กิจการของผู้ผลิตรถยนต์ อันดับ 4 ในเกาหลีใต้อย่าง Ssangyong กำลังเนื้อหอมกว่าที่คาด เพราะหลังจากที่ศาลมีคำสั่ง
ให้เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ และนำหุ้นออกขาย ปรากฎว่า มีบริษัทข้ามชาติ ถึง 7 ราย เสนอตัวแสดงความสนใจ
ขอเข้าร่วมการประมูลซื้อหุ้นของ Ssangyong แม้จะไม่เป็นที่เปิดเผย เนื่องด้วยข้อจำกัดด้านกฎหมาย แต่ แหล่งข่าว
ในอุตสาหกรรมยานยนต์ ต่างระบุตรงกันว่า Renault-Nissan และ กลุ่ม Mahindra & Mahindra (มหินทรา) ก็เป็น
2 ใน 7 บริษัท ที่เข้าร่วมชิงกิจการในครั้งนี้ ด้วยตัวเลขที่คาดว่าน่าจะจบลงภายใน 500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา Ssangyong ผู้ผลิตรถยนต์อันดับ 4 ของเกาหลีใต้ ซึ่งมุ่งเน้นการทำตลาดรถยนต์ SUV
เป็นหลัก และมี SAIC Motor จากจีน ถือหุ้นอยู่ 10 เปอร์เซนต์ ประสบปัญหามากมาย โดยเฉพาะ
การขาดทุนอย่างต่อเนื่อง ยอดขายลดลง ส่วนแบ่งการตลาดรถยนต์ในเกาหลีใต้เพียงแค่ 2 เปอร์เซนต์
เท่านั้น ส่งผลให้มีเหตุนัดหยุดงานประท้วงของคนงาน และเกิดเป็นจลาจลเป็นข่าวดังไปทั่วโลก
เพียงแค่ช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ พวกเขาขาดทุนไปแล้วมากถึง 25.8 พันล้านวอน

ในภาพรวม ถือว่า สถานการณ์ยากเกินจะเยียวยา หากเทียบกับเป้าหมายยอดขายที่พวกเขาตั้งไว้ว่า
จะขายรถยนต์ในปีนี้ทั่วโลก ให้ได้ 85,000 คัน และจะต้องหาทางเพิ่มยอดขายขึ้นไปให้ได้ถึงระดับ
183,000 คัน หลังจากที่ รถยนต์ Crossover SUV รุ่นใหม่รุ่นแรกในรอบ 2 ปีของ Ssangyong อย่าง
C200 จะเริ่มออกสู่ตลาดในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า  โดยคาดหวังยอดขายจากใน เวียตนาม และรัสเซีย
เป็นประเทศสำคัญ

Mahindra เอง ถือเป็นผู้ผลิตรถยนต์ ซึ่งชาวอินเดียคุ้นเคยกันดี มาตั้งแต่ 1949 แต่สำหรับในเวทีระดับโลก
พวกเขาเป็นผู้เล่นหน้าใหม่ ที่มีทุนค่อนข้างมหาศาล Mahindra อยากจะก้าวออกไปทำตลาดในระดับสากล
หลังจากที่พวกเขา พ่ายให้กับ Tata Motors ผู้ผลิตร่วมชาต ที่เอาชนะ การซื้อกิจการของ Jaguar และ
Land Rover ไปเมื่อปี 2008 ที่ผ่านมา พวกเขาจึงมองหาพันธมิตรต่างชาติรายใหม่ ที่น่าจะช่วย
ให้พวกเขา เรียนรู้ เทคโนโลยี ในการพัฒนารถยนต์ ได้เร็วแบบก้าวกระโดดยิ่งขึ้นกว่าเดิม

Mahindra เอง เพิ่งลงนามในข้อตกลงการเข้าถือหุ้นใหญ่ เพื่อเป็นเจ้าของ กิจการบริษัทขนาดเล็ก
ผลิตรถยนต์พลังไฟฟ้าที่ชื่อ Reva ไปหมาดๆ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานี้เอง

Kevin Lee นักวิเคราะห์จาก บริษัท Shinhan Investment Corporation ให้ความเห็นว่า “Mahindra มีเหตุผลที่ดี
ในการเข้าซื้อกิจการของ Ssangyong เพราะในฐานะ บริษัทรถยนต์หน้าใหม่ พวกเขาจะได้เรียนรู้ ทักษะ
ในการพัฒนา การผลิต และการทำตลาดรถยนต์ จาก Ssangyong รวมทั้งยังจะได้เข้าถึงเทคโนโลยีสำคัญๆ
อันเป็นัจจัยหลักในการสร้างรถยนต์อีกด้วย”

แต่บรรดาสื่อมวลชนในเกาหลีใต้ ต่างมองว่า Renault-Nissan น่าจะเป็นผู้ซื้อที่ทุกฝ่ายตั้งความหวังเอาไว้มากที่สุด
เพราะด้วยความร่วมมือที่ดีของ Renault-Samsung และ Ssangyong จะช่วยลดช่องว่างระยะห่างจากผู้นำตลาด
ทั้ง Hyundai และ Kia ซึ่งตอนนี้ ครองส่วนแบ่งรวมกันมากถึง 80 เปอร์เซนต์ ของตลาดรถยนต์ในเกาหลีใต้ทั้งหมด

ไม่เพียงแค่นั้น สื่อมวชนในเกาหลีใต้เอง ก็ยังประเมินเอาไว้อีกว่า มูลค่าของการประมูลเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้
น่าจะตกลงกันได้ที่ระดับ 300 -500 ล้านเหรียญสหรัะฐฯ เพื่อให้ได้สิทธิ์เข้าถือครองหุ้นขั้นต่ำ 50 เปอร์เซนต์
ซึ่งจะได้มีอำนาจออกเสียงในบอร์ดคณะกรรมการบริหาร

นอกเหนือจาก เรโนลต์ และมหินทรา แล้ว กลุ่มบริษัท Ruia Group ซึ่งมีฐานอยู่ทีเมืองกัลกัตตา
ก็เป็นอีกหนึ่งราย ที่สนใจเข้าร่วมในการเป็นเจ้าของ ซางยอง ครั้งนี้ด้วย โฆษกของกลุ่ม Ruia
กล่าวกับผู้สื่อข่าวของ Reuter ว่า Wที่ผ่านมา เราเคยเปลี่ยนสภาพขององค์กรธุรกิจที่กำลังป่วยไข้มาแล้ว
ด้วยประสบการณ์และศักยภาพของเรา ดังนั้น เราจึงไม่รีรอที่จะเข้าร่วมประมูล ทันที ที่เห็นโอกาสนี้เปิดให้เรา”

แม้ว่าทั้ง Renault-Nissan Ssangyong และ Mahindra จะออกมาบอกกับผู้สื่อข่าวต่างชาติตรงกันว่า
ยังไม่สามารถให้รายละเอียดอะไรได้เลยในตอนนี้ แต่จากกระบวนการที่ถูกวางผนเอาไว้
หลังจากที่ ศาลในกรุงโซล ปิดรับ จดหมายแสดงเจตจำนงค์ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาแล้ว พวกเขาจะ
มีเวลาดำเนินการอีกเพียงแค่เดือนเดียว ให้ทันกับการ ยื่นซองประมูลแย่งชิงสิทธิ์ในการเข้าซื้อกิจการ
ของ Ssangyong ในเดือนกรกฎาคมนี้ และหลังจากนั้น ทางการเกาหลีใต้ จะประกาศรายชื่อของ
บริษัทที่ได้รับเลือกในเดือสิงหาคมที่จะถึงนี้

รอกันอีก 2 เดือนเศษๆ ก็จะรู้กันแล้ว ว่า ใครจะได้เป็นเจ้าของ กิจการ Ssangyong รายต่อไป

————————————————————///————————————————————–