NISSAN ALMERA 1.0 TURBO VL – 639,000 บาท

Likes: ราคาดี ภายในกว้างพอได้ ดีไซน์วัยรุ่นทั้งนอกและใน อุปกรณ์เกี่ยวกับความปลอดภัยให้มาพร้อมสรรพ พลังเครื่องสะใจกว่าเดิม

Dislikes: รู้สึกกระด้างสะเทือนเวลานั่ง เครื่องยนต์สั่นไปที่รอบเดินเบา เรี่ยวแรงยังเป็นรอง Honda City การประกอบ การเก็บงานไม่เรียบร้อยนัก

Nissan Almera 1.0 TURBO VL ใหม่ ไม่ใช่แค่การเอารถคันเดิมมาปรับเปลี่ยนรูปร่างแล้วยัดเครื่องยนต์ที่มีพลังมากขึ้น ในทางตรงกันข้าม นิสัยของมันนั้นต่างจากรถรุ่นเดิมแบบคนละขั้ว แม้ว่าโครงสร้างหลักจะเป็น V Platform ที่นำมาปรับปรุงเพิ่ม แต่ตัวรถ ภายนอก ภายใน และเครื่องยนต์ใหม่ ทำให้ต้องใช้คำว่า “ลืมแก่เป็นปลิดทิ้ง” มันมีบุคลิกที่เป็นวัยรุ่นมากขึ้นชัดเจน

เครื่องยนต์ HRA0 1.0 ลิตรเทอร์โบ 100 แรงม้า เมื่อลองขับจริง ก็ให้อัตราเร่ง เรี่ยวแรง คล้ายรถขนาดเล็กเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ไม่มีเทอร์โบจากสมัยก่อน แต่ต้องกด SPORT MODE ที่หัวเกียร์ช่วย หาไม่เช่นนั้นแล้วอัตราเร่งที่ได้จะไม่สะใจอย่างที่คิดนัก พวงมาลัยที่ไวคล่องมือขึ้น ช่วงล่างอาจยังไม่ถึงกับพร้อมซิ่งเท่า Mazda 2 Sedan แต่ก็มีความแข็งหนึบ ท้ายรถโยนตัวน้อยกว่า Honda ยางและแทร็คล้อที่กว้างช่วยให้เสถียรภาพในโค้งดีพอเอามันส์ได้ มันไม่ใช่รถแบบที่เราจะต้องขับแบบช้าๆเนิบๆแก่ๆอีกต่อไป นี่คือ Almera ที่คุณฉีกออกเลนขวา เร่งแซงได้มั่นๆ และใช้ขับทางไกล ทำทุกธุระยังทุกที่หมายในประเทศได้

ที่สำคัญ ในราคา 639,000 บาท อุปกรณ์ที่ให้มานั้น ถือว่าอยู่ระดับแนวหน้าของคลาสในเรื่องความปลอดภัย จำนวนถุงลมอาจจะไม่มากเท่า Yaris ATIV แต่ก็ชดเชยด้วยสารพัดระบบป้องกัน เป็นอีโคคาร์รุ่นเดียวที่มีทั้งระบบเบรกอัตโนมัติ ระบบ Blind Spot และกล้อง 360 องศา รวมอยู่ในคันเดียวในราคาที่โคตรถูกเมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้ Mazda 2 1.3SP มีระบบความปลอดภัยที่เกือบเท่ากัน แต่ราคา 690,000 และเรี่ยวแรงยังห่างชั้นกับ Almera มาก ถ้าจะให้เพิ่มอะไรสักอย่าง ก็คงมีแค่เข็มขัดนิรภัยที่ปรับระดับความสูงได้

อย่างไรก็ตาม หลักฐานของการพยายามลดต้นทุน ก็เป็นที่ประจักษ์อยู่ทั่วไป แค่เปิดห้องเครื่องยนต์มา เห็นวิธีการเก็บงานที่ดูเหมือนออดพักมื้อกลางวันจะดังที่โรงงานระหว่างการทำสี แล้วจู่ๆทุกคนก็คิดว่า “ไป พวกเรา กินข้าวกันเถอะ” ทิ้งการเก็บรายละเอียดทั้งขอบคาน การลงสี และสายไฟเอาไว้แบบลวกๆ หรือแค่ลองปิดประตูหน้ากับหลังแล้วสัมผัสความกลวงที่แตกต่างกันคนละขั้ว คุณก็จะเริ่มเข้าใจ

นอกจากนี้ แม้ขุมพลังขับเคลื่อนจะ RE-POSITION ตัวรถจากรถประสงค์สันติ เป็นตัวจี๊ดอันดับสองของกลุ่ม แต่ REFINEMENT หรืออุปนิสัยความเรียบร้อยของเครื่องยนต์นั้น ยังต้องปรับปรุง รอบเดินเบาสั่น ยิ่งใส่เกียร์ D เหยียบเบรก สั่นเหมือน Swift ECO ล็อตแรก สั่นเหมือนรถเก่า สะท้านไปทั้งคัน เรื่องนี้ผมอยากให้แก้ และมันสำคัญต่อความประทับใจในการขับ สำคัญกว่าเรื่องการเก็บงานสายไฟงานสีในห้องเครื่องเสียอีก เครื่องยนต์ของ Honda มีรอบเดินเบาที่สั่นน้อยกว่า แต่ต้องจดไว้ด้วยว่า เวลาใส่ D เหยียบเบรก รอบเดินเบาของ Almera อยู่ที่ราว 850 แต่ของ City จะอยู่ที่ประมาณ 1000 รอบต่อนาทีนะครับ

ส่วนเรื่องอื่นล่ะ? คอนโซลกลางที่ยกตัวขึ้นมาเบียดเข่าซ้ายของคนขับ ควรไปแก้ตอนไมเนอร์เชนจ์ เพราะแม้จะดูแล้วสปอร์ตดี แต่มันขโมยที่แหกแข้งขาไป 1-2 นิ้ว ซึ่งแผงกระจกไฟฟ้าทางขวาก็เบียดเกินความจำเป็นเช่นกัน กลายเป็นว่า รถทำมาซะกว้างแต่นั่งแล้วกลับไม่สบายเท่ารุ่นเก่า พอขับนานๆเข้าผมเริ่มคิดละว่า ถ้าจะโดนบีบอัดขนาดนี้ ให้ไปขับ Mazda 2 ก็คงไม่ต่างกันนัก เพราะถ้าเป็นคนนั่งหน้า มันไม่ต่างกันขนาดนั้นจริงๆ

เบาะนั่งตอนหลัง ถ้าบอกว่าสบายกว่ารุ่นเก่า ผมคงไม่เชื่อ เพราะนั่งเบาะหลังรุ่นเก่ามาบ่อยมาก เวลานั่งหลังตรง ผมรู้สึกว่ารุ่นใหม่ต้องเอียงคอหลบหลังคามากกว่า เนื้อที่วางขา ไม่ได้เพิ่มขึ้นมากอย่างที่คิด อย่างดีก็แค่นิ้วเดียว แต่ในภาพรวม ก็ถือว่ายังอยู่ระดับกลางค่อนบนของคลาส ถ้าให้เลือกนั่งเบาะหลังทางไกลๆ Almera สำหรับผมก็ยังดีกว่า Mazda 2 และ Yaris ATIV แต่อาจจะไม่ดีเท่า Suzki Ciaz และ Honda City

แต่ในที่สุด เมื่อรวมทุกอย่างที่มันเป็นเข้าด้วยกัน Almera ก็เป็นรถที่ให้ความคุ้มค่าต่อเม็ดเงิน 639,000 บาท และสามารถตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้าหลากหลายกลุ่มได้เช่นเคย เพียงแต่ถ้าคุณยังชอบบุคลิกซอฟท์ๆ เรื่อยๆ จืดๆ แต่เป็นมิตรกับทุกผู้หมู่เหล่า ขับง่ายสบายจิตของรถรุ่นเก่า คุณควรไปลองก่อน ว่าคุณรับกับอุปนิสัยวัยรุ่นจัดๆของรถรุ่นใหม่ได้