Toyota Alphard และ Vellfire รุ่นปัจจุบัน (40 Series) เผยโฉมครั้งแรกในโลกไปเมื่อช่วงกลางปี 2023 โดยนำร่องทำตลาดด้วยขุมพลังเบนซิน 2.5 ลิตร Hybrid และเบนซิน 2.4 ลิตร Turbo ล่าสุด Toyota Motor ประเทศญี่ปุ่น ได้เสริมไลน์อัพของรถตู้ MPV ทั้ง 2 รุ่นให้ครบครันขึ้น ด้วยการเปิดตัวขุมพลัง PHEV หรือ Plug-in Hybrid เตรียมวางจำหน่ายในบ้านเกิดช่วงเดือน มกราคม ปีหน้า






รูปลักษณ์ภายนอกของ Toyota Alphard PHEV และ Vellfire PHEV ไม่มีความแตกต่างจากรุ่น HEV Executive Lounge อย่างมีนัยสำคัญ จุดสังเกตเพียงอย่าง 2 อย่าง ที่จะทำให้เรารู้ว่านี่คือรุ่น Plug-in Hybrid คือ ตราสัญลักษณ์ PHEV ที่ประทับอยู่บริเวณมุมขวาล่างของบานฝาท้าย รวมไปถึงช่องชาร์จไฟฟ้าที่อยู่เหนือซุ้มล้อฝั่งขวาของตัวรถ
ด้านมิติตัวถังภายนอก รุ่น PHEV จะเท่ากันกับรุ่น HEV ทุกประการ ทว่าการติดตั้งแบตเตอรี่ High-volatge ที่มีขนาดและความจุเพิ่มขึ้น ส่งผลให้น้ำหนักตัวรถของรุ่น PHEV เพิ่มขึ้นอีก 80 กิโลกรัม (PHEV 2,470 กิโลกรัม และ HEV 2,390 กิโลกรัม)






ภายในห้องโดยสารของ Alphard PHEV และ Vellfire PHEV เป็นแบบ Executive Lounge เบาะนั่ง 3 แถว 6 ตำแหน่ง เบาะนั่งแถวที่ 2 สามารถเลื่อนขึ้นหน้า – ถอยหลังได้มากถึง 480 มิลลิเมตร และปรับส่วนต่างๆ ได้จากทั้งสวิตช์ด้านข้างเบาะ และหน้าจอ Tablet ขนาดกระทัดรัด มีโต๊ะพับอเนกประสงค์สำหรับวางคอมพิวเตอร์ อีกทั้งยังมีโปรแกรม Smart Comfort เอาไว้ปรับการนวดได้ 4 รูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น Dream, Relax, Focus และ Enegize ด้วยเช่นกัน
อุปกรณ์ต่างๆ ติดตั้งมาให้เช่นเดียวกับรุ่น HEV Executive Lounge ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอชุดมาตรวัดเป็นแบบ Full Digital ขนาด 12.3 นิ้ว ระบบแสดงผลบนกระจกบังลมหน้า Head-up Display แบบสี หน้าจอกลางเป็นแบบกึ่งลอยตัว ขนาด 14 นิ้ว พร้อมระบบนำทางผ่านดาวเทียม ชุดเครื่องเสียง JBL by Harman 12 ลำโพง รวมไปถึงชุดคอนโซล Super-Long Overhead Console เหนือศีรษะ ประกอบไปด้วยไฟสร้างบรรยากาศ 64 เฉดสี สวิตช์เครื่องปรับอากาศโซนที่ 3 หน้าจอความบันเทิง ขนาด 14 นิ้ว
โทนสีภายในห้องโดยสาร สำหรับ Alphard มีให้เลือก 2 รูปแบบ ได้แก่ สีดำ และสีเบจ ขณะที่ Vellfire จะมี สีดำ และสีน้ำตาล ให้เลือก



ขุมพลังของ Alphard PHEV และ Vellfire PHEv เป็นเครื่องยนต์รหัส A25A-FXS เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 2.5 ลิตร 2,487 ซีซี กระบอกสูบ x ช่วงชัก : 87.5 x 103.4 มิลลิเมตร ฉีดจ่ายเชื้อเพลิงแบบ Direct-injection D4-S พื้นฐานเดียวกับรุ่น HEV แต่ปรับจูนให้มีพละกำลังลดลง จาก 190 แรงม้า เหลือ 177 แรงม้า (PS) ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 180 แรงม้า 270 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ E-CVT ขับเคลื่อนล้อหน้า และมีมอเตอร์ไฟฟ้า 54 แรงม้า 121 นิวตันเมตร เข้ามาช่วยขับเคลื่อนในช่วงความเร็วต่ำ (ไม่เกิน 70 กิโลเมตร/ชั่วโมง)
ด้านแบตเตอรี่ High-voltage ได้รับการขยายความจุเพิ่มขึ้นเป็น 51 Ah หรือราวๆ 13 kWh รองรับชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ (3 kW) จาก 0 – 100 % ภายในเวลา 5 ชั่วโมง 30 นาที และรองรับการชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสตรง (9 kW) จาก 0 – 80% ภายในเวลา 33 นาที โดยประมาณ เมื่อชาร์จแบตเตอรี่เต็ม 100% ตัวรถสามารถแล่นได้ด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวได้ไกล 73 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTC
นอกจากนี้ รุ่น PHEV จะถูกติดตั้งสวิตช์ Charge Mode เพิ่มเติมเข้ามาให้ สำหรับสั่งให้เครื่องยนต์ทำงานตลอดเวลาเพื่อปั่นกระแสไฟฟ้ากลับเข้าสู่แบตเตอรี่ ก่อนจะสลับไปใช้ EV Mode ในสถานการณ์ต่อไป


Toyota Alphard / Vellfire PHEV มีกำหนดเปิดตัวอย่างเป็นทางการ พร้อมวางจำหน่ายในตลาดประเทศญี่ปุ่น ช่วงเดือน มกราคม 2025 สำหรับราคาจำหน่าย จะเริ่มต้นที่ 10,650,000 เยน หรือคิดเป็นเงินไทยราวๆ 2,350,000 บาท (ยังไม่รวมภาษีต่างๆ ของไทย) ค่าตัวสูงกว่ารุ่น HEV ราวๆ 20%
ที่มา : Toyota