Nissan Z เวอร์ชั่นสหรัฐฯ มีแพคเกจพิเศษ Heritage Edition ตามมาให้สั่งซื้อเพิ่ม โดยใช้แรงบันดาลใจในการตกแต่งจากยุค 90’s เหมือนรุ่นพี่อย่าง Nissan 300ZX รหัสตัวถัง Z32 สงวนสิทธิ์ติดตั้งกับรุ่นย่อย Performance เท่านั้น และเปิดตัวเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2025 โดยความพิเศษเริ่มต้นกับตัวถังสีม่วง Midnight Purple ซึ่งเป็นสีที่ปรากฎในตัวแรงหลากหลายรุ่นประจำค่าย รวมถึง GT-R จนกลายเป็นเอกลักษณ์

Nissan Z Heritage Edition เปลี่ยนล้อใหม่เป็นของ RAYS สีบรอนซ์ทองขนาด 19 นิ้ว เสริมด้วยสปอยเลอร์หลังทรงตูดเป็ด และมีติดโลโก้ Twin Turbo มาด้วย ชายล่างประตูยังมีกราฟฟิกสีทอง Twin Turbo คาดยาวจนถึงซุ้มล้อคู่หน้า ห้องโดยสารมีกันเตะประตูและพรมพื้นแบบเฉพาะรุ่น อุปกรณ์มาตรฐานอื่น มียาง Bridgestone Potenza S007 และเบรกเน้นสมรรถนะ ส่วนอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมี หน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว พร้อมระบบนำทางและเครื่องเสียง BOSE 8 ลำโพง ทั้งยังมีเบาะหุ้มหนังปรับไฟฟ้าและปรับอุ่นได้

 

ขุมพลังของ Nissan Z Heritage Edition คงเดิมกับ เครื่องยนต์เบนซิน รหัส VR30DDTT แบบ V6 ขนาด 2,997 ซีซี. เทอร์โบคู่ กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 86.0 x 86.0 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 10.3 : 1 กำลังสูงสุด 400 แรงม้า ที่ 6,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 475 นิวตันเมตร ที่ 1,600 – 5,600 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ หรือ เกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อคู่หลัง

Nissan Z Heritage Edition พร้อมออกจำหน่ายแล้วในสหรัฐฯ โดยตัวแพคเกจอย่างเดียวมีราคา 2,940 USD (ราว 93,000 บาท) ส่วนตัวรถ Nissan Z รุ่นย่อย Performance ทั้งรุ่นเกียร์ธรรมดาและอัตโนมัติ มีราคาเริ่มต้นเท่ากันที่ 52,970 USD (ราว 1,682,000 บาท) หากรวมค่าติดตั้งแพคเกจ Heritage Edition ด้วยราคารวมจะจบที่ 55,910 USD (ราว 1,776,000 บาท)

 

ที่มา: Nissan