คุณผู้อ่านที่รัก

SHORT Review เป็น บทความรีวิว รูปแบบใหม่ ที่เกิดขึ้น ด้วยจุดประสงค์ ที่จะเก็บตกรถยนต์บางรุ่น ที่เราเคยทำบทความ Full Review หรือทำ Headlightmag Clip กันไปแล้ว แต่มีรุ่นพิเศษ รุ่นปรับโฉม Minorchange ที่มีการปรับปรุงอุปกรณ์ข้าวของไม่เยอะนัก (อาจจะไม่ได้เปลี่ยนเครื่องยนต์ เกียร์ หรือช่วงล่าง แต่เปลี่ยนขนาดล้อ) แต่ยังอยู่ในความสนใจของคุณผู้อ่านทั่วไป มากพอให้เราคิดได้ว่า ควรจะนำมาทำบทความหรือ Video Clip ให้ได้รับชมกัน

ขณะเดียวกัน วันเวลาที่ผ่านไป รูปแบบของเนื้อหาใน Headlightmag ของเรา จำเป็นต้องพัฒนาและปรับปรุงขึ้นไปเรื่อยๆ เพื่อที่จะรองรับกับรสนิยมของคุณผู้อ่านรุ่นใหม่ๆ ที่เติบโตขึ้นมา มากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น Short Review จะเป็นเสมือน โรงเรียนฝึกสอน สนามซ้อม สำหรับสมาชิกของ Headlightmag Team Generation ใหม่ๆ ในการเริ่มฝึกทำบทความรีวิว เพื่อให้พวกเขาได้เรียนรู้ ต่อยอด และสั่งสมประสบการณ์ หรือแม้กระทั่ง ถ่ายทอดประสบการณ์ มุมมองที่ตนเองคิดเห็น ต่อรถยนต์รุ่นนั้นๆ ให้คุณผู้อ่านได้รับทราบกัน ซึ่งมันอาจจะตรง หรือไม่ตรงกับความคิดเห็นของผมก็ได้

SHORT Review แรก เราจะประเดิมเริ่มต้นจาก Suzuki Swift Limitless Edition ซึ่งคราวนี้ จะเป็นฝีมือของ KANVITZ หนึ่งในทีมงานรุ่นใหม่ New Generation ที่กำลังเติบโตและฝึกฝนการทำงานกับเราอยู่ในขณะนี้ 

เจ้าตัวมีเรื่องราวอะไรอยากเล่าให้คุณได้อ่านกันบ้างนั้น เชิญเลื่อนลากนิ้วลงไปอ่านกันได้นับจากนี้เลยครับ

J!MMY

——————————-

เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว หากพูดถึงรถยนต์ระดับ B-segement แน่นอนว่าสิ่งที่เขามาให้หัวเป็นอันดับแรกคือรถเก๋งขนาดเล็ก เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร แต่หลังจากที่สำนักงานคณะกรรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ได้ออกนโยบายส่งเสริมการผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม(ECO Car) ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เริ่มต้นจาก Nissan ที่ได้เปิดตัว March k13 ซึ่งมาพร้อมกับเครื่องยนต์ HR12DE ขนาด 1.2 ลิตร ตามมาด้วยผู้ผลิตรายอื่น ๆ จนท้ายที่สุด รถ Eco Car ก็เป็นที่รู้จักของคนไทยอย่างแพร่หลาย

ใน Phase แรก ของโครงการ ECO Car รถยนต์ในโครงการล้วนใช้เครื่องยนต์ ขนาด 1.2 ลิตร แบบ N/A จนกระทั่ง BOI ได้ปรับเปลี่ยนข้อกำหนดสำหรับโครงการ Eco Car phrase 2 โดยมีความยืดหยุ่นในเรื่องความจุเครื่องยนต์มากขึ้น และมีข้อกำหนดเกี่ยวกับอัตราการปล่อมลพิษที่เข้มงวดมากขึ้น ส่งผลให้เครื่องยนต์ของรถในโครงการมีความหลากหลายมากขึ้น เริ่มต้นจาก Mazda ที่นำเครื่องยนต์เบนซิน 1.3 และ ดีเซล 1.5 มาวางให้กับ Mazda 2 ตามมาด้วย Nissan และ Honda ที่ล่าสุดนำเครื่องยนต์เบนซิน 1.0 Turbo มาวางให้กับ Almera และ City ซึ่งจะเรียกว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการนำเทรน Downsizing สู่รถระดับนี้ก็ไม่น่าจะผิดนัก อันที่จริงการวางเครื่อง 1.0 Turbo ในรถยนต์ระดับ B-segment เคยขึ้นก่อนหน้านี้แล้วใน Ford Fiesta Ecoboost แต่ Fiesta ก็ไม่ได้ประสบควาสมสำเร็จมากนัก เพราะชื่อเสียงที่ไม่ค่อยดีจากปัญหาของรุ่น 1.6 Powershift อีกทั้งไม่ได้เข้าร่วมโครงการ ECO Car อันทำให้ไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี และมีราคาขายที่ค่อนข้างแพง

ในฐานะที่ผมเพิ่งจบออกมาจากรั้วมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นสถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยรถ B-Segment หลากหลายรุ่น ผมจึงมีความคุ้นเคยกับรถยนต์ในกลุ่มนี้เป็นอย่างดี จากที่ได้ขับรถยนต์ของคนรอบตัว อันที่จริงผมก็เคยใช้รถยนต์ในกลุ่ม B-segment มาตลอดระยะเวลาที่เรียนมหาวิทยาลัยเช่นกัน และหากได้อ่านนามปากกาของผมก็ไม่น่าจะเดายากว่าเป็นรถรุ่นไหน เช่นนี้ผมจึงได้รับโอกาศจาก พี่ ๆ ในทีม Headlightmag ให้เข้าร่วมทริปทดสอบรถยนต์ Suzuki Swift Limitless Edition ในเส้นทาง กรุงเทพ-หัวหิน เพื่อหาคำตอบว่า ในพ.ศ.นี้ รถยนต์ B-Segment ที่มีอายุตลาดมามากถึง 5 ปีนั้น ยังสามารถงัดข้อกับรถยนต์รุ่นใหม่ที่มาพร้อมกับระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบได้หรือไม่ และชี้ให้เห็นว่า Suzuki Swift GL Limitless Edition มีรายละเอียดความแตกต่างจาก Swift GL รุ่นปกติอย่างไรบ้าง

เมื่อผมทราบว่า Suzuki Motor Thailand จะนำ Swift รุ่นย่อย GL มาสวมชุดแต่งเพื่อกระตุ้นยอดขาย ก็อดอุทานว่า “ห๊าา อีกแล้วหรอ” ออกมาไม่ได้ เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ซูซูกิจับ Swift รุ่นย่อย GL มาสวมชุดแต่ง หากยังจำกันได้ในปี 2020 Suzuki ก็เคยทำ Swift รุ่นแต่งพิเศษ ติดสเกิร์ตรอบคัน พร้อมทั้งสติ๊กเกอร์คาดตามจุดต่าง ๆ ของตัวถัง ในชื่อ Swift GL MAX มาแล้ว และหลังจากน้ันอีก 1 ปี ก็มี Swift GL Plus Special Edition ตามมาอีกครั้งหนึ่ง และใช่ครับ… Swift Limitless Edition มันก็มาในแนวเดียวกันกับครั้งก่อน ๆ เป๊ะ โดยทางผู้บริหารของ Suzuki ได้กล่าวไว้ว่าเป็นการเจาะตลาดลูกค้าที่ต้องการแต่งรถ แต่ไม่ต้องการเสียเวลาไปเลือกสรรชุดแต่งจากร้านนอกด้วยตนเอง อยากได้สิ่งที่มาจากบริษัทผู้ผลิตเลยทีเดียว จบๆ ส่วนค่าตัวของ Swift GL Plus Limitless Edition อยู่ที่ 572,000 บาท แพงกว่ารุ่น GL เพียงแค่ 10,000 บาทเท่านั้น 

รายละเอียดของชุดแต่งที่เพิ่มเข้ามาใน Suzuki Swift Limitless Edition มี 6 ประการดังนี้

  1. ชุดสเกิร์ต ใต้กันชนหน้าสีดำด้าน ดีไซน์ใหม่ ที่ตรงกลางมีการคลิบวัสดุสีเงิน
  2. ชุดสเกิร์ต ด้านข้าง สีดำด้าน กินพื้นที่ตั้งแต่ชายล่างใต้ประตู ไปจนถึงซุ้มล้อทั้งสี่
  3. ชุดสเกิร์ต ด้านหลัง สีดำด้าน
  4. สปอยเลอร์หลังสีดำด้าน
  5. สาอากาศครีบฉลาม Shark Fin สีดำด้าน
  6. สติ๊กเกอร์ตกแต่งรอบคันสีแดง ผสมกับสีเทาอ่อน คาดไว้บริเวณฝากระโปรงหน้า และที่ด้านข้างของตัวรถ

ในความคิดเห็นของผมชุดแต่งรอบคันทำให้รถดูมีความเป็นรถ Crossover มากขึ้น เห็นได้จากกาบซุ้มล้อสีดำด้านข้างอันทำให้รถดูเสมือนกับว่ามี Ground Clearance เพิ่มขึ้น ประกอบกับสเกิร์ตหลังสีดำที่ดูแล้วยิ่งเสริมให้รถดูเหมือนกับรถ Crossover มากยิ่งขึ้นไปอีก จากการที่ตัวสเกิร์ตกินพื้นที่สูงเกือบครึ่งหนึ่งของกันชนหลัง นอกจากนั้นยังมีการวางรูทรงสีเหลี่ยม สีโครเมียมไว้ที่มุมด้านซ้าย และด้านขวา เพื่อให้ดูเหมือนกับว่ารถมีท่อไอเสียถึงสองท่อ ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วรถมีเพียงแค่ท่อไอเสียเดียวเท่านั้น ในจุดนี้ผมคงไม่ใจร้ายไส้ระกำจนถึงขนาดที่จะไปบุลลี่น้อง เพราะจุดประสงค์ของสวิฟต์ ก็ไม่ใช่รถ High Performance ที่จะถูกเอาไปซัดโค้ง หรือกระแทกคันเร่งในสนามแข่งอยู่แล้ว คิดว่าคงไม่มีใครคาดหวังให้รถยนต์เครื่อง 1.2 ลิตร 83 แรงม้า มีท่อคู่ ขอแค่ให้มีความสวยงามกรุบกริบ ผมว่าก็เพียงพอแล้ว

นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งสปอยเลอร์หลัง ที่ทำให้ให้บั้นท้ายของ Swift ดูสวยงามมากยิ่งขึ้น ทำให้ไม่เป็นท้ายกุด ๆ แบบรุ่น GL ธรรมดา พร้อมทั้งเปลี่ยนเสาอากาศเป็นแบบครีบฉลาม Shark Fin สีดำด้าน ต่างจากรุ่นปกติที่จะเป็นเสาอากาศสั้น แม้แต่รุ่นท็อปสุด GLX ก็ไม่ได้เสาอากาศครีบฉลามนี้ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกไม่ค่อยถูจริตกับชุดแต่งนี้เท่าไหร่คือ สติกเกอร์รอบคัน รู้สึกว่าถ้าไม่มีน่าจะสวยกว่านี้

สีตัวถัง 
Exterior Colors

  • สีแดง Ablaze Red Pearl
  • สีเงิน Star Silver Metallic
  • สีเทา Mineral Gray Metallic
  • สีดำ Super Black Pearl
  • สีน้ำเงิน Speedy Blue Metallic
  • สีขาวมุก Pure White Pearl (เพิ่มเงิน 5,000 บาท)

สีของสติ๊กเกอร์จะมีเพียงสีเดียวเท่านั้น คือสีแดงตัดกับเทาเข้ม ฉนั้นแล้วความโดเด่นเมื่อแปะอยู่ยนรถแต่ละสีย่อมมีไม่เท่ากัน ตามภาพด้านล่างนี้

**********อุปกรณ์มาตรฐาน / Standard Equipment**********

อุปกรณ์มาตรฐานภายนอก
Exterior Standard Equipment

  • ล้อกระทะ+ฝาครอบ ขนาด 15 นิ้ว พร้อมยาง 175/65 R15
  • ไฟหน้ามัลติรีเฟลกเตอร์ ฮาโลเจน
  • ไฟหรี่มัลติรีเฟลกเตอร์
  • ไฟ Daytime Running Light แบบ LED ที่ชุดกันชนหน้า
  • ไฟท้าย LED
  • กระจกสีตัดแสง Green-Tinted
  • กระจกมองข้าง สีเดียวกับตัวรถ
  • กระจกมองข้าง ปรับและพับ ด้วยไฟฟ้า

อุปกรณ์มาตรฐานภายใน
Interior Standard Equipment

  • เบาะนั่งคนขับ ปรับด้วยมือ 6 ทิศทาง
  • เบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้า ปรับด้วยมือ 4 ทิศทาง
  • พนักพิงศีรษะ แบบแยกส่วน
  • ช่องเก็บเอกสาร หลังเบาะนั่งผู้โดยสาร
  • เบาะนั่งด้านหลัง แยกพับอิสระ 60 : 40
  • พนักพิงศีรษะเบาะหลัง แบบแยกส่วน 3 ตำแหน่ง
  • พวงมาลัย ปรับได้ 4 ทิศทาง (ขึ้น-ลง-เข้า-ออก)
  • สวิตซ์ควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย
  • กระจกหน้าต่างไฟฟ้า ปรับลงอัตโนมัติ ฝั่งคนขับ
  • ระบบเซ็นทรัลล็อค
  • กุญแจรีโมท
  • ระบบกุญแจ Smart Keyless Entry
  • ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ Push Start Button
  • ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ
  • หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID แบบดิจิตอล
  • แผงบังแดดคู่หน้า พร้อมกระจกแต่งหน้า
  • มือจับบนเพดาน 2 ตำแหน่ง (คู่หน้า)
  • เครื่องเสียงวิทยุ AM/FM CD MP3 WMA
  • ช่องเชื่อมต่อ AUX / USB
  • ลำโพง 2 ตำแหน่ง
  • ช่องชาร์จไฟ 12V
  • ไฟส่องสว่าง ที่เก็บสัมภาระด้านหลัง
  • พวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า EPS
  • ระบบเบรกคู่หน้า ดิสก์เบรก / คู่หลัง ดรัมเบรก
  • ระบบดับเครื่องยนต์อัตโนมัติ Idling Stop

ระบบความปลอดภัย
Safety Features

  • โครงสร้างตัวถังนิรภัยแบบ TECT
  • ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค ABS
  • ระบบกระจายแรงเบรก EBD
  • ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP
  • ระบบป้องกันการลื่นไถล TCS
  • ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน Hill Hold Control
  • ถุงลมนิรภัยคู่หน้า 2 ตำแหน่ง
  • จุดยึดเบาะนั่งเด็ก ISOFIX
  • กุญแจนิรภัย Immobilizer
  • สัญญาณเตือนเมื่อลืมกุญแจ
  • สัญญาณกันขโมย

อุปกรณ์มาตรฐานอื่น ๆ นอกจากชุดแต่ง และสติ๊กเกอร์ ก็เหมือนกันกับ Suzuki Swift รุ่นย่อย GL ทุกประการ และด้วยความที่ GL ในปัจจุบันเป็นรุ่นย่อยเริ่มต้นของ Swift ต่างจากในอดีตที่มีรุ่นย่อย GA เป็นรุ่นต่ำสุด Swift GL Limitless Edition จึงมาพร้อมกับอุปกรณ์ที่ค่อนข้าง Basic ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้ามัลติรีเฟลกเตอร์ กระจกมองข้างแบบไม่มีไฟเลี้ยวในตัว ล้อกระทะเหล็กพร้องฝาครอบรัดยาง BRIDGESTONE Ecopia เครื่องเสียงวิทยุ AM/FM CD MP3 WMAไม่มีจอสัมผัส ขับเสียงผ่านลำโพง 2 ตำแหน่งที่ให้เสียงธรรมด๊าธรรมดา แต่กระนั้นก็ยังให้แอร์ออโต้แบบตัวท็อป พร้อม Heater ระบบ Keyless Entry และ Push start มาให้ ซึ่งหากสังเกตให้ดีแล้วจะพบว่า Suzuki มีความพยายามที่จะใส่อุปกรณ์มาตรฐานที่แต่งเพิ่มไม่ได้ในภายหลังมาให้เกือบหมดแล้ว ส่วนพวกอุปกรณ์มาตรฐานที่ดูจะขาดๆ ไปก็ใส่เพิ่มทีหลังได้อย่างง่ายดาย สุดแล้วแต่เจ้าของรถจะเลือกสรร

**********รายละเอียดทางวิศวกรรม / Engineering Details**********

เครื่องยนต์ และระบบส่งกำลัง
Engine & Transmission

เครื่องยนต์เบนซิน รหัส K12M 4 สูบ DOHC 1.2 ลิตร 1,197 ซีซี. ระบบหัวฉีดคู่ Dual Jet กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 73.0 x 71.5 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 11.5 : 1 ให้กำลังสูงสุด 83แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดที่ 108 นิวตันเมตร (11.00 กก.-ม.)ที่ 4,400 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ อัตราทดแปรผัน CVT 7 พร้อม Sub-Planetary Gear จาก Jatco ขับเคลื่อนล้อหน้า รองรับน้ำมันสูงสุด E20 ปล่อยก๊าซ CO2  100 กรัม/กิโลเมตร

อัตราทดเกียร์

  • เกียร์ D 4.006 – 0.550 : 1
  • เกียร์ถอย 3.771 : 1
  • อัตราทดเฟืองท้าย 3.757 : 1

ระบบบังคับเลี้ยว
Steering Wheel

  • พวงมาลัยแบบแร็คแอนด์พีเนียน พร้อมเพาเวอร์ไฟฟ้าผ่อนแรง EPS รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 4.8 เมตร

ระบบกันสะเทือน
Suspension System

  • ด้านหน้าเป็นแบบ แม็คเฟอร์สันสตรัต พร้อมคอยล์สปริง ด้านหลังเป็นแบบทอร์ชันบีม พร้อมคอยล์สปริง

ระบบห้ามล้อ
Braking System

  • ด้านหน้า : ดิสก์เบรกแบบมีรูระบายความร้อน
  • ด้านหลัง : ดรัมเบรก

**********การทดลองขับ / Test Drive**********

ผลทดสอบ อัตราเร่ง อัตราสิ้นเปลือง ของ Suzuki Swift 1.2 Dual JET CVT ตามมาตรฐาน Headlightmag มีดังนี้ 

  • 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำได้เฉลี่ย 12.96 วินาที
  • 80-120 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำได้เฉลี่ย 10.41 วินาที
  • ความเร็วสูงสุดบนมาตรวัด ทำได้ 170 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่ 6,000 รอบ/นาที
  • อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง เฉลี่ย 19.00 กิโลเมตร/ลิตร

ตัวเลขอัตราเร่งข้างต้น ถ้าย้อนกลับไปในช่วงปี 2018 จะพูดว่ามันแรงเป็นอันดับหนึ่งของรถยนต์เกียร์อัตโนมัติ เครื่องยนต์เบนซิน เกียร์อัตโนมัติในโครงการ Eco Car Phrase 2 ก็คงไม่ผิดนัก

ในปัจจุบันเมื่อเทียบกับคู่แข่งในตลาดที่ใช้เครื่องยนต์ 1.2 ลิตรเท่ากัน พบว่า Swift ก็ยังคงมีความกระฉับกระเฉง คล่องตัวมากกว่าอย่างรู้สึกได้ ที่แน่ๆรถมันกระฉับกระเฉงกว่า Yaris 1.2 CVT อย่างรู้สึกได้เลยล่ะครับ โดยเฉพาะช่วงออกตัว ในความเห็นส่วนตัวของผม ผมรู้สึกว่าอัตราเร่งมันใกล้เคียงกับรถยนต์เครื่อง 1.5 ลิตร เจนเนอเรชั่นก่อน ๆ ที่มาพร้อมกับเกียร์อัตโนมัติ Torque Converter เช่น Yaris NCP91 Vios NCP93 JAZZ GE เลยล่ะครับ

อย่างไรก็ดี ถ้าถามว่าอัตราเร่งของ Swift เป็นอย่างไรบ้างเมื่อเทียบกับกลุ่ม 1.0 Turbo คำตอบนั้นก็แน่นอนอยู่แล้วว่าแรงไม่เท่าแน่นอน โดยเฉพาะเวลากดคันเร่งไปเต็มเท้า หรือคิ๊กดาวน์ แต่ในย่านความเร็วต่ำ ไม่ว่าจะเป็นช่วงออกตัว หรือการเหยียบคันเร่งเพียงครึ่งเดียว อาจไม่ค่อยรู้สึกว่า Swift 1.2 อืดกว่าพวก 1.0 Turbo มากมายสักเท่าไหร่ เพราะเจ้า Swift ก็มีนิสัยที่พุ่ง และกระฉับกระเฉงอยู่พอสมควร จากน้ำหนักตัวรถที่เบา

ดังนั้นคำตอบต่อคำถามที่ว่า Swift 1.2 ยังอืดอยู่ไหมใน พ.ศ. นี้ก็คงต้องขึ้นอยูกับว่าคุณคาดหวังความแรงจากรถของคุณมากแค่ไหน และรถคันก่อนหน้านี้เคยขับรถอะไรมาแล้วบ้าง หากว่าก่อนหน้านี้ใช้รถยนต์ B-segment เครื่อง 1.5 ลิตร อายุ 10 ปี หรือรถยนต์ D segment sedan หรือ C segment SUV เครื่อง 2.0 ลิตร อายุ 10-20 ปี มาก่อน ก็คงไม่คิดว่ามันอืด หมายความว่าในการใช้งานวิ่งข้ามจังหวัด หรือวิ่งออกทริปขึ้นเขานั้นไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน (คลิปทดสอบ Swift ขึ้นภูชี้ฟ้า คลิกที่นี่) แต่ถ้าหากว่าก่อนหน้านี้ขับรถที่แรงกว่ารถนั้นเป็นประจำ และมีพฤติกรรมการขับขี่ที่ชอบการคิ๊กดาวน์เป็นชีวิตจิดใจ ก็จะคิดว่ามันอืดเป็นแน่แท้

ในเรื่องช่วงล่างของ Swift Limitless Edition ก็มีอาการเหมือนกับรุ่นปกติทุกประการ กล่าวคือจะมีความเฟิร์มในระดับที่พอเหมาะ ไม่ดีดเด้งจนน่ารำคาญ ผิดกับรถ ​B-segment 5 ประตูในเจนเนอเรชั่นก่อน ที่มีความดีดเด้งตึงตังค่อนข้างมาก และในขณะเดียวกันก็ให้ความมั่นใจในระดับที่ดี และเหนือกว่าคู่แข่งหลายค่าย อันที่จริงจะพูดว่ามั่นใจได้ในระดับหัวแถวของ B-segment hactchback ก็ย่อมได้ ทั้งนี้จะรู้สึกมั่นใจแบบเบาๆ จะต่างจากฟิลลิ่งของรถเล็กจากทางฝั่งยุโรปที่จะแน่น ๆ หนัก ๆ กว่านี้หน่อย ด้วยการเซ็ตช่วงล่างแบบนี้ ทำให้การขับขี่ตลอดทั้งทริป ระยะทางราว 200 กิโลเมตร ที่ความเร็วตั้งแต่ 90-120 ไม่ได้รู้สึกเหนื่อยล้ามากนัก

พวงมาลัยของ Suzuki Swift จัดว่าเป็นพวงมาลัยรถ B-segment Hatchback ที่มีความคม และแม่นยำระดับหัวแถว เป็นรองแค่มาสด้าเท่านั้น ซึ่งเรียกได้ว่าก็เป็นรองอยู่แค่นิดดดดเดียวเท่านั้น แต่เนื่องด้วยพื้นฐานของรถ ที่มีขนาดเล็ก หน้ายางแคบ และน้ำหนักเบา การจะคาดหวังให้รถกลุ่มนี้มีพวงมาลัยที่หนักแน่นในย่านความเร็วสูงให้เทียบเท่ารถที่ใหญ่กว่านี้ คงเป็นอะไรที่ยากอยู่แล้ว

ด้วยช่วงล่าง และพวงมาลัยที่เซ็ตออกมาได้ดี ทำให้ Swift แม้จะเป็นรถที่มีอายุตลาดแล้วถึง 5 ปี แต่ก็ยังคงมีความน่าใช้ และเป็นจุดที่คู่แข่งรุ่นใหม่ ๆ ฉีก Swift ไม่ขาด

**********บทสรุป / Conclusion**********

รถยนต์ B-Segment ECO Car Hatchback ในช่วงราคาไม่เกิน 6 แสนบาท ปัจจุบันมีอยู่ทั้งหมด 6 รุ่น ได้แก่ Honda City Hatchback, Toyota Yaris 1.2, Mazda 2 Hatchback 1.3, Mitsubishi Mirage 1.2, Nissan NOTE 1.2 และ Suzuki Swift 1.2 ซึ่งรถแต่ละรุ่นนั้น ก็มีจุดเด่น และจุดด้อยที่แตกต่างกันออกไป และมีการจัดอุปกรณ์มาตรฐานที่ไม่เหมือนกัน 

ถามว่า Suzuki Swift Limitless Edition เหมาะกับใคร?

ผมเห็นว่ามันเหมาะกับคนที่ชอบขับรถอยู่ประมาณหนึ่ง จากความไวของพวงมาลัย และความเฟิร์มของช่วงล่าง โดยที่ในขณะเดียวกันก็ชอบหน้าตาของรถติดเสกิร์ต และอยากได้รถที่มาพร้อมกับชิ้นส่วนแท้ครบจบจากโรงงาน ซึ่งผมก็เชื่อว่าลูกค้ากลุ่มนี้มีไม่น้อย เพราะบนท้องถนนประเทศไทย มีจำนวนรถยนต์ระดับ B-segment ที่ติดสเกิร์ต ติดสติ๊กเกอร์เป็นจำนวนมาก แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะขับรถบนท้องถนน แล้วไม่เจอรถ B-segment ใส่ชุดสเกิร์ต

ถามว่าราคา 572,000 บาท ของ Swift GL Limitless Edition เมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้มานั้นคุ้มค่าหรือไม่?

  1. ถ้าเป็นคนที่ถูกใจหน้าตาชุดแต่ง และตกลงปลงใจว่าจะซื้อ Suzuki Swift GL อยู่แล้ว ผมคิดว่าคุ้มครับ เพราะราคาเพิ่มจาก รุ่น GL เพียงแค่ 10,000 ทั้งที่ได้ชุดแต่งแท้รอบคัน ถือว่าเป็นราคาที่สมเหตุสมผล ถ้าไปติดชุดแต่งเอาเองตามร้านข้างนอกเองราคาอาจแพงกว่านี้ แถมไม่ได้ชุดแต่งแท้จากโรงงาน Suzuki อีกด้วยครับ
  2. ถ้าเทียบความคุ้มค่ากับคู่แข่งแล้วหล่ะก็ ผมคงต้องตอบว่าอยากได้อ็อพชั่นเพิ่มอีกนิดนึง เพราะในเมื่อเป็นตัวแต่งพิเศษแล้ว ก็น่าจะมีการนำล้ออัลลอยลายใหม่มาสวมให้บ้าง ลองจินตนาการว่าถ้า Swift Limitless Edition มาพร้อมล้ออัลลอยรมดำสักชุด ผมว่ารถน่าจะดูสวยขึ้นจากนี้มาก และด้วยความที่รถระดับนี้ จะกลายเป็นรถคันแรกของลูกค้าจำนวนไม่น้อย ผมว่าเซนเซอร์กะระด้านหลัง หรือกล้องมองหลังเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในปี 2022 แต่ก็อย่างว่าหล่ะครับ ออพชั่นเหล่านี้เป็นอ็อพชั่นที่ใส่เพิ่มเองได้ไม่ยาก

Full Review : ทดลองขับ Suzuki SWIFT (1.2 Dual JET CVT) By J!MMY (คลิ๊กที่นี่)


ขอขอบคุณ / Special Thanks to :

บริษัท Suzuki Motor ประเทศไทย จำกัด
สำหรับการเชิญทดลองขับ

KANVITZ (Navarat Panutat)

สงวนลิขสิทธิ์ ทั้งบทความ โดยผู้เขียน 
ลิขสิทธิ์ภาพถ่าย รถยนต์ในประเทศไทย ทั้งหมด
เป็นของ Suzuki Motor ประเทศไทย และผู้เขียน
ห้ามนำส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต 

เผยแพร่ครั้งแรกใน www.headlightmag.com  

24 มิถุนายน 2022

Copyright (c) 2022 Text and Pictures
Use of such content either in part or in whole
without permission is prohibited.
 

First published in www.Headlightmag.com.

14 June 2022