การผลิต และถ่ายทำ ภาพยนตร์ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ที่ออกฉายมาแล้วทั่วโลก หรือแม้แต่ละคร
ที่ฉายทางโทรทัศน์ทั้งไทย และต่างประเทศ คงหนีไม่พ้นฉากที่นักแสดงนำ และนักแสดงประกอบ
ต่างพากันขยาด หวาดกลัว และมักหลีกเลี่ยงการกระทำต่างๆ ที่มีความเสี่ยง หรือก่อให้เกิดอันตราย
ไม่ว่าจะเป็นฉากที่มีอาวุธในการดำเนินเรื่อง ฉากตกบันได ตกจากที่สูง เป็นต้น
สิ่งหนึ่งที่ผู้กำกับเองต้องให้ความสำคัญ และระมัดระวังอย่างยิ่ง คือ การแสดงที่จะก่อให้เกิดอุบัติเหตุ
ร้ายแรง เช่น การขับรถผาดโผนในภาพยนตร์ หรือละครเรื่องนั้นๆ เพราะไม่เพียงแต่ความสูญเสีย
จะเกิดขึ้นแก่ทรัพย์สิน ยังอาจทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตก็เป็นได้
![](http://www.headlightmag.com/main/images/stories/jimmy01/2009_11_24_Russ_Swift/01_2Wheels.jpg)
บทบาทหนึ่งที่มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่านักแสดงหลักในภาพยนตร์ หรือละครเรื่องต่างๆ
คงหนีไม่พ้นผู้ที่มีใจรักในความท้าทาย ความผาดโผน และหนึ่งในหลายๆ ประเภทของผู้ที่รัก
ในอาชีพผาดโผนและมีความเสี่ยงสูงนี้คงต้องยกให้กับสตันท์ (แมน) หรือนักแสดงแทน
ที่ภาพยนตร์แนวแอ๊คชั่นส่วนใหญ่มักจะได้รับความนิยมจากผู้ชมจำนวนมาก เมื่อใดที่มีฉากไล่ล่า
ระหว่างพระเอกกับผู้ร้ายที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ และความเร็ว ในรูปแบบต่างๆ
ฉากการขับขี่ที่ส่วนใหญ่มักใช้สตันท์ ได้แก่ การขับรถยนต์แบบยกสองล้อ โดยอีกสองล้อสัมผัสพื้น
การบังคับรถให้หมุน 180 องศาในสถานที่ขนาดเล็กถึงเล็กมาก (J-Turn) การเข้าที่จอดรถโดยใช้
การดึงเบรกมือ (Parallel parking) การหมุนรถให้เป็นวงกลม (Donut) หรือการเหินแบบนกโดยรถทั้งคัน
เป็นต้น ซึ่งเทคนิคดังกล่าวต้องใช้ทักษะ ความสามารถเฉพาะตัว และเทคนิคพิเศษที่ได้รับการฝึกฝน
อย่างถูกต้อง และสิ่งเหล่านี้ถือเป็นงานหนักของนักขับรถผาดโผน หรือสตันท์ ไดร์เวอร์ ที่ต้องอาศัย
องค์ความรู้ด้านศิลปะการแสดงในรูปแบบต่างๆ เพื่อถ่ายทอดเทคนิคการขับรถผสมผสานกับการแสดง
ได้อย่างลงตัว เพื่อให้คนชมสนุกสนาน ตื่นเต้นเร้าใจไปกับการขับขี่ผาดโผนนั้นๆ ด้วย
![](http://www.headlightmag.com/main/images/stories/jimmy01/2009_11_24_Russ_Swift/03_2Wheels.jpg)
การขับขี่แบบสตันท์ ไดร์วิ่งได้รับการพัฒนารูปแบบให้มีความก้าวหน้ามากขึ้นจากเดิมที่เรียกว่า
”สตันท์” ได้เปลี่ยนเป็น “ดิสเพลย์ ไดร์วิ่ง” หรือการขับรถเพื่อการแสดงเพราะ 99% ของการขับขี่
ประเภทนี้เราจะเห็นได้ในภาพยนตร์หรือในโชว์เพื่อการสันทนาการและเพื่อความตื่นเต้นของ
ผู้ชมทั่วไปเท่านั้น
อย่างไรก็ตามการฝึกฝนเพื่อให้มีความสามารถในการเป็นสตันท์ ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับคนทั่วไป
เพราะต้องหมั่นเรียนรู้และฝึกฝนเป็นระยะเวลานาน อีกทั้งยังต้องมีความมุ่งมั่น อดทนในการฝึกซ้อม
เพื่อให้บรรลุในแต่ละเทคนิคของแต่ละแอ๊คชั่นอย่างสมบูรณ์แบบ นักขับต้องแสดงให้เห็นถึงความ
สมจริง ทำทุกอย่างให้น่าทึ่ง และอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่ปลอดภัยอยู่เสมอ
![](http://www.headlightmag.com/main/images/stories/jimmy01/2009_11_24_Russ_Swift/02_Russ_Swift.jpg)
หนึ่งในนักขับผาดโผนระดับโลก “รัสส์ สวิฟท์“ คือผู้ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในวงการ
สตันท์ ไดร์เวอร์ โดยเขาเริ่มต้นจากการเข้าวงการนักขับแรลลี่ และเริ่มหันมาให้ความสนใจลงแข่งขัน
“จิมคาน่า” จนกลายเป็นที่หนึ่งหรือสุดยอดนักขับจิมคานาในประเทศอังกฤษ และในที่สุด “รัสส์ สวิฟท์”
ได้เข้าสู่วงการ สตันท์ ไดร์เวอร์ และยังเป็นผู้ที่ได้บันทึกลงใน กินเนส บุ๊ค เวิล์ด เรคคอร์ ติดต่อกันถึง 3 สถิติ
โดยสถิติแรกคือ การทำโดนัท 10 รอบในระยะเวลา 14.59 วินาที ซึ่งเป็นเวลาน้อยที่สุดของการทำโดนัท
สองคือ การเข้าจอดระหว่างรถสองคันโดยการสไลด์รถ หรือเรียกว่า “พาราเรล พาร์คกิ้ง” ในพื้นที่
ที่ยาวกว่ารถเพียง 33 เซนติเมตร และสาม คือการถอยกลับรถที่เรียกว่า เจ-เทิร์น (J-Turn) โดยใช้
พื้นที่น้อยสุดคือ เพียง 172 เซนติเมตร
หลายคนสนใจขับรถผาดโผน ไม่ได้เอาไว้ขับแสดงแต่แค่ขับสนุก มีคำแนะนำสำหรับการขับขี่แบบนี้
หากใครต้องการเป็นหนึ่งในนักขับ สตันท์ ไดร์เวอร์ รัสส์ สวิฟท์ บอกว่า “การเป็นสตันท์ ไดร์เวอร์
ไม่ใช่งานง่ายสำหรับคนที่ขาดความมุ่งมั่น หรือขาดการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ
![](http://www.headlightmag.com/main/images/stories/jimmy01/2009_11_24_Russ_Swift/04_Parallel_Park.jpg)
รัสส์ สวิฟท์ บอกว่า ความปลอดภัยของผู้ชมคือ สิ่งสำคัญที่เป็นสุดของการเป็น สตันท์ ไดร์เวอร์
และต้องมีวินัยในการขับคือ ต้องหมั่นฝึกซ้อมสม่ำเสมอ จึงจะประสบความสำเร็จ ซึ่งผู้ชมส่วนใหญ่
จะมองเพียงความสนุกสนานของการแสดง แต่สำหรับ รัสส์ สวิฟท์ ความสนุกสนานของผู้ชมนั้น
จะต้องอยู่ในการควบคุมเรื่องความปลอดภัย ซึ่งถือเป็นความรับผิดชอบ และเป็นสิ่งที่ต้องตระหนัก
อย่างยิ่งสำหรับการขับรถที่มีความเสี่ยงสูง
อีกทั้งร่างกายของสตันท์ ไดร์เวอร์ ต้องมีความพร้อม มีความแข็งแรงเพียงพอเพื่อรองรับแรงกระแทก
และแรงเหวี่ยงรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาในขณะแสดง “ผมเองต้องเข้าพบหมอกระดูก
เป็นประจำเกือบทุกเดือนเพราะผมต้องเอี่ยวตัวเพื่อมองทางบ่อยครั้งโดยเฉพาะการขับแบบ
กลับรถ 180 องศา” รัสส์ สวิฟท์กล่าว
![](http://www.headlightmag.com/main/images/stories/jimmy01/2009_11_24_Russ_Swift/06_Parallel_Park.jpg)
สตันท์ ไดร์เวอร์ที่ดีและจะประสบความสำเร็จได้นั้นควรมีบุคลิกที่เป็นมิตรเพราะเขาเปรียบเสมือน
นักแสดงที่ต้องพบปะผู้คน และเชิญชวนให้ผู้ชมได้มีส่วนร่วมกับการขับเพื่อให้เกิดความตื่นเต้น
เร้าใจเสมอ รัสส์ สวิฟท์ กล่าวเสริม “ในขณะที่ผมขับรถในแบบพาราเรล พาร์คกิ้ง ผมบอกไม่ได้เลยว่า
ทำอะไรในขณะขับบ้าง เพราะว่าผมทำหลายอย่างนอกจากดึงเบรก ผมต้องคำนวณตลอดเวลา
ไม่ว่าจะเป็นระยะจอด กะระยะความเร็วรถ ช่วงเวลาที่จะดึงเบรกมือ พื้นผิวถนน ขนาดและน้ำหนัก
ของรถ และที่สำคัญที่สุดคือ พยายามไม่ให้เกิดความผิดพลาดเพราะนี่คือการโชว์” แต่ผมยังคงย้ำเสมอว่า
“ความปลอดภัยของผู้ชม และผู้ร่วมทีมยังจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับการเป็นสตันท์ ไดร์เวอร์
รัสส์ สวิฟท์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ส่วนใหญ่คนที่เข้าสู่วงการนักขับผาดโผนมักเป็นคนที่รักรถเป็นทุนเดิม
และเข้าไปในวงการเพราะต้องการใช้เวลาส่วนใหญ่ของวันอยู่กับรถ อีกทั้งยังต้องทำงานเกือบทั้งวัน
กับทีมงานถ่ายทำเพียงแค่ช็อต 1 นาที
“งานนี้สนุกนะครับ แต่ว่าไม่ง่าย”
————————————————————————————————
หนังดังกับ สุดยอด “สตันท์ ไดร์เวอร์”
ภาพยนตร์ที่ใช้สตันท์ หรือนักแสดงแทนเรื่องที่โดดเด่นของการใช้ สตันท์ ไดร์วิ่ง เช่น เรื่อง “Bullitt”
ของ Steve McQueen ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตันท์ ไดร์วิ่ง ที่ได้รับความนิยมสูงมาก ผู้ชมมองว่าพระเอก
ในเรื่องทำสตันท์ ไดร์วิ่งเอง แต่ไม่ได้เป็นเช่นที่ผู้ชมเห็น เพราะมันเป็นเพียงตัวแสดงแทนเท่านั้น
![](http://www.headlightmag.com/main/images/stories/jimmy01/2009_11_24_Russ_Swift/08_Nicolas_Cage_Gone_in_60.jpg)
Nicolas Cage นักแสดงนำในภาพยนตร์เรื่อง “Gone in 60 seconds” ใช้เวลาแรมเดือนในการฝึกฝน
สตันท์ ไดร์เวอร์ เทรนนิ่ง เพื่อไม่ใช้ตัวแสดงแทนและเพื่อความสมจริง
ฉากหนึ่งที่โด่งดังที่สุดของภาพยนตร์เรื่อง ”Man with the Golden Gun” หนึ่งในภาพยนตร์ของเจมส์บอนด์
ครั้งแรกที่นักขับผาดโผนขับรถหมุนเป็นเกรียวในอากาศ ซึ่งเป็นการขับรถโดยสตันท์ ครั้งแรกในโลก
ที่มีการคำนวณก่อนถ่ายทำด้วยคอมพิวเตอร์ โดยรถพุ่งสูงไปในอากาศ 12 เมตร หรือเทียบเท่าตึก 3 ชั้น
และหมุน 360 องศากลางอากาศ และถ่ายทำในประเทศไทย…
![](http://www.headlightmag.com/main/images/stories/jimmy01/2009_11_24_Russ_Swift/amc_hornet.jpg)
สตันท์ที่ร่วมแสดงในภาพยนตร์เหล่านี้ต้องมีความเชี่ยวชาญและแม่นยำ เพราะส่วนใหญ่แล้วระยะการขับ
ในแต่ละฉากของภาพยนตร์มีระยะห่างจากกล้องที่ใช้ในการถ่ายทำเพียง 20 – 100 เซนติเมตรเท่านั้น
“สตันท์” จึงเรียกได้ว่าเป็นอาชีพที่มีความเสี่ยง และมีอันตรายทั้งตัวนักขับเอง และตัวผู้ชม จัดเป็น
อันดับต้นๆ ของอาชีพที่มีความเสี่ยงที่สุดของโลก แต่ในขณะเดียวกันเมื่อได้ฟังค่าตอบแทน ค่าความเสี่ยง
ของนักแสดงผาดโผนฝีมือระดับโลกเช่นนี้แล้วค่าเหนื่อยแต่ละครั้งเกิน 6 หลักก็ถือเป็นงานที่น่าเสี่ยงอยู่ทีเดียว
…………………………………………………………………
![](http://www.headlightmag.com/main/images/stories/jimmy01/2009_11_24_Russ_Swift/07_Parallel_Park.jpg)
และถ้าคุณสนใจ อยากจะดู ฝีมือของ รัสส์ สวิฟท์ ในเมืองไทย เขาจะบินมาโชว์ การขับรถ ในแบบผาดโผน
เป็นโชว์พิเศษ “รัสส์ สวิฟท์ สตั๊นท์ ไดรฟ์” ใน ช่วงระหว่าง งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 26 เฉพาะวันที่
4 -7 ธันวาคม 2552 ที่ลานจอดรถ P9 เมืองทองธานี โดยวันที่ 4 ธันวาคม เป็นรอบสื่อมวลชน และบุคคลสำคัญ
ในเวลา 16.00 น. และวันที่ 5 -7 ธันวาคม เป็นรอบบุคคลธรรมดา จัดแสดงวันละ 3 รอบ คือ รอบ 14.00 น.
16.00 น. และ 18.00 น.
…………………………………………………………………