำนวนมากขึ้น ทั้งยังมีปุ่มหมุนแบบ roller อีกด้วย และต้นตอคือเสียงสะท้อนของลูกค้าว่า ปุ่มกดจริงเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องการมากกว่า

Magnus Östberg หัวหน้าฝ่ายด้าน software ของ Mercedes-Benz ให้สัมภาษณ์ว่า บริษัทฯ ได้นำปุ่มกดและปุ่มหมุนจริงกลับมาติดตั้งบนพวงมาลัยของ GLC รุ่นล่าสุด โดยมีจำนวนปุ่มมากกว่า CLA Sedan เนื่องจากได้ข้อมูลว่า ปุ่มกดและปุ่มหมุนจริงเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับลูกค้าในบางช่วงอายุ นำไปสู่การรักษาสมดุลระหว่างปุ่มกดจริงและระบบสัมผัส เพราะบริษัทฯ ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล และข้อมูลที่ได้มาบ่งชี้ว่าปุ่มกดนั้นดีกว่าจากมุมของลูกค้า ปุ่มกดจริงจึงได้กลับมาใหม่อีกครั้ง

 

Mercedes-Benz ระบุด้วยว่าจะมีการปรับแต่งให้เหมาะสม ตามความต้องการของแต่ละตลาด อย่างในยุโรปที่ชอบปุ่มกดมากกว่า ต่างจากเอเชียที่ชอบระบบสัมผัสและการสั่งการด้วยเสียง ทั้งนี้ Mercedes-Benz GLC รุ่นล่าสุด ไม่ใช่รุ่นแรกที่ค่ายดาวสามแฉก เริ่มกลับมาติดตั้งปุ่มกดในห้องโดยสาร เพราะได้เริ่มก่อนหน้านี้กับ CLA เพียงแต่ในรุ่นนั้นยังไม่มีปุ่มหมุน roller บนพวงมาลัยและพึ่งมาติดตั้งใน GLC นี้เอง ทั้งยังมีการระบุด้วยว่าการติดตั้งปุ่มกดจริง จะเป็นมาตรฐานของ Mercedes-Benz รุ่นอื่นในอนาคตอีกด้วย

การกลับมาของปุ่มกดจริงในห้องโดยสารรถยนต์ ไม่ใช่เกิดจากความความต้องการของลูกค้าเพียงอย่างเดียว แต่มีแรงผลักดันจากหน่วยงานด้านความปลอดภัยด้วย โดย Euro NCAP เคยเปิดเผยก่อนหน้าว่า ในเดือนมกราคม 2026 อาจมีการลดคะแนนความปลอดภัยของรถยนต์รุ่นที่ไม่มีปุ่มกดจริง ไว้ควบคุมระบบต่างๆ ผู้ผลิตรถยนต์จึงเริ่มกลับมาคบหากับปุ่มกดจริงอีกครั้ง ซึ่งมีทั้ง BMW, Volkswagen และ Hyundai

 

ที่มา: motor1, carscoops