Polestar ประกาศผลประกอบการไตรมาสสุดท้ายของปี 2022 ด้วยตัวเลขที่ลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสเดียวกันของปี 2021 ด้วยยอด 204.7 ล้านเหรียญสหรัฐ จาก 337.3 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นผลกำไร 61.9 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งคิดเป็นส่วนต่างที่ 0.2 ล้านเหรียญสหรัฐ

ถึงแม้ว่าการผลิตจะมีข้อจำกัดต่างๆ มากมายในระยะเวลานี้ แต่ทาง Polestar ยังมีจุดยืนชัดเจน ด้วยการเน้นไปที่คุณภาพเป็นหลัก จากการรับมอบหมายปณิธานของแบรนด์แม่อย่าง Volvo ที่จะไม่เข้ามาเล่นกับกลยุทธ์การลดราคาอย่างไร้จุดหมาย เพียงเพราะคู่แข่งได้เดินเกมเช่นนั้น

 

ท่ามกลางสงครามการลดราคาจำหน่ายของรถ EV คู่แข่งอย่าง Tesla ก่อนจะตามมาด้วยแบรนด์อื่นๆ อย่างไม่ขาดสาย Thomas Ingenlath หรือ CEO ของ Polestar ได้ยืนยันถึงจุดยืนของการเป็นผู้ผลิตรถยนต์ขุมพลังไฟฟ้าเกรดพรีเมียม และการตั้งเป้ายอดขายที่เทียบไม่ได้กับ Tesla ซึ่งต้องการการเติบโตอย่างก้าวกระโดดด้วยยอดขายกว่า 20 ล้านคันต่อปี

อย่างไรก็ตามสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นกับตลาดรถ EV ในสหรัฐอเมริกา ด้วยความต้องการของลูกค้าที่ลดน้อยลง ทำให้แบรนด์รถ EV ในรูปแบบ Startup ได้รับผลกระทบโดยตรงอย่าง Rivian และ Lucid ที่ต้องประกาศการปรับลดเป้าหมายยอดขายในปี 2023 นี้ลง

 

ในส่วนของยอดการผลิตที่ทาง Polestar ตั้งเป้าหมายไว้ตลอดปี 2023 ซึ่งได้ประกาศเอาไว้เมื่อเปิดศักราชเดือนมกราคม ยังคงยืนยันจำนวนที่ 80,000 คัน ซึ่งมากกว่าจำนวน 51,000 คัน ของปี 2022 เนื่องด้วยปัจจัยแวดล้อมที่เป็นข้อจำกัดต่างๆ ทางการผลิตที่มีการปรับตัวไปในทางที่ดียิ่งขึ้น ย่อมส่งผลให้หลายค่ายรถยนต์ตั้งเป้าหมายที่สูงกว่าปี 2022 ที่ผ่านมา

ที่มา: Autoblog