แมลงมีทุกที่ ดนตรีทุกแห่ง ผมจำสโลแกนนี้ได้แม่นยำในหัวสมองดุจศิลาจารึกไว้ไม่ว่าเวลา
จะผ่านไปนานเท่าใด สโลแกนของค่ายเพลงเล็กๆค่ายหนึ่งในช่วงปลายยุค90 “Music Bugs
(มิวสิค บัคส์)”ของธเนศ วรากุลนุเคราะห์ ดนตรีแทรกซึมเข้ายังทุกสถานที่อย่างไม่ต้องสงสัย
ในห้องนอน เราเปิดเพลงที่เราอยากฟัง นอนกระดิกตีนฟังสบายใจเฉิบ ขณะนั่งขี้ เราฮัมเพลง
ด้วยความสบายใจ เมื่อเด็กๆฉี่ไม่ออก คุณพ่อคุณแม่มักผิวปากด้วยเสียงแหลมเล็กเพื่อกระตุ้น
กระเพาะปัสสาวะให้เร่งปล่อยปัสสาวะออกมาอย่างง่ายดาย ทันทีที่ปิดประตูรถ บิดกุญแจสตาร์ท
เข้าเกียร์ เหยียบคันเร่งออกตัวด้วยรอบเดินเบาคลานช้าๆถนอมเครื่องยนต์จนยานพาหนะเคลื่อน
ไปข้างหน้าได้ราวๆสิบนาที เสียงดนตรีที่คุ้นเคยจากซีดี หรือไฟล์เพลงที่เลือกไว้เริ่มต้นบรรเลง
อีกครั้งตามคำสั่งปลายนิ้วสัมผัส หรือแม้แต่ระบบสั่งงานด้วยเสียง ถ้าสำเนียงคุณเพียงพอจะ
ต่อกรกับSiriรู้เรื่อง

ยุคสมัยที่การไรท์CD-Rด้วยโปรแกรมนีโรยังมาไม่ถึง ผีที่อาละวาดวงการเพลงมีเพียง
เทปคาสเส็ทท์พีค็อคกับอีกสารพัดยี่ห้อ ความวุ่นวายเกิดขึ้นกับผู้ฟังที่ต้องเสียเวลาไล่กดปุ่มอัด
ทีละเพลงจากคาสเส็ทท์อัลบั้มแต่ละม้วนลงเทปเปล่าทั้งขนาด60หรือ90นาที โดยใช้เครื่องรับวิทยุ
ชนิดบูมบ็อกซ์สองหัวคาสเส็ทท์ทำหน้าที่โรงงานผลิตCompilation Albumส่วนตัว เมื่อเทคโนโลยี
ผีลุกลามเข้าสู่โลกดิจิตอล ผู้คนมากมายได้รับความสะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วยโปรแกรมนีโรที่เราสามารถ
ลากไฟล์เพลงจำหนวนหนึ่งลงCD-Rอย่างง่ายดาย กลายเป็นอัลบั้มส่วนตัวมีเพลงที่ชื่นชอบล้วนๆ
ทั้งชุด ถัดจากยุคไรท์เพลงลงCD-R ก็มาถึงยุคไฟล์เพลงดึงลงแท่งหรรษา(Thumb Drive)ไว้เสียบ
ตูด เอ่อ..ไม่ใช่ ไว้เสียบกับช่องUSBที่แทบจะกลายเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรถยนต์ทุกวันนี้

ในเมื่อทุกวันนี้ผู้คนในเมืองใหญ่ทั่วโลก รวมทั้งผู้อ่านของเว็บเราจำนวนมากคงใช้ชีวิตในรถวันละ
หลายชั่วโมง ทั้งในวิถีชีวิตการทำงานปกติ ขับรถไปกลับที่ทำงาน-บ้าน-พบปะลูกค้า-ปาร์ตี้เพื่อนฝูง
-หรือแม้แต่เดินทางไกล ร่างกายเราต้องนั่งจ่อมจมอยู่ในอิริยาบทเดิมหลายชั่วโมงกว่าจะมุ่งหน้า
สู่จุดหมาย นำพาความอ่อนล้าแก่ร่างกาย เชื่อว่าหลายคนน่าจะมีเพลงส่วนตัวที่ติดรถไว้ฟังเป็นประจำ
แต่จะมีสักกี่คนที่บรรจงตั้งใจเลือกเพลงไว้ฟังในแต่ละทริปท่องเที่ยวพอๆกับเลือกแว่นกันแดด เสื้อผ้า
หรือว่าที่พักจุดหมายปลายทาง บทความนี้ถือเสียว่าผมอาสาประเดิมจุดประกายให้ความตั้งใจดังกล่าว
ด้วยเซ็ทเพลงส่วนตัวที่พูดถึงการเดินทางสารพัดรูปแบบ อย่างไรก็ดีต้องออกตัวล้อฟรีล่วงหน้าก่อนว่า
นี่เป็นรสนิยมส่วนตัวที่รีดเค้นจากเพลงสารพัดยุค หลากหลายแนวทางดนตรี หากคุณผู้อ่านมีประสบ
การณ์รวมเพลงไว้ฟังเองขณะเดินทางไกล อย่าลืมส่งเซ็ทเพลงเหล่านั้นมาแบ่งปันกันฟังบ้าง

.

1.Pacific Coast Highway – Burt Bacharach

Pacific Coast Highway-Burt B.

เพลงบรรเลงหน้าBของแผ่นเสียงซิงเกิ้ล”I’ll Never Fall in Love Again” ว่ากันว่านี่คือเพลง
บรรเลงของBurtที่ใช้โครงสร้างดนตรีที่เกือบจะใกล้เคียงกับ I Say A Little Prayer เพลงฮิต
ของเขาก่อนหน้านี้สองปี เพลงบรรเลงเพลงนี้ตั้งชื่อตามทางหลวงเลียบชายฝั่งแปซิฟิค
แถบแคลิฟอร์เนียขึ้นไปทางเหนือ เพลงนี้ถูกแต่งขึ้นหลังเสร็จสิ้นภารกิจรัดตัวเร่งรีบตลอดทั้งวัน
ทันทีที่นั่งลงร่ายท่วงทำนองที่โดดเด่นด้วยเสียงฟลุ๊ต ไอเดียที่หลั่งไหลพลุ่งพล่านท่วมท้นดุจ
บิดวาล์วก๊อกน้ำด้วยแรงดันสูงสุด Pacific Coast Highwayแต่งเสร็จช่วงที่แสงจากโคมไฟส่อง
ถนนชุดสุดท้ายสาดลงบนเวิ้งน้ำที่ปาล์มสปริงช่วงเช้ามืดก่อนพระอาทิตย์ขึ้น

.
2. Ventura Highway-America

America-Ventura Highway

เคยมีคนสัพหยอกAmericaว่าเพลง A Horse With No Name ควรตั้งชื่อให้ม้าตัวนี้เสียที
อาชาเลอค่าในเพลงนี้คือผู้ที่พาวงดนตรีชื่อ”อเมริกา”ให้โด่งดังไปทั่วโลก ควรค่าแก่การมอบชื่อ
อันเป็นมงคลเท่านั้น และชื่อนั้นควรจะเป็น”Ventura”(Luck,Good Fortune) ผลงานมาสเตอร์พีซ
จำนวนไม่น้อยบนดาวนพเคราะห์ดวงนี้มีจุดเริ่มต้นบนท้องถนน Ventura Highwayแต่งขึ้นมาจาก
ความทรงจำในวัยเด็กของDewey Bennellนักร้องนำและผู้แต่งเพลงนี้ เมื่อครั้งที่เขา ในวัยเยาว์
พร้อมพี่ชายและพ่อ ผู้ทำหน้าที่สารถี กำลังมุ่งหน้าลงใต้เป้าหมายคือแคลิฟอร์เนีย ระหว่างทาง
รถยนต์เจ้ากรรมเกิดปัญหายางแตก การเดินทางต้องหยุดชะงักลงชั่วคราวเพื่อเปลี่ยนยางเส้นใหม่
ให้เรียบร้อย ระหว่างที่พ่อกำลังง่วนกับการโยกแม่แรง ขันประแจ สวมยางเส้นใหม่ใส่เข้าไปแทนที่
ยางเส้นที่แตกอยู่นั้น Deweyและพี่ชายขณะกำลังนอนทอดหุ่ยอยู่ด้วยกันที่ข้างถนน แหงนหน้า
มองขึ้นไปบนท้องฟ้าดูก้อนเมฆไปเรื่อยเปื่อย สายตาก็ไปปะทะกับป้ายเส้นทางที่มีชื่อกำกับว่า
Ventura Highway แค่นั้นเอง ความทรงจำในวัยเด็กเกี่ยวกับการเดินทางครั้งกระโน้นได้ถูกกระตุ้น
ขึ้นมาอีกครั้งในวัยหนุ่ม เคียงคู่มากับจินตนาการอันเจิดจ้าว่าด้วยสายลมแสงแดดโลดแล่นออกมา
เป็นอีกหนึ่งเพลงฮิตเพลงนี้ที่ต่อมาท่อนริ๊ฟกีตาร์อันเป็นเอกลักษณ์ถูกนำไปใช้กับอินโทรและท่อนฮุค
ของเพลงSomeone To Call My Lover โดยJanet Jackson ชีวิตคือการเดินทางบนถนนที่ทอด
ยาวไกล เป็นความโชคดีของทุกคน ที่มีโอกาสได้ชื่นชมความงามของเส้นทางชีวิต

.

3.Cars & Girls-Prefab Sprout
Prefab Sprout-Cars & Girls

Brucieที่Paddy McAlloonเขียนถึงในเพลงนี้คือ Bruce Springsteen เนื้อเพลงพูดถึง
บางด้านของการเดินทางของชีวิตของบรู๊ซ การดำเนินชีวิตที่บางครั้งอ่อนล้าทั้งสมอง
และร่างกายที่เหน็ดเหนื่อยเหงื่อท่วมกาย จนต้องกรีดร้องสะบัดความหนักหนาสาหัสออกมา
ไม่ต่างกับสภาพผ้าขี้ริ้วถูกบิดสุดแรง วงดนตรีจากนิวคาสเซิ่ลวงนี้มักถูกละเลยเมื่อเราต้องเอ่ย
ถึงวงดนตรีจากยุค80 หลายเพลงของพวกเขาอัดแน่นไปด้วยซาวดน์ดนตรีที่เยี่ยมยอดตั้งแต่
วินาทีแรกจนวินาทีสุดท้าย ก็ไม่แปลกเพราะเพลงของพวกเขายืนอยู่ในชาร์ตต่ำกว่าTop 20
เสียเป็นส่วนใหญ่

 

4.Fast Car-Tracy Chapman
Tracy Chapman-Fast Car

สาวผิวเข้มยิ่งกว่าโก้โกตรานางพยาบาล ผมหยิกหยอย เห็นรูปก็รู้ทันทีว่ามีเชื้อสายแอฟริกา
แม้ตามประวัติที่เสาะหามาได้บ่งบอกว่ามาจากรัฐโอไฮโอ นางแจ้งเกิดทันทีที่ออกอัลบั้มแรก
ในปี1988 จัดว่าเป็นศิลปินเพลงเพื่อชีวิต(ถ้าเราแยกหมวดหมู่แบบไทยๆ)เพลงที่เธอแต่งมักพูด
ถึงความยุติธรรมทางสังคม ถ่ายทอดออกมาในแง่มุมต่างๆ ความรุนแรง ความเกลียดชัง ความโลภ
ประชดปรัชันเสียดสีผู้มีอำนาจทางการเมือง กระแสที่เกิดแรงส่งให้เธอประสบความสำเร็จราวกับ
ตอกหมุดเพื่อย้ำว่า “ณ เวลานั้น คือช่วงเวลาอันรุ่งโรจน์ของชั้น”คือเมื่อครั้งที่เธอแสดงสดต่อหน้า
อดีตประธานาธิบดีประเทศแอฟริกาใต้ผู้ล่วงลับ”เนลสัน แมนเดล่า” นอกเหนือจาก
Baby Can I Hold Youที่กลายเป็นคลาสสิคฮิตไร้กาลเวลาไปแล้วเรียบร้อย Fast Carเป็นอีกเพลง
ที่ส่งให้นางแจ้งเกิดเช่นกัน ถ้าเราเชื่อกันว่านี่คือโลกของความเป็นจริงที่เต็มไปด้วยรอยปริแตก
ความย้อนแยง แอนตี้ไคลแมกซ์ การหลีกหนีจากจุดเดิมๆที่ยืนอยู่อาจเป็นวิธีที่ไม่สามารถแก้ปัญหา
ได้ชะงัด แต่อย่างน้อยความมุ่งมั่นที่ต้องการหลีกหนีจากความเส็งเคร็ง หลบเร้นจากปัญหาคาราคา
ซังแสนโสมมของสังคมที่อยู่อาศัยมาช้านาน เพื่อมุ่งไปข้างหน้าคาดหวังว่าชีวิตจะดีขึ้นกว่าเดิม
ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะเป็นไปไม่ได้

.

5.English Man in New York-Sting
Sting-Englishman in New York

บ่อยครั้งที่เรามักประสบพบเจอบุคคลประเภทที่ดูภายนอกเหมือนมีนิสัยร่าเริง
มนุษย์สัมพันธ์เยี่ยม เข้ากับผู้อื่นได้ดี มีบทสนทนาที่ชวนให้ผู้อื่นหลงใหลสนใจเสมอ
หากแต่แท้จริงแล้วเขาคนนั้นมีช่องว่างขนาดใหญ่เร้นหลบในใจ เป็นพื้นที่ประหนึ่งทะเลทราย
สุดขอบฟ้า ไม่ว่าจะรดน้ำลงไปเท่าใด ความชื้นจะเหือดหายไปฉับพลันทันใด น้ำถูกดูดลงดิน
หมดสิ้นเป็นพื้นที่ทุรกันดารในใจดังเดิม นี่คือสิ่งที่ผมคาดเดาว่า Quentip Crisp เกย์ไอคอน
นักเขียนชาวอังกฤษคงประสบพบเจอตลอดชีวิตในการพำนักอาศัยในบ้านเกิดประเทศอังกฤษ
ไม่น่าเชื่อว่าประเทศที่มีคนเก่งมากมายหลากหลายสาขาและขึ้นชื่อว่าศิวิไลซ์สุดขีดอย่างอังกฤษ
จะยังมีทัศนคติติดลบกับเกย์ เขาจึงเลือกที่จะย้ายถิ่นฐานไปนิวยอร์คตามชื่อเพลงที่Stingแต่งขึ้น
หลังจากพบกับCrisp แล้วCrispก็เล่าถึงปัญหาล้านแปดของการใช้ชีวิตของชาวเกย์บนเกาะอังกฤษ
นั่นคือ3วันก่อหน้าที่เขาจะขนของข้ามทะเลไปดื่มกาแฟที่NYแทนการดื่มชาในบ้านเกิด เพลงนี้มา
จากจากอัลบั้มเดี่ยวของStingในปี 1988 หลังจากวงThe Policeยุบตัวลงอย่างเป็นทางการ

.

6.Braided Hair-One Giant Leaps
One Giant Leap-Braided Hair

วงดนตรีที่นำเอาบางคำของประโยคแรกจากปากมนุษย์ที่ขึ้นไปเหยียบดวงจันทร์เป็นคนแรก
มาตั้งเป็นชื่อวง(That’s one small step for man, one giant leap for mankind./ นี่คือก้าวเล็กๆ
ของมนุษย์คนหนึ่ง แต่ว่าเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ -Neil Armstrong) One Giant Leap
คือชายสองคนจากลอนดอน Jamie Cattoแห่งวงFaithless และDuncan Bridgeman ทั้งคู่เดินทาง
ไปทั่วโลกด้วยเครื่องมือราคาถูกเท่าที่พอจะหาได้จากเงินในกระเป๋าอันน้อยนิดเพื่อบันทึกเสียงดนตรี
ซาวดน์ต่างๆที่ไม่เคยได้ยินที่ใดมาก่อนจากชนพื้นเมืองท้องถิ่นเพื่อนำมาตัดต่อทำเพลง ถ่ายวีดีโอเก็บ
ไว้เป็นฟุตเทจยาวเหยียดเพื่อนำกลับมาทำมิวสิควีดีโอ พวกเขาคือDiscovery Channelภาคดนตรีที่
เข้มข้นด้วยรายละเอียดทุกกระเบียดนิ้วจนน่าปรบมือให้ยาวๆ และกล่าวจากใจได้เต็มปากเต็มคำว่านี่
คือWorld Musicยุคหลังสหัสวรรษใหม่ที่ยอดเยี่ยมไร้ที่ติ

.

7.Born To Run-Bruce Springsteen
Bruce Springsteen-Born To Run

ใครๆก็เรียกเขาว่า The Boss ฉายานี้ได้มาตั้งแต่สมัยที่ยังตระเวนเล่นดนตรีตามผับกับ
วงThe E Street Band เขาคือคนทำหน้าที่รับเงินจากผู้จ้างแล้วจึงนำมาเฉลี่ยแบ่งให้
คนในวง Bruce Springsteenมีรูปลักษณ์ที่ดูหล่อ เท่ ดิบ และโคตรแมนในแบบร็อค
สตาร์สุดเซอร์บนหน้าปกอัลบั้ม “Born to Run” (1975) ที่เขาสวมแจ็คเก็ตหนังสีดำ
เสื้อกล้ามขาวคอย้วย และกางเกงยีนส์ตัวฟิตมีกลิ่นอายหนุ่มบ้านนอกนิดหน่อยด้วย
เสื้อโปโลผ้าคอตตอนลายทาง ผมหยักศก Born To Runพูดถึงการเขียนจดหมาย
รักถึงผู้หญิงชื่อWendy ความโหยหาอาลัยที่มีต่อเวนดี้ อาการฟูมฟายต่อเรื่องความรัก
จนออกทะเลไปถึงสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นเต็มปรี่บนเนื้อเพลงถูกถ่ายทอดพรั่งพรูออกมาจาก
พลังหนุ่ม(ตอนนั้น)ในขณะเดินทางไปบนทางหลวงสุดสายตา

.

8.Life On Mars-David Bowie
David Bowie-Life On Mars

ในสังคมแห่งการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น สายตาของเราที่มีต่อผู้คนรอบข้างไม่ต่าง
อะไรกับสัตว์ป่าที่กางเล็บเตรียมพร้อมตะปบศัตรูที่อาจจะกระโจนเข้ามาทำร้าย
ได้ตลอดทุกวินาที ไม่ว่าจะระมัดระวังแค่ไหน ก็ไม่มีคำว่ามากเกินไป ถ้าสิ่งเหล่านั้น
มันคือความเสี่ยงถึงแก่ชีวิต เดวิด โบวี่ แต่งเพลงนี้ขึ้นมาด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ
เรื่องที่ถูกแย่งลิขสิทธิ์ การเขียนเพลง My Way(เพลงที่โด่งดังที่สุดเพลงหนึ่งของ
Frank Sinatra เขียนขึ้นโดย Paul Anka และลือกันว่า พอล แองก้า คือมาเฟียใน
วงการเพลงยุคนั้น) จนทำให้ เพลง Life on Mars? มีคอร์ดแบบเดียวกับ My Way
เนื้อเพลงเล่าเรื่องของเด็กสาวที่ทะเลาะกับพ่อแม่ หนีออกไปดูภาพยนตร์คนเดียว
แต่ตัวภาพยนตร์นั้นก็ซ้ำซาก แต่ละฉากเล่าแต่เรื่องความเศร้าเดิม ๆ ที่พบเห็นมาก
พอแล้วในชีวิตจริง จนรู้สึกว่าชีวิตของฉันควรอยู่บนโลกนี้จริง ๆ หรือ หรือจริง ๆ แล้ว
ฉันควรมีชีวิตอยู่บนดาวอังคาร ฉันควรไปสร้างทัชมาฮาลแห่งความสุขของฉันบนนั้น
ตัวเพลงเล่นด้วยเสียงเปียโนเศร้า ฝีมือของ ริค เวคแมน แห่งวง YES และแน่นอนว่า
เดวิด โบวี่ คือผู้แต่งเพลงนี้

.

9.Dance With Me-Orleans
Orleans-Dance With Me

เพลงนี้ถูกรวมไว้ในแผ่นซีดีที่แจกนักข่าวในรอบสื่อมวลชนวันเปิดตัวอย่างเป็น
ทางการของ NISSAN TEANA J33 เป็นความร่วมมือของNISSANกับBOSCHที่ตั้งใจ
คัดสรรเพลงที่มีการบันทึกเสียงที่ได้คุณภาพเลิศเลอคู่ควรแก่ชุดเครื่องเสียงยี่ห้อดังกล่าว
ซึ่งถูกติดตั้งไว้ในTEANA วงพ๊อพร๊อคจากนิวยอร์ค ทำเพลงนุ่มนวลชวนฝันล่องลอยไป
ตามจินตนาการเปี่ยมไปด้วยการมองโลกในแง่ดี Dance With Meเป็นการพร่ำพรรณา
ของชายหนุ่มที่วาดภาพอยากให้หญิงสาวที่ตนหลงรักก้าวเท้าออกมาเต้นรำด้วยกัน
ราวกับฉากโรแมนติกที่ทั้งคู่ได้ออกเดทรับประทานอาหารค่ำอย่างเอร็ดอร่อยจากนั้น
ทั้งคู่ก็ก้าวเท้าสู่ฟลอร์เต้นรำ ขนจมูกแทบจะเสียดสีกัน เห็นรูขุมขนทุกอณูบนใบหน้า
เสียงประสานสุดไพเราะที่เอื้อนออกมาพร้อมเพรียงของพวกเขาเป็นเสน่ห์ที่ทำให้
เพลงนี้ติดหูอยู่หลายวันทีเดียว

 

10.I’ll Really Love To See You Tonight-England Dan & John Ford Coley
England Dan & John Ford Coley

ทั้งคู่เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนกันสมัยเด็กที่อาศัยอยู่ในรัฐเท็กซัส Danny Wayland
เรียกชื่อตนเองบนปกอัลบั้มว่าEngland Dan ซึ่งมีที่มาจากความชื่นชอบเป็นการ
ส่วนตัวที่มีต่อวงดนตรีจากอังกฤษ (The Beatles) กลิ่นอายดนตรีคันทรี่พ๊อพของ
พวกเขาบนความยาวเพียงแค่2.40นาที อุดมไปด้วยเมโลดี้ที่งดงามเปล่งปลั่งกระชุ่ม
กระชวยพอๆกับความสดชื่นที่เราโอบรับไว้ทันทีทันใดเมื่อขับรถไต่ขึ้นสู่เส้นทางถนน
สูงชัน พลันที่พ้นจากการใช้เกียร์ต่ำรอบเครื่องยนต์สูงลิ่วแล้วกลับเข้าสู่โหมดขับขี่ปกติ
ภาพที่ปรากฎตรงหน้าคือแมกไม้สองฟากฝั่งแผ่กิ่งก้านสาขาออกมากอดเกี่ยวกันไว้เป็น
หลังคาโดยมิได้ตั้งใจ เนื้อเพลงแลดูเก้อเขินเหมือนยืนพูดความในใจต่อหน้าสาวสวยที่
ตนหลงรัก กระสับกระส่าย มือไม้ไม่รู้ว่าจะวางไว้ตรงไหนดี ถ้อยคำที่ฝึกซ้อมพูดหน้า
กระจกเป็นอันว่าลืมสนิท ประโยคต่างๆเรียบเรียงสลับที่ผิดตำแหน่งกระจัดกระจาย
คล้ายชุดเครื่องครัวที่ใครก็ไม่รู้เอามาวางไว้บนหัวเตียง ทั้งๆที่ความในใจที่อยากพูด
นั้นมีอยู่แค่ว่า อยากเจอคุณจังเลย นานแค่ไหนแล้วที่เราไม่ได้เจอกัน อยากจะไปเดิน
เล่นด้วยกันที่ชายหาดบ้างไหม หรือจะแค่นั่งดูทีวีด้วยกันก็ได้นะ แต่ในเพลงนี่คล้าย
ชวนผู้หญิงมาอยู่ด้วยกันเลยนะนั่น

 

MUSIC GETS THE BEST OF ME