ผู้ที่จะต้องขับขี่ผ่านสะพาน Verrazano-Narrows Bridge ใน New York สหรัฐฯ จะต้องชำระค่าผ่านทาง ผ่านเทคโนโลยีอ่านป้ายทะเบียนอัตโนมัติ ซึ่งแน่นอนว่ามีผู้ใช้งานหลายคนหลีกเลี่ยงการชำระ ทั้งตีมึนไม่จ่ายเงินหรือหาวิธีปกปิดป้ายทะเบียน แต่หน่วยงานภาครัฐอย่าง Metropolitan Transportation Authority (MTA) เอาจริงใช้ยาแรง ลงโทษผู้ที่กระทำความผิดซ้ำซากด้วยมาตรการยึดรถ

MTA ได้แถลงผลงานในปีนี้ว่า หน่วยงานได้ยึดรถจากผู้ที่ไม่ชำระค่าผ่านทางไปแล้ว 2,705 คัน และพบผู้ที่ทำความผิดฐานปกปิด, ดัดแปลง หรือใช้ป้ายทะเบียนปลอม 2,933 คัน นอกจากนั้น ระหว่างวันที่ 12 – 15 ธันวาคมที่ผ่านมา หน่วยงานได้ยึดรถผู้กระทำความผิดจำนวน 44 คัน หนึ่งในนั้นเป็น Range Rover ที่เจ้าของมีค่าผ่านทางและค่าปรับสะสมมูลค่า 52,000 USD (ราว 1,798,000 บาท)

 

MTA ระบุว่าหลังจากที่มีการบังคับใช้กฎอย่างจริงจัง สามารถเรียกเก็บค่าผ่านทางคงค้างได้มากกว่า 98% จากผู้ที่กระทำความผิดซ้ำซาก ทั้งยังมีการส่งสารไปยังผู้ใช้รถใช้ถนนว่า “กฎเกณฑ์ของเรานั้นเรียบง่าย หากท่านปิดบังป้ายทะเบียนหรือใช้ป้ายปลอม นั่นจะนำไปสู่ราคาที่ท่านต้องจ่าย หากท่านทำผ่านผิดซ้ำซาก ท่านจะถูกยึดรถและถูกจับกุมมาลงโทษด้วย”

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ MTA ใช้ยาแรง เพราะในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ได้มีการลงดาบในวันที่ 11 มกราคม 2023 และยึดรถวันเดียวได้ 21 คัน หนึ่งในนั้นเป็น Mazda CX-5 ที่ค้างชำระค่าผ่านทางรวมค่าปรับย้อนไปจนถึงปี 2011 มูลค่า 57,000 USD (ราว 1,971,000 บาท) และในอนาคตดูเหมือนว่า MTA น่าจะมีงานให้ทำอีกมาก เพราะในปี 2024 จะมีการเก็บค่าธรรมเนียมรถติด (Congestion Fee) สูงสุดคันละ 23 USD (ราว 790 บาท) ด้วย

 

ที่มา: carscoops, cbsnews