แม้ Tesla Model S และ Model X จะไม่ใช่รุ่นที่สร้างยอดขายได้มากที่สุดให้กับค่าย แต่ด้วยความที่ว่าทั้งสองเปิดตัวเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2012 สำหรับ Model S และ 2015 สำหรับ Model X ทำให้ยังต้องมีการปรับโฉมเพื่อเพิ่มความน่าสนใจให้กับผลิตภัณฑ์ต่อไป ล่าสุด มีการเปิดตัวรุ่นปี 2026 แล้ว ซึ่งมีการปรับเปลี่ยนอย่างรอบด้านทั้งดีไซน์ภายนอก, อุปกรณ์ในห้องโดยสาร, การขับขี่ และในบางรุ่นย่อยยังมีพิสัยขับขี่ไกลขึ้นอีกด้วย

Tesla Model S & Model X รุ่นปี 2026 ปรับดีไซน์กันชนหน้าใหม่ในรุ่นย่อย Plaid ให้อารมณ์สปอร์ตมากขึ้น ทั้งยังเพิ่มทางเลือกตัวถังสีใหม่ กับสีน้ำเงิน Frost Blue โดยเป็นสีที่ต้องจ่ายเงินเพิ่มอีก 2,500 USD (ราว 81,000 บาท) ล้อของทั้งสองรุ่นปรับเปลี่ยนใหม่ให้มีประสิทธิภาพการรีดลมดีกว่าเดิม นำไปสู่ระยะทางขับขี่ที่ทำได้ไกลขึ้น โดยในรุ่น Model S มีล้อใหม่ลาย Magnetite ขนาด 19 นิ้ว และ Velariam ขนาด 21 นิ้ว ส่วน Model X จะมีลาย Perihelix ขนาด 20 นิ้ว และ Machina ขนาด 22 นิ้ว ให้เลือก

 

ห้องโดยสาร Tesla Model S & Model X รุ่นปี 2026 เก็บเสียงได้ดีขึ้นทั้งจากถนนและภายนอก ผ่านการปรับแต่งระบบเก็บเสียง Active Noise Cancellation ส่วนไฟในห้องโดยสาร Ambient Lighting เพิ่มพื้นที่ไปยังแดชบอร์ด, แผงประตู และคอลโซลกลาง ทั้งยังมีการเคลื่อนไหวของไฟเมื่อกดปุ่มสตาร์ทระบบ EV ส่วนพวงมาลัยแบบมาตรฐานกลับมาเป็นแบบปกติ แต่ถ้าอยากได้พวงมาลัยตัดหัวท้าย Yoke นั้นยังมีให้เสียเงินสั่งเพิ่ม พิเศษในรุ่น Model X ยังมีพื้นที่ให้ผู้โดยสารเบาะแถว 3 และที่เก็บของท้ายรถมากขึ้น

ขุมพลัง EV ของ Tesla Model S & Model X รุ่นปี 2026 มีการเปิดเผยตัวเลขพิสัยการขับขี่ ดังต่อไปนี้

  • Tesla Model S AWD ขับได้ไกลสุด 410 ไมล์ (659 กิโลเมตร) ถือเป็น Tesla รุ่นที่ขับได้ไกลที่สุด
  • Tesla Model S Plaid ขับได้ไกลสุด 368 ไมล์ (592 กิโลเมตร เพิ่มจากเดิมที่ทำได้ 348 ไมล์ หรือ 560 กิโลเมตร) พร้อมลดความเร็วสูงสุดจากเดิม 200 ไมล์/ชั่วโมง เหลือ 149 ไมล์/ชั่วโมง (322 -> 240 กิโลเมตร/ชั่วโมง)
  • Tesla Model X AWD ขับได้ไกลสุด 352 ไมล์ (566 กิโลเมตร เพิ่มจากเดิมขึ้นมา 38 ไมล์ หรือ 61 กิโลเมตร)
  • Tesla Model X Plaid ขับได้ไกลสุด 335 ไมล์ (539 กิโลเมตร เพิ่มจากเดิมขึ้นมา 21 ไมล์ หรือ 33 กิโลเมตร)

 

Tesla Model S & Model X รุ่นปี 2026 ยังปรับแต่งช่วงล่างใหม่รวมถึงบูชช่วงล่าง เพื่อให้มีคุณภาพการขับขี่ที่ดีขึ้น ทั้งยังมีการเพิ่มระบบไฟส่องสว่าง Adaptive ขณะเลี้ยวแบบใหม่ ส่วนกล้องที่กันชนหน้าปรับแต่งใหม่ พร้อมเพิ่มหัวฉีดล้างทำความสะอาดด้วย ปิดท้ายกับราคาจำหน่ายที่สหรัฐฯ โดยที่ยังไม่รวมภาษีนำเข้าของประเทศไทย โดยทุกรุ่นมีค่าตัวสูงขึ้นจากรุ่นเดิม 5,000 USD (ราว 162,000 บาท) และมีข้อมูลดังต่อไปนี้

  • Tesla Model S AWD ราคา 84,990 USD (ราว 2,759,000 บาท)
  • Tesla Model S Plaid ราคา 99,990 USD (ราว 3,247,000 บาท)
  • Tesla Model X AWD ราคา 89,990 USD (ราว 2,922,000 บาท)
  • Tesla Model X Plaid ราคา 104,990 USD (ราว 3,409,000 บาท)

 

ที่มา: electrek, carscoops, insideevs