ราคาอย่างเป็นทางการ Lamborghini TEMERARIO

  • Lamborghini Temerario : เริ่มต้น 23,760,000 บาท

นำเข้าและจัดจำหน่ายโดย เรนาสโซ มอเตอร์ (Renazzo Motor) ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ Lamborghini  อย่างเป็นทางการรายเดียวในประเทศไทย

 

Lamborghini Temerario เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วที่ประเทศไทย ในฐานะ Supercar รุ่นใหม่ที่เข้ามารับช่วงต่อจาก Huracan โดย Temerario นับเป็นรถยนต์รุ่นที่ 3 ในกลุ่มผลิตภัณฑ์รถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง (HPEV) ชูจุดเด่นด้านขุมพลังเบนซิน V8 4.0 ลิตร Twin-Turbo Hybrid 920 แรงม้า ได้รับการพัมฒนาให้มีประสิทธิภาพเหนือกว่ารุ่นก่อนหน้า และมีความยั่งยืนมากขึ้นตามจุดยืนด้านการปล่อยมลพิษ

 

 

ขุมพลังขับเคลื่อน

ขุมพลังของ Temerario เป็นเครื่องยนต์รหัส L411 เบนซิน V8 (Hot V 90 องศา) ความจุ 4.0 ลิตร 3,995.2 ซีซี กระบอกสูบ x ช่วงชัก : 90 x 78.5 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 9.3 : 1 พ่วงระบบอัดอากาศ Bi-Turbo ให้แรงดันบูสท์สูงสุด 36 psi ผลิตกำลังได้สูงสุด 800 แรงม้า (PS) ที่ 9,000 – 9,750 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 730 นิวตันเมตร ที่ 4,000 – 7,000 รอบ/นาที

ผสานการทำงานเข้ากับระบบ Plug-in Hybrid อันประกอบไปด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่ติดตั้งในตำแหน่ง P1 (ระหว่างเครื่องยนต์ V8 และกระปุกเกียร์) กำลังสูงสุด 150 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 1,075 นิวตันเมตร รวมถึงมอเตอร์ไฟฟ้าอีก e-Axle 2 ตัว ทำหน้าที่ขับเคลื่อนเพลาหน้าเมื่อต้องใช้การขับเคลื่อน 4 ล้อ กำลังสูงสุด 300 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 2,150 นิวตันเมตร

ระบบกักเก็บพลังงานของระบบ Plug-in Hybrid เป็นแบตเตอรี่ Lithium-ion ความจุ 3.8 kWh รองรับการอัดประจุด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ AC สูงสุด 7 kW (ชาร์จจาก 0-10% ใน 30 นาที)

เมื่อเครื่องยนต์ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า จะได้พละกำลังสูงสุด 920 แรงม้า (PS) ที่ 9,000 – 9,750 รอบ/นาที ส่งกำลังลงสู่ล้อเด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD ผ่านเกียร์อัตโนมัติ AMT Dual Clutch 8 จังหวะ (เกียร์ DCT ใหม่ มีน้ำหนักน้อยกว่าเกียร์คลัตช์คู่ 7 สปีดของรุ่น Huracán และเปลี่ยนเกียร์ได้เร็วกว่า ทั้งยังมีความยาวเพียง 560 มม. กว้าง 750 มม. และสูงเพียง 580 มม. ซึ่งทำให้ระบบ DCT แบบใหม่มีขนาดกะทัดรัดมากเป็นพิเศษ)

ระบบ Hybrid มีโหมดการขับขี่ที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยเฉพาะ ได้แก่ Recharge / Hybrid และ Performance เพื่อใช้ร่วมกับโหมดเดิมอย่าง Città (City), Strada, Sport และ Corsa ซึ่งสามารถเลือกปรับได้ด้วยการใช้โรเตอร์ 2 ตัวบนพวงมาลัยที่ออกแบบใหม่ ซึ่งเมื่อรวมทั้งหมดจะสามารถตั้งค่าไดนามิกได้ถึง 13 รูปแบบ เพื่อให้ Temerario แสดงบุคลิกและศักยภาพที่แตกต่างกันไปตามสถานการณ์และสภาพพื้นถนน หรือแม้แต่บนสนามแข่งขัน

ตัวเลขสมรรถนะเคลมจากโรงงาน

  • อัตราเร่ง 0-100 km/h ภายใน 2.7 วินาที (Huracan Tecnica 3.2 วินาที)
  • ความเร็วสูงสุด Top Speed ทำได้ 343 km/h (Huracan Tecnica 325 km/h)

 

ระบบห้ามล้อ

ด้านการหยุดยั้งความเร็ว มาพร้อมจานเบรกคาร์บอนเซรามิก CCB Plus (Carbon Ceramic Brakes Plus) จานเบรกคู่หน้า มีขนาด 410 x 38 มิลลิเมตร จับคู่กับคาลิเปอร์แบบ Fixed Monoblock 10 พอต ส่วนจากเบรกคู่หลัง มีขนาด 390 x 32 มิลลิเมตร จับคู่กับคาลิเปอร์แบบ Fixed Monoblock 4 พอต มีตัวช่วยสร้างแรงเสียดทานกับพื้นถนนเป็นยาง Bridgestone Potenza Sport (Run-Flat) ด้านหน้า ขนาด 255/35 ZR20 และด้านหลัง ขนาด 325/30 ZR21

ตัวเลขสมรรถนะเคลมจากโรงงาน

  • ระยะเบรกจาก 100-0 km/h ภายใน 32 เมตร
 

 

อากาศพลศาสตร์

ทุกองค์ประกอบของ Temerario ได้รับการออกแบบเพื่อสร้างสมรรถนะตามหลักอากาศพลศาสตร์ อาทิ ดวงไฟหกเหลี่ยมแบบ DRL แบบมีช่องลมเข้าและแผงปรับทางลมซึ่งทำหน้าที่นำกระแสลมจากกันชนไปยังส่วนบนของหม้อน้ำด้านข้าง ครีบกระจังหน้าบนซุ้มล้อ ช่วยถ่ายเทอากาศให้ไหลไปยังด้านนอกของล้อ โดยเคลื่อนออกจากหม้อน้ำด้านข้างและลดการเกิด Air Turbulence พร้อมมอบสองเอฟเฟกต์พร้อมกัน รวมถึงกระจกมองข้างซึ่งช่วยลดแรงต้าน และช่วยนำอากาศไปยังหม้อน้ำด้านข้าง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการระบายความร้อนให้กับส่วนประกอบกลไกต่างๆ 

ส่วนท้องรถก็มีเป็นโครงสร้างที่มีบทบาทสำคัญในแง่ประสิทธิภาพอากาศพลศาสตร์ โดยมีการติดตั้งระบบอัดเรียงอากาศ ช่วยเพิ่มแรงอากาศพลศาสตร์บริเวณส่วนท้ายรถและเสริมการทำงานของดิฟฟิวเซอร์ซึ่งมีพื้นที่ผิวที่มากขึ้นถึง 70% เมื่อเปรียบเทียบกับของรุ่น Huracán EVO และมีมุมที่เพิ่มขึ้น 4 องศา จึงช่วยเพิ่มการสกัดลมแนวตั้งจากด้านล่างได้มากขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีแพ็คเกจเสริม “Alleggerita” (วัสดุน้ำหนักเบา) สามารถลดน้ำหนักรถลงได้ถึง 12.65 กิโลกรัม เมื่อนับรวมส่วนประกอบต่างๆ ของตัวรถเพียงอย่างเดียว และจะลดลงได้มากกว่า 25 กิโลกรัม เมื่อเลือกใช้วัสดุตกแต่งภายในน้ำหนักเบาและขอบล้อคาร์บอน

สำหรับแพ็กเกจ Alleggerita ประกอบด้วยสปลิตเตอร์ที่ทำจากโพลีเมอร์เสริมคาร์บอนไฟเบอร์ CFRP (-0.19 กิโลกรัม) แผงใต้ท้องรถคาร์บอนไฟเบอร์รีไซเคิล (-0.55 กิโลกรัม) สเกิร์ตข้างแบบใหม่ที่ใช้วัสดุ CFRP ช่วยลดน้ำหนักได้อีก 0.6 กิโลกรัม เช่นเดียวกับฝากระโปรงหลัง (-9.2 กิโลกรัม) และแผงสำหรับติดตั้งสปอยเลอร์รับน้ำหนัก (-1.6 กิโลกรัม)

  

 

โครงสร้างและตัวถัง

โครงสร้างแชสซีของ Temerario ถูกออกแบบให้มีความกว้างมากขึ้น เพื่อเพิ่มพื้นที่ภายในห้องโดยสารมากกว่า Huracán โดยผลิตจากอะลูมิเนียมทั้งหมด ใช้วัสดุโลหะผสมที่มีความแข็งแรงสูงชนิดใหม่สำหรับงานหล่อแรงดันสูง เทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยลดความซับซ้อนในเชิงโครงสร้างของสเปซเฟรมและช่วยให้โครงมีน้ำหนักที่เหมาะสม นอกจากนี้  โครงสร้างของ Temerario ยังลดจำนวนรอยเชื่อมลง โดยความยาวแนวเชื่อมรวมลดลงกว่า 80% เมื่อเปรียบเทียบกับ Huracán

     

 

ภายนอกตัวรถ

ภายนอกของ Lamborghini Temerario ได้รับการรังสรรค์ขึ้นภายใต้ภาษาการออกแบบใหม่ (Design Langauge) มีการใช้เส้นสายทรง 6 เหลี่ยม ในหลายจุด เพื่อสร้างความโดดเด่นในระยะไกล ไม่ว่าจะเป็น เส้นไฟส่องสว่างในเวลากลางวัน เส้นสายบนตัวถังหลัก ช่องรับอากาศด้านข้าง เส้นไฟท้าย และปลายท่อไอเสีย Mitja Borkert หัวหน้าทีมออกแบบของ Lamborghini กล่าวว่า ลายเซ็นไฟหกเหลี่ยมอันเป็นเอกลักษณ์นี้ช่วยสร้างการจดจำสำหรับรถ Lamborghini และสามารถระบุได้ชัดเจนในระยะไกล อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดของ Lamborghini นับตั้งแต่ทศวรรษ 1960

ขนาดและมิติตัวถัง

  • ความยาว 4,706 มิลลิเมตร
  • ความกว้าง 1,996 มิลลิเมตร
  • ความกว้าง รวมกระจกมองข้าง 2,246 มิลลิเมตร
  • ความสูง 1,201 มิลลิเมตร
  • ความยาวฐานล้อ Wheelbase 2,658 มิลลิเมตร
  • ความกว้างล้อคู่หน้า Front Track 1,722 มิลลิเมตร
  • ความกว้างล้อคู่หลัง Rear Track 1,670 มิลลิเมตร
  • นำ้หนักรถเปล่า Dry Weight 1,690 กิโลกรัม
  • อัตราส่วนการกระจายน้ำหนัก หน้า / หลัง อยู่ที่ 43.4% / 56.6%
   

 

ภายในห้องโดยสาร

นอกเหนือจากด้านสมรรถนะ Temerario ยังได้รับการออกแบบโครงสร้างตัวถังแบบ Spaceframe ให้มีขนาดใหญ่โตขึ้น ภายในห้องโดยสาร มีพื้นที่เหนือศีรษะเพิ่มขึ้น 34 มิลลิเมตร พื้นที่วางขาเพิ่มขึ้น 46 มิลลิเมตร รองรับคนขับและผู้โดยสารตัวสูง 200 เซนติเมตร ขณะสวมมวกกันน็อคได้สบายๆ

ภายในห้องโดยสารออกแบบโดยแนวคิด “Feel Like a Pilot” มาพร้อมระบบอินเตอร์เฟส Human Machine Interface (HMI) ที่ออกแบบใหม่ในทุกรายละเอียด ประกอบด้วยจอแสดงผล 3 ตำแหน่ง ได้แก่ จอบริเวณแผงหน้าปัด ขนาด 12.3 นิ้ว จอแสดงผลกลาง ขนาด 8.4 นิ้ว และจอเสริม ขนาด 9.1 นิ้ว ซึ่งจอแสดงผลทั้ง 3 ตำแหน่ง ถูกควบคุมโดย “สมองกล” ตัวเดียว ซึ่งใช้ดีไซน์อินเตอร์เฟซแบบเดียวกันทุกจอ ทำให้ผู้ใช้ไม่เกิดการสับสนกับอินเตอร์เฟซบนจอต่างๆ ทั้งในเรื่องสีสันและรูปภาพ ตลอดจนมีปฏิกิริยาที่สอดคล้องกัน

ระบบอินโฟเทนเมนต์รูปแบบใหม่ของ Temerario มาพร้อมฟังก์ชั่นที่ช่วยให้นักขับสามารถปรับแต่งและสร้างสรรค์ประสบการณ์การขับขี่โดยใช้เพียงการลากสองนิ้วไปบนหน้าจอ ผู้ใช้สามารถย้ายเนื้อหาอินโฟเทนเมนต์ไปยังจอต่าง ๆ ทั้งจอบริเวณแผงหน้าปัดหรือจอฝั่งผู้โดยสาร ด้วยการปัดหน้าจอแบบเดียวกัน นอกจากนี้ ยังสามารถบันทึกฟีเจอร์การใช้โปรดได้ เพื่อให้ครั้งต่อไปสามารถเปิดใช้งานได้ด้วยการแตะเพียงครั้งเดียว

งานออกแบบพวงมาลัยใหม่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากปฏิกิริยาระหว่างนักขับกับพวงมาลัยในรถแข่งรุ่น Squadra Corse ซึ่งให้ความรู้สึกราวกับห้องนักบิน อุปกรณ์ควบคุมที่เพิ่มเติมเข้ามาช่วยให้สามารถควบคุมไดนามิกของตัวรถและคำสั่งมัลติมีเดียได้อย่างง่ายดายด้วยการขยับมือเพียงเล็กน้อย นอกจากนี้ ยังมีจอแสดงผลข้อมูลไดนามิกการขับขี่บนฝั่งผู้โดยสาร ให้ความรู้สึกราวกับเป็นนักบินร่วมบนเส้นทางเดียวกัน

      

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่ Click Here