หลังจากเปิดตัวครั้งแรกในปี 2021 ในฐานะ รถยนต์ไฟฟ้า BEV รุ่นแรกของ Toyota ที่ตั้งใจบุกตลาด EV อย่างเต็มตัว แม้ยอดขายในช่วงแรกจะยังไม่ร้อนแรงนัก แต่ Toyota ก็ยังคงเดินหน้าพัฒนารุ่นนี้ต่อเนื่อง จนกระทั่ง bZ4X รุ่นปรับโฉม Minorchange ปี 2025 ถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา มาพร้อม ดีไซน์รอบคันที่ทันสมัยยิ่งขึ้น ขุมพลังไฟฟ้าเจเนอเรชันใหม่ที่ทรงพลังขึ้น และระยะทางวิ่งต่อการชาร์จที่ไกลกว่าเดิม เพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขันในตลาด EV ที่ดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา มีการเผยภาพหลุดของ bZ4X Minorchange ขณะพรางตัววิ่งทดสอบบนถนนในประเทศไทย โดยผู้ใช้เฟซบุ๊ก Babyfresh Oum สมาชิกกลุ่ม EV Club Thailand Group หลังจากนั้น ทีมงาน Headlightmag ได้ติดตามข่าววงในและพบว่า Toyota มีแผนเปิดตัว bZ4X Minorchange อย่างเป็นทางการในประเทศไทยภายในปี 2025 โดยนำเข้าทั้งคันแบบ CBU จากญี่ปุ่น

ทว่าจากการที่ bZ4X Minorchange รุ่นประกอบในประเทศอินโดนีเซีย เพิ่งเปิดตัวเมื่อไม่นานมานี้ ทำให้เกิดกระแสข่าวว่าเวอร์ชันไทยอาจเปลี่ยนแผนเป็นนำเข้าจากอินโดนีเซีย แต่ข้อมูลจากวงในยืนยันว่า ไม่ใช่เรื่องจริง!

แหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ของ Headlightmag ยังคงยืนยันว่า Toyota bZ4X Minorchange เวอร์ชันไทย จะถูกสั่งนำเข้าแบบ CBU จากญี่ปุ่น เนื่องจากรุ่นประกอบในอินโดนีเซียใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศตำ่กว่า 40% ทำให้ไม่สามารถรับสิทธิ์ลดภาษี FTA เมื่อส่งเข้ามาจำหน่ายในไทย ดังนั้นการนำเข้าจากญี่ปุ่นจึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า นอกจากนี้ แหล่งข่าวยังระบุว่า Toyota ตั้งเป้าจะทำราคาจำหน่ายของ bZ4X ให้ถูกลง โดยมีให้เลือกทั้งรุ่นมอเตอร์เดี่ยว ขับเคลื่อนล้อหน้า FWD และรุ่นมอเตอร์คู่ ขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD และที่สำคัญคือ กำหนดการเปิดตัวในบ้านเราเร็วขึ้นกว่าที่คาด โดยคาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือน สิงหาคม นี้!

  

 

Toyota bZ4X รุ่นปรับโฉมปี 2025 ได้รับการปรับดีไซน์การออกแบบด้านใหม่โดยใช้ธีม Hammerhead เวอร์ชั่นล่าสุด เส้นสายกระจังหน้ามีความเหลี่ยมสันมากขึ้น พร้อมติดตั้งชุดไฟ Daytime Running Light รูปทรงตัว C แยกชุดกับไฟหน้าหลักที่ย้าย LED Projector Lens ไปอยู่บริเวณเปลือกกันชนหน้า นอกจากน้ี ยังปรับเปลี่ยนล้ออัลลอย ขนาด 20 นิ้ว เป็นลวดลายใหม่ เพื่อสร้างความแตกต่างของรุ่นก่อนและหลัง Minorchange เมื่อมองจากด้านข้าง

    

 

ภายในห้องโดยสาร ได้รับการปรับดีไซน์ของส่วนต่างๆ เริ่มจากช่องปรับอากาศที่ออกแบบให้กลมกลืนไปกับแผงคอนโซลหน้า พร้อมติดตั้งไฟ Ambient Light ตามสมัยนิยม แผงคอนโซลกลางดีไซน์ใหม่ถูกออกแบบเพื่อให้เอื้อต่อการติดตั้งอุปกรณ์อื่นๆ เพิ่มเติม เช่น แท่นชาร์จโทรศัพท์ไร้สาย Wireless Charger 2 ตำแหน่ง พร้อมสวิตช์ควบคุมเกียร์แบบ Shift-by-Wire ซึ่งย้ายตำแหน่งเข้าใกล้ตัวคนขับมากขึ้น

    

 

เดิมทีขุมพลังขับเคลื่อนของ Toyota bZ4X จะเป็นมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว 204 แรงม้า และมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ 218 แรงม้า พ่วงด้วยแบตเตอรี่ 71.4 kWh วิ่งได้ไกลสุด 411 กิโลเมตร (WLTP) ทว่าในรุ่นนี้ อัพเกรดมาใช้มอเตอร์ขับเคลื่อนและแบตเตอรี่ High-voltage ชุดใหม่ทั้งหมด โดยมีให้เลือก 3 รูปแบบ ดังนี้

Single Motor 57.7 kWh

ขับเคลื่อนล้อหน้า FWD ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 123 กิโลวัตต์ หรือ 167 แรงม้า (PS) พ่วงด้วยแบตเตอรี่ Lithium-ion ความจุ 57.7kWh พร้อมระบบ Battery Pre-conditioning รองรับการชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ AC สูงสุด 22kW และรองรับการชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสตรง DC สูงสุด 150kW

  • อัตราเร่ง 0-100 km/h ภายใน 8.6 วินาที
  • ระยะทางวิ่งสูงสุดต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ทำได้ 445 กิโลเมตร (WLTP)

Single Motor 73.1 kWh

ขับเคลื่อนล้อหน้า FWD ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 165 กิโลวัตต์ หรือ 224 แรงม้า (PS) พ่วงด้วยแบตเตอรี่ Lithium-ion ความจุ 73.1kWh พร้อมระบบ Battery Pre-conditioning รองรับการชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ AC สูงสุด 22kW และรองรับการชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสตรง DC สูงสุด 150kW

ตัวเลขสมรรถนะเคลมจากโรงงาน

  • อัตราเร่ง 0-100 km/h ภายใน 7.4 วินาที
  • ระยะทางวิ่งสูงสุดต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ทำได้ 573 กิโลเมตร (WLTP)

Dual Motor 73.1 kWh

ขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD พร้อมระบบควบคุมแรงบิด X-MODE ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว กำลังสูงสุด 252 กิโลวัตต์ หรือ 342 แรงม้า (PS) พ่วงด้วยแบตเตอรี่ Lithium-ion ความจุ 73.1kWh พร้อมระบบ Battery Pre-conditioning รองรับการชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ AC สูงสุด 22kW และรองรับการชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสตรง DC สูงสุด 150kW

ตัวเลขสมรรถนะเคลมจากโรงงาน

  • อัตราเร่ง 0-100 km/h ภายใน 5.1 วินาที
  • ระยะทางวิ่งสูงสุดต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ทำได้ 523 กิโลเมตร (WLTP)

Toyota bZ4X ใหม่ มาพร้อมการรับประกันคุณภาพตัวรถ Warranty 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร การรับประกันแบตเตอรี่ High-voltage นานสูงสุดถึง 10 ปี หรือ 1,000,000 กิโลเมตร พร้อมการันตีว่าค่า SoH หรือ State of Health ของแบตเตอรี่ High-volatge จะอยู่ที่ระดับมากกว่า 70% หลังผ่านการใช้งานไปเป็นระยะเวลา 10 ปี

     

 

รายละเอียดและความเคลื่อนไหวเพิ่มเติม สามารถติดตามต่อได้ทาง www.Headlightmag.com

———–//———–