แม้ Tesla จะประสบปัญหายอดขายในหลายตลาดใหญ่ ไม่เว้นแม้แต่ในสหรัฐฯ และยุโรป แต่กลายเป็นว่าแบรนด์รถยนต์สัญชาติอเมริกัน กลับมียอดขายเติบโตในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องชาตินิยมขั้นสุด โดยในส่วนของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของที่นั่น เดิมทีมี Nissan ครองบัลลังก์ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่มียอดขายสูงสุดติดต่อกัน 15 ปี แต่ในปีนี้ อาจเป็นปีแรกที่ Nissan พ่ายให้กับ Tesla เพราะยอดขายของ Tesla ตามมาชนิดหายใจรดต้นคอ

Tesla มียอดขายสะสมในประเทศญี่ปุ่น ระหว่างเดือนมกราคม – สิงหาคม 2025 เป็นจำนวน 6,590 คัน ซึ่งสูงขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้ากว่า 87% ทั้งยังสูงกว่ายอดขายสะสมปี 2022 ทั้งปีของ Tesla ในญี่ปุ่น ซึ่งเป็นปีที่มียอดสะสมทั้งปีสูงสุด 5,900 คัน และในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ยังเป็นเดือนที่ Tesla มียอดขายสูงถึง 980 คันในเดือนเดียว หรือสูงกว่ายอดขายในเดือนสิงหาคมปีก่อน มากกว่าสองเท่า

 

ตัวเลขดังกล่าวของ Tesla ห่างจากยอดขายสะสม EV ของ Nissan ในญี่ปุ่นราว 100 คันเท่านั้น ซึ่งในปีก่อน Nissan มี Sakura ซึ่งเป็น EV พิกัด K-Car เป็นตัวสร้างยอดขาย ส่วนในปีนี้อยู่ระหว่างการรอจำหน่าย Nissan Leaf รุ่นถัดไป ซึ่งจะเริ่มขายในช่วงปลายปี ทำให้ลูกค้าเกิดความลังเลว่าจะซื้อรุ่นปัจจุบัน ที่กำลังจะตกรุ่นเลย หรือจะรอรุ่นใหม่ดี เป็นจังหวะเดียวกับที่ Tesla รุกเกมส์หนัก โดยในเดือนพฤษภาคม ได้ประกาศลดราคา Model 3 ลง 453,000 เยน (ราว 97,000 บาท) จนราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 3,990,000 เยน (ราว 860,000 บาท)

ราคาดังกล่าวไม่รวมเงินสนับสนุนจากภาครัฐ ซึ่งทำให้ราคาจำหน่ายของ Tesla ในญี่ปุ่น ถูกลงไปอีก จึงไม่แปลกใจว่าเหตุใด Tesla จึงกวาดยอดขายได้จากลูกค้ากลุ่มที่พร้อมเปิดรับสิ่งใหม่ และครองส่วนแบ่ง EV ที่นั่นราว 30% จากทั้งตลาด นอกจากนั้น ยังมีแผนการขยายโชว์รูมจาก 25 เป็น 50 แห่ง ทั่วญี่ปุ่นในปี 2026 ส่วนเครือข่าย Superchargers ยังมีแผนขยายต่อจากที่มีอยู่แล้ว 130 แห่ง และมีการคาดการณ์ว่าถ้ากระแส Tesla ยังอยู่ระดับนี้ ยอดขายปิดปีในญี่ปุ่นอาจแตะระดับ 10,000 คัน พร้อมโค่นบัลลังก์ 15 ปีของ Nissan อีกด้วย

 

ที่มา: carscoops, supercarblondie