โดยปกติแล้ว Volkswagen ถือเป็นบริษัทรถยนต์แม่แบบให้บริษัทรถยนต์ในเครือ Volkswagen Group ได้เจริญรอยตามทางด้านเทคโนโลยี เพราะในสมัยก่อนแบรนด์รถยนต์ที่จับกลุ่มตลาดมวลชนในเครือ Volkswagen Group อย่าง Seat และ Skoda ยังอ่อนด้อยกว่าแบรนด์ Volkswagen ทั้งภาพลักษณ์ของแบรนด์และคุณภาพตัวรถ จนแบรนด์เหล่านั้นต้องวางราคาไว้ต่ำกว่า ซึ่งก็ส่งผลกระทบต่อกำไรต่อคันที่น้อยกว่า Volkswagen ด้วย แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป สถานการณ์กลับไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

เมื่อ Skoda แบรนด์รถยนต์สุดคุ้มค่าในเครือ Volkswagen Group กำลังเข้าสู่สถานะขาขึ้น รถยนต์ที่จำหน่ายในวันนี้มีวิวัฒนาการการออกแบบที่เริ่มจะกลายเป็นแม่แบบให้บริษัทรถในเครือเดินตาม, คุณภาพตัวรถก็เป็นงานวิศวกรรมอันทันสมัยจาก Volkswagen แต่จำหน่ายในราคาที่ถูกกว่ารถยนต์แบรนด์ Volkswagen ได้โดยที่ยังสามารถทำกำไรได้เหนือกว่าเสียด้วย

จากแบรนด์รถยนต์ราคาถูกของประเทศเช็กที่ไม่มีทีท่าว่าจะรุ่งในระยะยาว กลับกลายมาเป็นแบรนด์รถยนต์ที่สามารถแข่งขันกับ Volkswagen ในด้านศักยภาพธุรกิจได้ ต้องมีสาเหตุที่ไม่ธรรมดาแน่นอน

นั่นเป็นเพราะว่ารถยนต์ Skoda เริ่มเป็นรถยนต์ที่น่าไว้วางใจแก่ลูกค้าทั่วไปด้วยเทคโนโลยีที่รับมาจาก Volkswagen ที่ได้รับการยอมรับจากผู้คนทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเข้าสู่ยุคการพัฒนารถยนต์ที่สร้างขึ้นบนชุดโครงสร้างพื้นตัวถังและงานวิศวกรรมร่วม MQB ก็ยิ่งทำให้ Skoda สามารถลดต้นทุนในการผลิตและสามารถซื้อความมั่นใจจากลูกค้าได้มากขึ้นไปอีกเพราะ Skoda ในอดีตมักรับเทคโนโลยีช้ากว่ารถยนต์ Volkswagen ประมาณ 1-2 ก้าว

หัวใจสำคัญคือฐานการผลิต Skoda จากประเทศเช็ก ได้เปรียบกว่าฐานการผลิต Volkswagen ในเยอรมนี เพราะต้นทุนค่าแรงงานขั้นพื้นฐานในประเทศเช็กมีชั่วโมงละ 10.10 ยูโรเท่านั้น แต่ถ้าหากคิดจะไปผลิตรถยนต์ที่เยอรมนีก็ต้องแบกต้นทุนค่าแรงงานอยู่ที่ 38.70 ยูโร/ชั่วโมง แพงกว่ากันถึง 3 เท่าตัว

(Skoda Octavia รุ่นปัจจุบันเปิดตัวในเดือนธันวาคม ปี 2012 ตัวรถถูกสร้างขึ้นบน MQB เป็นจุดกำเนิดแรกที่ทำให้ Skoda ประสบความสำเร็จยิ่งขึ้น)

จากความได้เปรียบดังกล่าวก็ทำให้ Skoda กลายเป็นบริษัทรถยนต์ที่สามารถทำกำไร margin ต่อคันเหนือกว่า Audi เป็นรองเพียงแค่ Porsche ในปี 2016 และสามารถพลิกฟื้นผลกำไรจากการดำเนินงานให้เพิ่มขึ้นอีก 3 เท่าตัวในปี 2016 เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2012

ผลลัพธ์จากการที่มีต้นทุนการผลิตต่ำกว่า Volkswagen ก็ทำให้ Skoda สามารถตั้งราคารถยนต์ได้ถูกกว่า Volkswagen ทั้งที่เป็นรถยนต์มีคุณภาพดีเหมือนกันหรืออาจจะดีกว่าในบางรุ่น อาทิ Skoda Kodiaq : SUV ขนาดกลางเบาะนั่ง 3 แถว 7 ที่นั่ง กลับมีราคาถูกกว่า Volkswagen Tiguan ถึง 1,500 ยูโร และ Skoda Superb ก็ถูกยกย่องว่าเป็นรถยนต์คุณภาพที่เหนือกว่า Volkswagen Passat จากนิตยสาร Auto Motor Und Sport

และนั่นทำให้บอร์ดผู้บริหารและสหภาพแรงงาน Volkswagen ค่อนข้างตาร้อนกับความสำเร็จของ Skoda เพราะ Volkswagen กำลังประสบปัญหาลดจำนวนพนักงานเพื่อลดกำลังการผลิตส่วนเกินในประเทศเยอรมนี ที่เลวร้ายที่สุดคือสหภาพแรงงาน Volkswagen กลับมองว่า Skoda คือภัยร้ายที่มาคุกคามสวัสดิภาพการทำงานของพวกเขา หรือเรียกง่าย ๆ ว่า อาจจะทำให้ผู้คนในโรงงานเยอรมนีตกงานเป็นแถบ ๆ

(Skoda Superb รถยนต์คุณภาพที่มีการกล่าวขวัญถึงจากสื่อมวลชนชาวยุโรป)

ผู้แทนพนักงานจากโรงงาน Volkswagen กำลังเรียกร้องให้ทางบริษัทโอนย้ายสายการผลิตรถยนต์ Skoda บางส่วนมาอยู่ในเยอรมนี เพื่อชดเชยยอดผลิต Volkswagen Passat และ Golf ที่มีกำลังการผลิตลดลงไป

และรวมทั้งยังมีข้อเสนออีกด้วยว่า Skoda ควรจะจ่ายค่าการใช้สิทธิ์เทคโนโลยีพื้นตัวถัง MQB ให้มากขึ้นอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม Bohuslav Sobotka นายกรัฐมนตรีประเทศเช็ก ก็พยายามแก้ไขปัญหาระดับชาติด้วยการเข้าพบผู้บริหารและสหภาพแรงงาน Skoda เพื่อถามหาความชัดเจน โดยมีข้อสรุปว่า รัฐบาลเช็กขอให้ Volkswagen แถลงแผนการลงทุนในอนาคตออกมา “แต่ต้องไม่ย้ายฐานการผลิต Skoda ออกนอกประเทศเป็นอันขาด”

(Skoda เพิ่งเฉลิมฉลองครบรอบผลิตรถยนต์ครบ 19 ล้านคัน ภายใต้อายุแบรนด์ 125 ปี)

Herbert Diess ประธานคณะกรรมการบริหาร Volkswagen AG ได้สรุปในที่ประชุมเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า ทั้ง Volkswagen และ Skoda ควรสร้างความแตกต่างของกลุ่มเป้าหมายและลูกค้าให้มากกว่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทั้งคู่จะต้องรุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้า EV

Volkswagen Group วางแผนให้บริษัทรถยนต์ในเครือช่วยกันพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าประมาณ 50 รุ่นภายในปี 2025 จึงทำให้ผู้บริหาร Volkswagen กลัวว่าจะเกิดการตัดราคาขายกัน อีกทั้งตลาดรถยนต์ไฟฟ้า EV เป็นตลาดที่ไม่สามารถเอาชื่อเสียงแบรนด์ดั้งเดิมเป็นตัวรับประกันได้ เพราะลูกค้าต้องการให้บริษัทรถยนต์กล้าเปลี่ยนแปลงจริง ๆ

ทั้ง Volkswagen และ Skoda ต่างก็เตรียมเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าสไตล์ Coupe-SUV พร้อมกันในปี 2020 โดยมีระยะทางวิ่งสูงสุด 500 กิโลเมตร

ที่มา : Reuters