ข่าวลือเรื่อง Nissan ขาดทุนหนัก จนมีแผนลดพนักงานทั่วโลกนับหมื่นคน ที่เรารายงานไปไม่กี่วันก่อน ได้กลายเป็นความจริงแล้ว หลังทางการเปิดเผยในวันที่ 25 กรกฎาคมที่ผ่านมา พร้อมระบุว่าความเสียหายดังกล่าว เป็นผลจากตลาดรถยนต์ชะลอตัวทั่วโลก และประกาศแผนปรับโครงสร้างผลิตภัณฑ์ด้วย

Nissan เปิดเผยผลประกอบการทั่วโลก ในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2019 หรือ เดือนเมษายน – มิถุนายน 2019 ว่ารายได้สุทธิอยู่ที่ 6,400 ล้านเยน (ราว 1,814 ล้านบาท) ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ที่มีรายได้ 115,800 ล้านเยน (ราว 32,814 ล้านบาท) ลดลง 94.5%

บริษัทระบุว่าเหตุการณ์นี้ เกิดจากตลาดในอุตสาหกรรมชะลอตัว อีกทั้งยังมีกำไรต่อหน่วยลดลง เนื่องจาก Nissan พยายามรักษายอดขายให้อยู่ในระดับปกติ นอกจากนั้น ยังมีเรื่องของ ราคาต้นทุนวัตถุดิบสูง, ความผันผวนของอัตราการแลกเงิน และ การลงทุนเพิ่มเพื่อให้มาตรฐานต่างๆ

(Hiroto Saikawa ผู้บริหารของ Nissan)

สำหรับยอดขายสะสมทั่วโลก ในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2019 Nissan ได้จำหน่ายรถยนต์ไปทั้งหมด 1,230,000 คัน ลดลงจากปีก่อนหน้า 6.0% ส่วนยอดขายรถยนต์ทั้งตลาดอยู่ที่ 22,500,000 คัน ลดลงจากปีก่อนหน้า 6.8% ด้านสถานการณ์ยอดขาย Nissan ในแต่ละภูมิภาค มีรายละเอียดดังนี้

  • ตลาดญี่ปุ่น มียอดขาดสะสม 126,000 คัน ลดลง 6% เนื่องจาก Nissan Dayz ที่พึ่งเปิดตัวไปในเดือนมีนาคม ได้รับกระแสตอบรับดี
  • ตลาดจีน มียอดขาดสะสม 344,000 คัน เพิ่มขึ้น 3% เนื่องจาก Slyphy, Qashqai และ X-Trail รวมถึงแบรนด์จีนอย่าง T60 ได้รับความนิยมในตลาด
  • ตลาดสหรัฐฯ มียอดขาดสะสม 351,000 คัน ลดลง 9%
  • ตลาดยุโรปรวมรัสเซีย มียอดขาดสะสม 135,000 คัน ลดลง 3%
  • ตลาดอื่นรวมทั้ง เอเชีย, โอเชียเนีย, ละตินอเมริกา, ตะวันออกกลาง และแอฟริกา มียอดขาดสะสม 174,000 คัน ลดลง 1%

เพื่อฟื้นฟูผลประกอบการให้กลับเข้าสู่ภาวะปกติ Nissan ประกาศแผนปรับโครงสร้างระยะกลางหลายด้านทั้ง การปรับต้นทุน, ยกระดับคุณค่าของแบรนด์, ปรับผลิตภัณฑ์ให้สดใหม่ และ เสริมการเติบโตในแต่ละตลาด นอกจากนั้น ยังมีการประกาศลดจำนวนการผลิตรถยนต์ทั่วโลกลง 10% พร้อมลดจำนวนพนักงานทั่วโลกลง 12,500 ตำแหน่ง คิดเป็น 10% ของพนักงานทั้งหมด ภายในปีงบประมาณ 2022

Nissan ยังประกาศเตรียมลด product line-up ลง 10% เพื่อให้การเจาะตลาดในแต่ละรุ่น เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่วนแก่นเทคโนโลยีของผลิตภัณฑ์จะยังคงเป็น Nissan Intelligent Mobility รวมไปถึง ระบบขับขี่กึ่งอัตโนมัติ ProPILOT และระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า e-POWER ที่จะเดินหน้าลงทุนต่อไป พร้อมนำเทคโนโลยีไปเปิดตัว ในตลาดแห่งใหม่อีกด้วย

ที่มา: Nissan