By Gigabright

“สืบเนื่องจากกระแสของรถกระบะเครื่องยนต์เบนซินรุ่นหนึ่งในบ้านเรา ที่กำลังเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ในขณะนี้ วันนี้ผมเลยขอมานำเสนอกระบะตัวแรงจากฟากฝั่งแอฟริกาใต้ให้ได้ชมกันบ้างครับ ถ้าพร้อมแล้วก็เลื่อนไปชมกันได้เลย”…

คำว่า “ลางเนื้อชอบลางยา” ดูท่าจะใช้ได้จริงไม่ว่าจะกับคนกลุ่มไหนหรือเชื้อชาติอะไร เพราะเรื่องของความชอบและรสนิยมนั้นไม่มีผิด-ถูกหรือกฎเกณฑ์ที่ตายตัว ตราบใดที่มันไม่ใช่การไปเบียดเบียนหรือสร้างความเดือดร้อนเสียหายให้กับใคร และแน่นอนว่าตัวเราเองก็ต้องไม่ไปตัดสินคนอื่นเช่นกัน เท่านี้ก็สามารถอยู่ร่วมกันในสังคมและสิ่งที่เราชอบได้อย่างมีความสุขแล้ว

เฉกเช่นเจ้ากระบะคันน้อยวัยดึกในประเทศแอฟริกาใต้คันนี้ ที่แม้อายุอานามของมันจะปาเข้าไปกว่า 50 ขวบแล้ว แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาเลย เมื่อ Rohan Estrisen เจ้าของรถผู้ปลุกปั้นมันขึ้นมาเองกับมือภายในโรงจอดรถที่บ้าน โดยมีคุณปู่เป็นกองหนุนในการสานฝันของ Rohan ให้เป็นจริง ซึ่งเขาหมายมั่นปั้นมือจะทำให้เจ้ากระบะคันน้อยหรือ “Bakkie” (เป็นคำเรียกตามภาษาท้องถื่นของที่นั่น หมายถึงรถขนาดเล็กที่มีพื้นที่เปิดบริเวณส่วนท้ายของรถเพื่อขนของได้นั่นเอง) ให้เป็นเฒ่าทารกสุดแซ่บที่ใครๆจะมาสมประมาทไม่ได้อย่างเด็ดขาด!

คอนเซ็ปต์ของ Rohan คืออยากให้รถ Datsan 1300 (หรือที่บ้านเรารู้จักกันในนาม “ดัทสันช้างเหยียบ”) ของเขานั้นมีเอกลักษณ์จากภายนอกที่ดูดิบๆสไตล์เรโทร โดยที่ยังมีกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นแบบ JDM สอดแทรกอยู่ภายในรถ โดยที่ทั้งหมดนั้นจะต้องควบคู่ไปกับการที่รถยังสามารถใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวันด้วย ซึ่งมีความแตกต่างกันไปในเรื่องของการเรียกชื่อ รวมถึงแนวทางการตกแต่งรถกระบะของประเทศต่างๆ เช่น รถกระบะในอเมริกาจะเรียกว่า “Pickup truck” ที่นิยมตกแต่งด้วยการยกสูง-ใส่ล้อโตๆ และติดไฟสปอตไลท์เรียงเป็นแถบ ในขณะที่รถกระบะในออสเตรเลียจะมาในลักษณะของรถกระบะบนพื้นฐานรถเก๋งที่ดูเพรียวและปราดเปรียวกว่า ซึ่งเรียกว่า “Utes”

ทุกขั้นตอนในการพลิกโฉมเจ้า Datsan คันเก่งนั้นอยู่ในความควบคุมดูแลของ Rohan ทั้งหมด เริ่มตั้งแต่งานสีตัวถังภายนอก ซึ่งเขาเป็นคนที่ลงกระดาษทรายแบบหยาบเพื่อปรับสภาพพื้นผิวรถ ก่อนจะลงมือพ่นสีด้วยมือของเขาเองเลยทีเดียว ถัดมาก็เป็นเรื่องของเครื่องยนต์กลไก เขาเลือกขุมพลังในตำนาน นั่นคือ SR20 ขนาด 2.0 ลิตร พ่วงเทอร์โบเข้าไปอีกลูก ทำให้ได้พละกำลังที่น่าพอใจอยู่ไม่น้อย สามารถรีดม้าลงสู่ล้อคู่หลังได้ถึง 215 แรงม้า (160 กิโลวัตต์) จับคู่กับเกียร์ธรรมดาเอาไว้ลากรอบ-สับเกียร์เพื่อเพิ่มอรรถรสในการขับขี่ เรียกว่าพร้อมรบในทุกย่านความเร็วอย่างแน่นอน

ที่มา : motor1