Audi Q8 55 TFSI quattro S-Line

ราคาอย่างเป็นทางการ

  • Q8 55 TFSI quattro S-Line 6,199,000 บาท

โดย Meister Technik ผู้แทนจำหน่ายรายใหม่ รับประกัน Warranty 5 ปี หรือ 150,000 km. พร้อม 24hr Road-side Assistant บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง เป็นเวลา 5 ปี รายละเอียดของ Meister Technik อ่านได้ที่ >> http://www.headlightmag.com/audi-thailand-meister-technik-official-launch/

Engine เครื่องยนต์

55 TFSI quattro

เครื่องยนต์เบนซิน V6 ขนาด 3.0 ลิตร 2,995 ซีซี. พ่วงเทอร์โบ กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 84.5 x 89.0 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 11.2 : 1 กำลังสูงสุด 340 แรงม้า ที่ 5,000 – 6,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ที่ 1,370 – 4,500 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ TipTronic ขับเคลื่อน 4 ล้อ quattro with ultra technology พร้อมติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับ (BAS) 48V (Mild Hybrid : MHEV) และ แบตเตอรี่ Lithium-ion เพื่อช่วยในการออกตัว และ ประหยัดน้ำมันมากขึ้น

Dimension มิติตัวถัง

  • ยาว x กว้าง x สูง : 4,990 x 2,000 x 1,710 มิลลิเมตร
  • ระยะฐานล้อ : 2,987 มิลลิเมตร
  • ที่เก็บสัมภาระด้านท้าย 605 ลิตร
  • ความจุถังน้ำมัน 85 ลิตร

คู่แข่งของ Audi Q8 (ในไทย)

  • Mercedes-Benz GLE 350d 4MATIC Coupe’ AMG Dynamic  7,190,000 บาท
  • BMW X6 xDrive30d M Sport  6,899,000 บาท

ในส่วนของงานวิศวกรรม All NEW Audi Q8 ใช้ platform แบบ MLB ร่วมกับ Audi Q7, Lamborghini Urus และ Bentley Bentayga รถแบรนด์ในเครือ Volkswagen Group ถ้าให้เข้าใจง่ายๆ Q8 ก็คือ Q7 เวอร์ชั่นท้ายลาด

รายละเอียด Option ของ Audi Q8 55 TFSI quattro S-Line

Exterior ภายนอก

  • ล้ออัลลอย ขนาด 21 นิ้ว 10J x 21 พร้อมยาง 285/45 R21
  • ไฟหน้าแบบ HD Matrix
  • เอฟเฟกต์ไฟด้านหน้า – ด้านหลัง Light Staging
  • ไฟ Daytime Running Lights แบบ LED
  • ระบบเปิด-ปิด ไฟหน้าแบบอัตโนมัติ
  • กระจกมองหลัง แบบปรับลดแสงแบบอัตโนมัติ
  • กระจกมองข้าง แบบปรับลดแสงแบบอัตโนมัติ
  • กระจกมองข้าง พร้อมระบบบันทึกความจำตำแหน่ง Memory
  • หลังคากระจก Panoramic Sunroof เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า
  • ชุดแต่งภายนอกแบบ S-Line
  • ชุดแต่งภายในห้องโดยสารแบบ S-Line
  • ระบบเลือกโหมดการขับขี่ Audi Drive Select
  • ช่วงล่างระบบถุงลมแบบ Sport
  • พวงมาลัยไฟฟ้า EPAS
  • ระบบตัดการทำงานเครื่องยนต์อัตโนมัติ Start/Stop System

Interior ภายในห้องโดยสาร

  • เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง Valcona
  • เบาะนั่งคู่หน้าแบบ S Sports ตกแต่งแบบ Diamond Cut พร้อมสัญลักษณ์ S-Line
  • เบาะนั่งคู่หน้า ปรับด้วยระบบไฟฟ้า
  • เบาะนั่งคู่หน้า พร้อมฟังก์ชั่นบันทึกความจำตำแหน่ง Memory Seat
  • เบาะนั่งด้านหลังพับได้
  • ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ ควบคุมอุณหภูมิแยกอิสระ 4 Zone
  • พวงมาลัย Multifunction แบบสปอร์ตท้ายตัด
  • พวงมาลัย ตกแต่งด้วยหนัง Perforated พร้อมสัญลักษณ์ S-Line
  • แป้นเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย Paddle Shift
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control
  • ม่านบังแดดประตูหลังซ้าย – ขวา ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า
  • ม่านบังแดดกระจกบังลมหลัง
  • ระบบกุญแจ Comfort Key
  • ฝาท้าย เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า
  • ฝาท้าย เปิด-ปิด โดยไม่ต้องใช้มือ Hand-free Tailgate
  • แผ่นปิดที่เก็บสัมภาระด้านท้ายแบบไฟฟ้า

Entertainment ระบบความบันเทิง

  • ชุดมาตรวัดแบบดิจิตอล Virtual Cockpit ขนาด 12.3 นิ้ว
  • หน้าจอกลางระบบสัมผัส Touchscreen ขนาด 10.1 นิ้ว
  • เครื่องเสียง MMI Navigation Plus with MMI touch response
  • หน้าจอควบคุมกลางแบบสัมผัส Haptic Feedback ขนาด 8.6 นิ้ว
  • ระบบเสียงพรีเมียม Bang & Olufsen พร้อมระบบเสียง 3 มิติ
  • ระบบเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth
  • รองรับการเล่น CD MP3 และ SD Card
  • ช่องเชื่อมต่อ USB
  • ไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสาร Ambient Lighting

Safety ระบบความปลอดภัย

  • ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค ABS
  • ระบบกระจายแรงเบรก EBD
  • ระบบเสริมแรงเบรก BA
  • ระบบควบคุมการทรงตัว ESC
  • ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TCS
  • ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB
  • ระบบล็อคเบรกขณะหยุดนิ่ง Audi Hold Assist
  • ระบบป้องกัน Pre Sense แบบพื้นฐาน
  • ถุงลมนิรภัยคู่หน้า 2 ตำแหน่ง
  • ถุงลมนิรภัยด้านข้างผู้โดยสารตอนหน้า 2 ตำแหน่ง
  • ถุงลมนิรภัยด้านข้างผู้โดยสารตอนหลัง 2 ตำแหน่ง
  • ม่านถุงลมนิรภัย 2 ตำแหน่ง
  • เซนเซอร์กะระยะช่วยจอด ด้านหน้า – ด้านหลัง
  • กล้องมองภาพขณะถอยจอด
  • ฟังก์ชั่นที่ฉีดน้ำกระจกบังลมหน้า บริเวณใบปัดน้ำฝน
  • จุดยึดเบาะนั่ง ISOFIX
  • ชุดปฐมพยาบาล
 

สีตัวถังภายนอก มีให้เลือก 6 สี

  • สีขาว Glacier White Metallic
  • สีเงิน Floret Silver Metallic
  • สีดำ Orca Black Metallic
  • สีเทา Daytona Grey Pearl Effect
  • สีน้ำเงิน Galaxy Blue Metallic
  • สีส้ม Dragon Orange Metallic

สีภายในห้องโดยสาร มีให้เลือก 2 สี

  • สีดำ Black
  • สีเทา Grey

ผลทดสอบ อัตราเร่ง Audi Q8 55 TFSI quattro S-Line (อย่างไม่เป็นทางการ)

Acceleration

  • อัตราเร่ง 0-100 km/h : 7.32 วินาที
  • อัตราเร่ง 80-120 km/h : 4.55 วินาที

Speed @ RPM

  • 80 km/h @ 1,250 rpm (8th gear)
  • 90 km/h @ 1,350 rpm (8th gear)
  • 100 km/h @ 1,550 rpm (8th gear)
  • 110 km/h @ 1,700 rpm (8th gear)

Top Speed

  • ความเร็วสูงสุด 265 km/h @ 6,100 rpm (6th gear)

Audi Q8 55 TFSI quattro S-Line  6,199,000 บาท

Short Review by Pan Paitoonpong

ถ้า SUV ทั่วไป มีรูปร่างที่ทำให้คุณดูเหมือนคนรักครอบครัวมากเกินไป และ รถระดับหรูอย่าง S-Class หรือ 7-Series ดูคล้ายยานพาหนะโรงแรมระดับสูงสุดของประเทศ จนคุณแอบเขินนิดๆ เพราะต้องการสิ่งที่แตกต่าง ทางเลือกที่น่าสนใจอย่างหนึ่ง ก็คือเจ้า Audi Q8 55TFSI quattro คันนี้

ขั้นแรก คุณอาจต้องเป็นคนที่แน่วแน่ในทางของตัวเองพอสมควร ทำไมน่ะหรือ ? ก็เพราะคุณจะต้องเอาเงิน 6,799,000 บาท มาจ่ายให้กับ Audi ในเมื่อคุณสามารถเป็นเจ้าของ Porsche Cayenne e-Hybrid ได้ในราคาเริ่มต้น 6,680,000 บาท  และ พลังแรงม้า 340 ตัว ของ Audi Q8 ก็ดูเด็กมัธยมต้นมาก เมื่อเทียบกับ 462 แรงม้า จากพลังขับเคลื่อนของ Cayenne e-Hybrid ซึ่งนอกจากในกระดาษแล้ว เมื่อลองนำมาวิ่งจริง ก็ต่างกันพอสมควร Cayenne ให้สมรรถนะในระดับที่รถสปอร์ตยังรู้สึกหวั่น ในขณะที่อัตราเร่ง 0-100 km/h หรือ 0-200 km/h ของ Q8 นั้น สูสีกับรถที่เล็กกว่า และ ม้าน้อยกว่าอย่าง A4 Avant

แน่นอนครับ ถ้าคุณเป็นคนไม่ชอบ หรือ ไม่ปรารถนา Hybrid / Plug-in Hybrid ก็คงไม่ต้องพูดถึง Porsche ให้มากความ แต่ถ้าคุณกำลังจะเทใจไป Porsche ก็อย่าลืมมาลองดูรถคันจริงของ Audi Q8 ก่อน เพราะ นอกจากรูปร่างภายนอกจะออกแบบมาได้แปลกตา มีไฟหน้าที่แยกเอาไฟสูงมาอยู่ด้านล่าง ซึ่งเป็นความฉลาดของดีไซน์เนอร์ที่พยายามออกแบบให้หน้ารถดูเพรียว และ ยังมีไฟท้ายที่ดูแล้วรู้ว่าเป็น Audi แต่กลับดูสวยกว่าหลายรุ่นในเครือเดียวกัน ที่สำคัญประการต่อมา หากคุณไม่ยึดติดกับระดับชั้นของแบรนด์เกินไป จะพบว่าภายในของ Audi ทำออกมาได้สวยงามตระการตากว่า Cayenne มากเลยทีเดียว

คุณมีจอ Touchsceen ใหญ่ถึง 2 จอ แบบ Haptic Feedback มีการตอบสนองเมื่อสัมผัส สามารถเขียนวาดบนจอ แทนการกดแป้นพิมพ์แบบ Qwerty แบบดั้งเดิมได้ แถมระบบก็ฉลาดมากด้วย นอกจากนี้ชุดมาตรวัด Virtual Cockpit เป็นแบบ Full-TFT แสดงผลได้คมชัด และ หลากหลาย เวลากลางคืนมีแสงไฟตกแต่งสร้างบรรยากาศในห้องโดยสาร Ambient Light ปรับแยกท่อนบน Line กับ Surface ท่อนล่างได้อย่างละ 30 สี มีหลังคากระจก Panoramic ขนาดใหญ่ เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า

เบาะนั่งปรับด้วยไฟฟ้า พร้อม Memory 2 ตำแหน่ง และ ระบบ Welcome Seat ทั้งคนขับ และ คนนั่ง แม้ว่าการปรับปีกเบาะ และ ส่วนรองน่อง อาจจะยุ่งยากไปเสียหน่อยเพราะต้องมาทำที่จอกลาง ในขณะที่ Cayenne ยังพยายามทำห้องโดยสารให้มีปุ่มกดแบบปกติ แต่ Audi เลือกที่จะใช้ประโยชน์สูงสุดจากการควบคุมผ่านหน้าจอแทน แทบไม่มีปุ่มแบบดั้งเดิมเหลือให้ใช้ บางทีเวลาขึ้นขับจะรู้สึกเหมือนกำลังเป็นนักบิน สิ่งนี้เป็นได้ทั้งของชอบ หรือ ของที่ทำให้บางคนไม่ชอบ แต่ในภาพรวม ผมมองว่า Q8 มีภายในห้องโดยสารที่สมราคามากกว่า Cayenne แบบเห็นได้ชัด และ รู้สึกได้

การขับขี่นั้น Audi Q8 มีช่วงล่างแบบถุงลม ปรับความสูง และ ความแข็งได้ โครงสร้างหลักตัวถังก็ใช้ร่วมกับ Cayenne ดังนั้นจึงมีความคมในการหักเลี้ยว และเกาะถนนคล้ายกัน เพียงแต่ในโหมด Comfort นั้น Audi จะมีความนุ่มนวลให้สัมผัสมากกว่า (เรากำลังเทียบ Q8 ล้อ 21 นิ้วกับ Cayenne ล้อ 19 นิ้ว นะครับ) มีความตึงตังบนถนนขรุขระน้อยกว่า แถมเวลาวิ่งทางไกลแล้วโดดสะพาน คนนั่งหลังก็ไม่เวียนหัวแบบช่วงล่างถุงลมใน Q7

ส่วนโหมด Auto จะเป็นการปรับตามลักษณะการขับขี่ เหมาะสำหรับเวลาขับช้าบ้าเร็วบ้าง แต่แม้ตอนทำความเร็วสูงสุด ช่วงล่างก็ยังอยู่ใน Level ความสูงระดับ 2 ต้องกดโหมด Dynamic ถึงจะเตี้ยลงมาอยู่ระดับ 1 ซึ่งจะทำให้ Q8 วิ่งได้เร็ว และ มั่นใจ แต่ยังติดนุ่มอยู่นิดๆ ไม่เหมือนโหมด Sport+ ของ Cayenne ที่จะแข็งขึ้นหนึบขึ้นชัดมาก

เทียบกับคู่แข่งต่างสายเลือด อย่าง Mercedes-Benz GLE Coupe’ และ BMW X6 พบว่าทั้งคู่นั้นกำลังอยู่ในช่วงต้องรอ Modelchange หลายอย่างตกยุคไปแล้ว รวมถึงราคาของ 2 คันที่ว่านี้ ก็ยังแพงกว่า Q8 ทำให้ถ้าไม่ได้มอง Porsche Cayenne ไว้ การต้องเลือกซื้อ Q8 ในตอนนี้ ก็ดูจะเหมาะกว่า X6 และ GLE Coupe’ ไปโดยปริยาย

แต่ก็มีสิ่งที่ผมรู้สึกว่า Audi Q8 น่าจะทำได้ดีกว่านี้ คือ ระบบช่วยเหลือต่างๆ เช่น Adaptive Cruise Control ยังไม่มีมาให้ และ กล้องรอบคันที่อยู่ใน A8 / A7 Sportback 3.0 ก็น่าจะเอามาไว้กับ Q8 ให้สมฐานะ Flagship SUV ของค่ายบ้าง

อีกประเด็น คือ การเก็บเสียงจากลม ที่พอเกิน 140 – 160 km/h ไปก็เริ่มดังแล้ว แม้จะเป็นเสียงไม่น่ารำคาญมากนัก แต่ในรถระดับราคานี้ก็ควรทำได้ดีกว่านี้ อีกหน่อย หรือ อย่างน้อยต้องใกล้เคียง Q7 อีกหน่อย แม้จะเป็นประตูแบบไร้กรอบ Frameless Door ก็ตาม ส่วนอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงนั้น คุณไม่ควรคาดหวังมากจากรถน้ำหนักเกิน 2,000 กิโลกรัม ที่เป็น V6 สูบ เบนซิน และ มีพละกำลัง 340 แรงม้า และ หากถ้าคุณเรียกใช้ม้าจากเครื่องยนต์อย่างเมามันส์ ตัวเลขอาจจะลงไปแตะ 6 – 8 km/l แบบง่ายๆ ซึ่งนั่นก็พอๆกับ Cayenne e-Hybrid ตอนที่แบตเตอรี่หมดนั่นล่ะครับ

ระบบ Hybrid ของ Audi Q8 เป็นแบบ Mild-hybrid ที่มีแบตเตอรี่ขนาดเล็กเอามากๆ แน่นอนว่าไม่เข้าเกณฑ์เสียภาษีรถยนต์ Hybrid ในบ้านเราอย่างแน่นอน และ อย่านึกถึง Camry Hybrid ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าวิ่งแทน เพราะ มอเตอร์ไฟฟ้าของ Mild Hybrid มีหน้าที่แค่ช่วยออกตัวในบางจังหวะ และ ลดภาระของเครื่องยนต์บางครั้งเท่านั้นเอง

ในภาพรวม Audi Q8 เป็นรถที่โดดเด่นด้วยรูปทรง ที่ไม่ดู SUV จ๋าเกินไป แต่ก็ไม่ได้คับแคบจนนั่งไม่สบาย สมรรถนะด้านอัตราเร่ง อาจสู้พวก Hybrid พลังสูงอย่าง Cayenne e-Hybrid ไม่ได้ แต่ช่วงล่างที่นุ่มนวลกว่า นุ่มหนึบแบบเยอรมันสมัยก่อน แถมปรับได้ตามใจ มีภายในห้องโดยสารที่ดูล้ำยุคเหมือนมาจากทศวรรษหน้า และ อุปกรณ์ครบครัน ขาดก็แต่ระบบช่วยเหลือการขับขี่

Audi Q8 เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับคนที่ยอมจ่ายแพง เพื่อรถที่หาดูยาก โดยไม่สนแบรนด์ที่คนทั่วไปมองว่าแพงกว่าอย่าง Porsche ได้ความพรีเมียม – ความรู้สึกดีๆจากการมองไปรอบๆ และ นั่งภายในห้องโดยสาร เป็นรถที่ขับทางไกลสบายๆ นุ่มนวลชวนฝัน แต่ก็ยังซัดโค้งได้หายห่วง


แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่ >> community.headlightmag.com/70001.0


Ambient Light