


เดิมที Xiaomi SU7 Ultra ถือเป็นที่สุดของ line-up อยู่แล้ว กับขุมพลัง EV ที่ให้พละกำลังรวมกันมากกว่า 1,500 แรงม้า แต่ล่าสุด มีการเพิ่มรุ่นย่อยใหม่ในระดับที่สูงกว่าในชื่อ Xiaomi SU7 Ultra Track Edition ซึ่งแม้ขุมพลังจะคงเดิม แต่ผ่านการตกแต่งพิเศษทั้งภายนอกและภายใน รวมถึงการปรับปรุงช่วงล่าง เพื่อให้ได้สมรรถนะการควบคุมที่ดีกว่าในสนามแข่ง ในส่วนของรายละเอียดมิติตัวถัง มีดังต่อไปนี้
- ยาว x กว้าง x สูง : 5,070 x 1,970 x 1,465 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ : 3,000 มิลลิเมตร


Xiaomi SU7 Ultra Track Edition เปลี่ยนไปใช้กันชนหน้าใหม่ เสริมด้วยฝากระโปรงหน้าทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ รีดน้ำหนักลงจากเดิมได้ 1.3 กิโลกรัม พร้อมช่องดักลมแบบคู่ ทั้งยังมีโลโก้แบรนด์ทำจากทองคำ 24K ชิ้นส่วนตัวถังรอบคันส่วนอื่น ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์เช่นกัน โดยมีทั้งหลังคา, สปอยเลอร์หลังแบบตายตัว, ดิฟฟิวเซอร์, กระจกมองข้าง และสเกิร์ตข้าง ด้านข้างยังมีกราฟฟิก Ultra สีเงิน ล้อเป็นแบบ Forged ลายตัว Uรัดด้วยยางใหม่ Pirelli P Zero Trofeo RS ซึ่งเป็นยางแบบ semi slick
ห้องโดยสารของ Xiaomi SU7 Ultra Track Edition ไม่มีเบาะหลัง และสามารถติดตั้ง roll cage เพิ่มได้ ส่วนการตกแต่งใช้ Alcantara และ คาร์บอนไฟเบอร์ทั้งคันรวมถึง 21 จุด อย่างพวงมาลัยระบุตำแหน่ง 12 นาฬิกาด้วยแถบสีเหลือง, หลังเบาะ, คอลโซลกลาง, แผงประตู และกันเตะประตูเรืองแสง มาตรวัดมีขนาด 7.1 นิ้ว ส่วนหน้าจอสัมผัสมีขนาด 16.1 นิ้ว ทำงานร่วมกับเครื่องเสียง 25 ลำโพง ทั้งยังมีแท่นชาร์จไร้สายคู่ขนาด 50 วัตต์


ขุมพลังของ Xiaomi SU7 Ultra Track Edition คงเดิมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว ติดตั้งด้านหลัง 2 ด้านหน้า 1 แต่ละตัว ให้กำลังสูงสุด 392 แรงม้า กำลังรวมสูงสุด 1,548 แรงม้า ขับเคลื่อนสี่ล้อ เร่ง 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 1.98 วินาที ความเร็วสูงสุด 350 กิโลเมตร/ชั่วโมง แบตเตอรี่เป็นแบบ CATL Qilin II ขนาด 93.7 kWh ขับขี่ได้ไกลสุดเป็นระยะทาง 630 กิโลเมตร (CLTC) ทั้งยังปลดล็อคสมรรถนะทั้งหมดมาจากโรงงาน ไม่ต้องผ่านการอัพเดทก่อน ส่วนผลงานการทำเวลาคือสร้างสถิติเวลา 2:09.944 ที่สนาม Shanghai International Circuit
เวลาดังกล่าวไวกว่าของ Porsche Taycan Turbo GT ส่วนการควบคุมของ Xiaomi SU7 Ultra Track Edition ทำได้เฉียบคมยิ่งขึ้น ด้วยการเปลี่ยนไปใช้โช๊อัพ Bilstein EVO R รวมถึงผ้าเบรกเกรดการแข่งขัน Endless และน้ำมันเบรกอุณหภูมิสูง ซึ่งผ่านการพัฒนาเพื่อใช้ในการแข่งขันโดยเฉพาะ ทั้งยังผ่านการพัฒนาในสนามแข่งของจีนและ Nürburgring ของเยอรมนี ทั้งหมดที่กล่าวมานั้น จำหน่ายเพิ่มเป็นแพคเกจบวกราคาจากตัวรถอีก 100,000 หยวน (ราว 454,000 บาท)



ที่มา: carnewschina