Nissan มาพร้อมกับการเพิ่มศักยภาพให้ LEAF รถยนต์ไฟฟ้ารักษ์โลก รุ่นล่าสุด โดยเพิ่มความแรงของชุดมอเตอร์ไฟฟ้าให้สร้างกำลังได้มากยิ่งขึ้น ตลอดจนความสามารถในการเก็บพลังงานของ แบตเตอรี่ ที่อัพเกรดให้มีขนาดใหญ่กว่าเดิม จึงเป็นผลให้ออกรุ่นใหม่ในคราบของ LEAF e+ โชว์ตัวครั้งแรกในงาน CES – The International Consumer Electric Show 2019 ที่ Las Vegas สหรัฐอเมริกา

หัวใจสำคัญของ LEAF e+ คันนี้ ก็คือ เรื่องราวในด้านขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้า โดยทาง Nissan ให้ข้อมูลว่า จากเดิมที่ LEAF เวอร์ชั่นปกติ ใช้ มอเตอร์ไฟฟ้า AC Synchronous electric motor รหัส EM57 ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร แต่สำหรับ LEAF e+ จะถูกอัพเกรดความแรงขึ้นเป็น 218 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 340 นิวตันเมตร โดยใช้การส่งกำลังผ่าน เกียร์อัตโนมัติ Single Speed

ส่งผลให้สมรรถนะของตัวรถ จากการอ้างอิงโดย Nissan ระบุว่า ในย่านอัตราเร่งความเร็ว 80-120 km/h มีตัวเลขที่ดีขึ้นประมาณ 13% และความเร็วสูงสุด สามารถทำได้เพิ่มขึ้นประมาณ 10% เมื่อเทียบกับเวอร์ชั่นปกติ

ขณะเดียวกัน ในส่วนของ แบตเตอรี่ Advanced Lithium-ion (Li-ion) ก็ถูกอัพเกรดความจุจากเวอร์ชั่นปกติที่ใช้เป็นขนาด 40 kWh โดยเพิ่มขึ้นอีก 55% ไปแตะระดับ 62 kWh ส่งผลให้ LEAF e+ สามารถวิ่งได้ระยะทางต่อการชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้ง มีผลลัพธ์ออกมาที่ตัวเลข 458 กิโลเมตร (มาตรฐาน WLTC) ซึ่งมากกว่าเวอร์ชั่นปกติราวๆ 40% ที่เคลมตัวเลขไว้ 322 กิโลเมตร

สรุปได้เบื้องต้นว่า Nissan LEAF e+ มีกำลังเพิ่มขึ้นจากเวอร์ชั่นปกติ 68 แรงม้า (PS) แรงบิดเพิ่มขึ้น 20 นิวตันเมตร ความจุแบตเตอรี่เพิ่มขึ้น 12 kWh วิ่งได้ระยะทางไกลขึ้น 136 กิโลเมตร

นอกจากนี้ LEAF e+ ก็ได้รับการยืนยันแล้วว่า สามารถรองรับการชาร์จไฟแบบ Quick Charging ซึ่งมีกำลังไฟ 70 kW แต่สามารถขึ้นไปถึงจุดสูงสุดได้ถึง 100 kW อย่างไรก็ดี ยังไม่มีการเปิดเผยออกมาว่า ใช้เวลาชาร์จได้รวดเร็วเพียงใด เมื่อเทียบกับระบบชาร์จกำลังไฟ 50 kW ที่ใช้กับ LEAF เวอร์ชั่นปกติ แต่ทั้งนี้ คาดว่า มันอาจจะใช้เวลาที่ใกล้เคียงกัน ก็เพราะขนาดของแบตเตอรี่ LEAF e+ ที่มีประจุมากกว่านั่นเอง

ส่วนการรายละเอียดตัวรถภายนอก ไม่มีการผิดแปลกไปจาก LEAF เวอร์ชั่นปกติมากนัก ซึ่งจะมีก็แต่เพียง ระดับความสูงของตัวรถที่มากขึ้นอีก 5 มิลลิเมตร อันเนื่องมาจากการประกบเข้ากับ ล้ออัลลอยที่ลดขนาดจาก 17 นิ้ว กลายเป็น 16 นิ้ว ทำให้มีสัดส่วนของขอบยางหนาขึ้น และ ขอบทริมสีน้ำเงินบริเวณชายล่างกันชนหน้า เท่านั้น

ทางด้านภายใน จะพบกับความเปลี่ยนแปลงหลักคือ หน้าจอความบันเทิงที่ใหญ่ขึ้น มีขนาด 8 นิ้ว แบบ Touchscreen รองรับการอัพเดตแบบ over-the-air และมาพร้อมฟังก์ชั่นระบบนำทาง Door-To-Door Navigation ซึ่งสามารถทำงานร่วมกับ Smartphone และระบุทิศทางตำแหน่งการเดินเท้าได้อีกด้วย ขณะที่ระบบความปลอดภัย แน่นอนว่าต้องมาพร้อมกับแพ็คเกจของ ระบบขับขี่กึ่งอัตโนมัติ ProPilot Assist

Nissan LEAF e+ เตรียมออกจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่เดือน กุมภาพันธ์ นี้ เป็นต้นไป ด้วยราคาเริ่มต้น 4,162,320 เยน (ประมาณ 1,227,000 บาท ไม่รวมภาษีประเทศไทย) ส่วนในตลาดยุโรป จะเริ่มต้นในช่วงกลางปี 2019 และ ตลาดสหรัฐฯ จะจัดจำหน่ายกันในช่วงฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม-พฤษภาคม) ปี 2019 โดยมีให้เลือก 3 รุ่นย่อย คือ S Plus, SV Plus และ SL Plus

ที่มา : carscoops, caradvice


อ่านเพิ่มเติม : ราคาอย่างเป็นทางการ Nissan LEAF รถยนต์ไฟฟ้า EV 100% : 1,990,000 บาท (นำเข้า CBU) >> http://www.headlightmag.com/official-price-nissan-leaf-ev-100-thailand/

ราคาอย่างเป็นทางการ Nissan LEAF รถยนต์ไฟฟ้า EV 100% : 1,990,000 บาท (นำเข้า CBU)