ช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสขับรถไปเที่ยวภาคเหนือ วางแผนไว้ว่า
จะขับรถขึ้นไปเอง จัดทริปไว้คร่าวๆ จากกรุงเทพ-เชียงราย-เชียงใหม่-ลำปาง-
พิษณุโลก-กรุงเทพ (นี่คือจังหวัดที่แวะตามสถานที่ต่างๆครับ ) ก็เลยอยากจะมาแชร์
ประสบการณ์การเดินทาง สถานที่ท่องเทียว และที่สำคัญ รายงานผลอัตราสิ้นเปลือง
ของรถที่ใช้ในทริปนี้ไปด้วยเลยนั่นก็คือ………

All new Isuzu D-max Cab4 Hi-lander 3.0VGS 5A/T  Z-Prestige
(ชื่อรุ่นจะยาวไปไหนเนี่ยย !) เรียกง่ายๆก็ 4 ประตูยกสูงเครื่อง 3.0 เกียร์ออโต้ตัวท๊อป

001

ผู้โดยสารทั้งหมด 5 คน ตลอดการเดินทางนี้ น้ำหนักรวม 365 กิโลกรัม + สัมภาระ
เต็มกระบะท้าย (ไม่เกินขอบกระบะ) เป็นกระเป๋าเดินทาง 2 ใบใหญ่ กล่องเก็บของขนาดใหญ่
ตะกร้าผ้า 2ใบ และของจุกจิกเล็กๆน้อยๆ

โดยที่ออกเดินทางจากกรุงเทพ เย็นวันที่ 28 ธันวาคม เวลาประมาณ 16.30 น.
เริ่มนับระยะทาง น้ำมันเติมเต็มถังหัวจ่ายตัด ที่ระยะ เลขไมล์ 7425 km.
น้ำมันที่ใช้เป็น Shell V-power Diesel Nitro Plus

003 002

ใช้เส้นทางดังนี้ครับ

16.30น.    นนทบุรี-ปทุมธานี-อยุธยา-สิงห์บุรี

ใช้ความเร็วได้ไม่ค่อยมากครับ ถึงสิงห์บุรีประมาณ 2 ทุ่ม รถติดค่อนข้างมาก
พักรอบแรกที่ปั้ม ปตท.สิงห์บุรีครับ ทานอาหารเย็นกัน รถที่มาแวะก็แน่นเลยครับ

20.30น.   สิงห์บุรี-ชัยนาท-อ่างทอง-อุทัยธานี-นครสวรรค์-กำแำพงเพชร-ตาก-ลำปาง

ช่วงนี้ใช้ความเร็วเฉลี่ยประมาณ 110-120 km/h ครับ เพราะว่าถนนช่วงกำแพงเพชร-ตาก
-อ.เถิน ถนนไม่ค่อยดีครับ ขรุขระ ไม่เรียบ กลัวช่วงล่างจะไปไวน่ะครับ ฮ่าๆๆ
มาพักครั้งที่ 2 ครับที่ ปั้มปตท.ลำปางครับ ประมาณเที่ยงคืน (ทำใจครับช่วงเทศกาลรถเยอะ)

004

00.10น.    ลำปาง-ลำพูน-เชียงใหม่-พะเยา-เชียงราย-ภูชี้ฟ้า

ช่วงนี้ต้องทำเวลาครับ กลัวขึ้นไปดูพระอาทิตย์ขึ้นไม่ทัน ใช้ความเร็วเฉลี่ย 120-140 km/h ครับ
มีช่วงพะเยา-เชียงราย ที่เป็นทางขึ้นลงเขาคดเคี้ยว ช่วงนั้นเกือบวูบไปหลายทีเลยครับ ง่วงมาก
เพราะขับคนเดียวตั้งแต่กรุงเทพเลย (คนอื่นหลับหมด) มาขึ้นเขาอีกที ตอนจะขึ้นภูชี้ฟ้าครับ
ค่อนข้างชันและแคบ ต้องใช้โหมด + – เนื่องจากข้างทางมืด ไม่มีแสงไฟเลย ใช้ไฟหน้ารถ
อย่างเดียว บวกกับไม่เคยขับขึ้นมาก่อนเลยครับ ดูจาก GPS Navigator ที่ติดรถมาให้ของ
Garmin อย่างเดียวเลยครับ ก็ถือว่าใช้ได้ทีเดียว พามาถึงจุดหมายได้ ถึงลานจอดรถที่ภูชี้ฟ้า
เวลา ตี5 พอดีครับ ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้เอะใจอะไร เพราะปีนี้ถือว่าอากาศ ค่อนข้างร้อนที่กรุงเทพฯ
และระหว่างทางที่แวะอากาศก็ไม่ได้เย็นมาก แต่………………………

005

แต่เมื่อลงจากรถ อากาศเย็นมากครับ หยิบเสื้อกันหนาวมาใส่แทบไม่ทัน รองเท้าก็เตรียมมาแต่
รองเท้าแตะ ไม่คิดว่าจะหนาวแบบนี้ เลยต้องซื้อถุงเท้าเอาที่ร้านค้าแถวนี้ครับ ก็มีขายอยู่

จากจุดจอดรถก็ต้องนั่งรถต่อครับ เป็นรถท้องถิ่น กระบะตอนเดียว กระบะแค็ป วิ่งให้บริการ
รับส่งขึ้น-ลง เนื่องจากด้านบนพื้นที่ค่อนข้างน้อยครับ บวกกับปริมาณคนค่อนข้างเยอะ
เลยต้องจัดระเบียบแบบนี้ ทางขึ้นก็ค่อนข้างแคบครับ ผมว่าก็ดีเหมือนกัน ค่าบริการ
ถ้าจำไม่ผิดคนละ 40 บาทครับ ถึงจุดที่รถปล่อยลง ต้องเดินขึ้นไปบนยอดอีกประมาณ
ราวๆ 500 เมตรครับ (ถ้าผู้สูงอายุและเด็กเล็กจะลำบากนิดนึงนะครับ)

แต่มาถึงภูชี้ฟ้าแล้วหายเหนื่อยเลยครับ ได้ชมบรรยากาศพระอาทิตย์ค่อยๆขึ้นทีละนิด
ตั้งแต่เป็นแสง จนกระทั่งขึ้นมาเป็นดวงกลมๆเล็กๆที่ปลายขอบฟ้า พอสว่างขึ้นก็เริ่มเห็น
เป็นทะเลหมอก สวยงามมากๆเลยครับ ผมคิดในทันทีว่า บรรยากาศแบบนี้ถ้าไม่ลำบากเกินไป
ควรจะได้มาเห็นกันซักครั้งในชีวิตครับ ข้างบนยอดลมค่อนข้างแรง อากาศก็ค่อนข้างเย็น
ประมาณ 8-9 องศาเซลเซียสครับ (ดูจาก Application บน Smart Phone)

006007

ข้างบนไม่มีรั้วกั้นใดๆทั้งสิ้น พาเด็กๆขึ้นไปก็ต้องระวังกันนิดนึงครับ ระหว่างทางก็จะมีเด็กชาวเขา
แต่งตัวเต็มยศ มาคอยเรียกเราให้ถ่ายรูปด้วย 20 บาท ” พี่ๆ ถ่ายรูปกับเด็กชาวเขา…….”
เรียงรายตามทางเลยครับ น่ารักดี 🙂

009
008

09.30น. ก็ถึงเวลาลงจากภูชี้ฟ้าแล้วครับ หลังจากดื่มด่ำความงดงามอยู่ 3 ชั่วโมงได้ ตอนขึ้นไม่ได้เห็นวิว
แต่ตอนลงเห็นชัดเลยครับ สวยงามมากๆ

010

จากภูชี้ฟ้า ลงมาด้านล่าง มุ่งหน้าสู่วัดร่องขุ่น ความเร็วก็ประมาณ 100-110 km/h ครับ
เพราะว่าหมอกยังลงจัดเลยครับ 10.00 น. เชียงรายอากาศค่อนข้างดีกว่าเชียงใหม่ พอสมควรเลยครับ


011

ก่อนเข้าวัดร่องขุ่น ไฟเตือนน้ำมันขึ้นพอดีครับ แวะเติมที่ปั้มคาร์เท็กซ์ เยื้องๆวัดร่องขุ่น

เติมน้ำมันครั้งที่ #1
เติมกลับเต็มถังหัวจ่ายตัด (เลขไมล์ที่ 8,410 กิโลเมตร)
วัดระยะทางได้ 985.3 กิโลเมตร
น้ำมันเติมกลับ 68.00 ลิตร
เป็นเงิน 2,070 บาท @ ดีเซลลิตรละ 30.44 บาท น้ำมันแพงกว่ากทม.เล็กน้อยครับ
ได้อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 14.48 km/l

 

 

014012_1

จากนั้นเข้าสู่วัดร่องขุ่นครับ อุโบสถสีขาว งดงามมาก แต่วันที่ไปคนเยอะไปหน่อยครับ
เลยไม่มีเวลาได้ชื่นชมสถาปัตยกรรมมากนัก

วัดร่องขุ่น เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ พ.ศ. 2540 โดยอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ จิตรกรชั้นแนวหน้า
ของไทย ได้สร้างงานพุทธศิลป์ถวายเป็นงานศิลปะประจำรัชกาลพระองค์ท่าน โดยปรารถนา
จะสร้างวัดให้เหมือนเมืองสวรรค์ที่มนุษย์สัมผัสได้ บนพื้นที่เดิมของวัด 3 ไร่ และอาจารย์เฉลิมชัย
ได้บริจาคทรัพย์สินส่วนตัว และคุณวันชัย วิชญชาคร เป็นผู้บริจาคที่ดินประมาณ 7 ไร่เศษ
รวมเงินบริจาคของผู้มีจิตศรัทธาอื่นๆ จนถึงปัจจุบันมีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 12 ไร่ ครับ

015

หลังจากนั้นยิงยาวไปสามเหลี่ยมทองคำ เพื่อเข้าที่พักเลยครับ ระยะทางเหมือนจะไม่ไกล
แต่ขับนานเหมือนกันครับ โชคดีที่ถนนหนทางค่อนข้างดี เลยใช้ระยะเวลาไม่นานมาก
ออกจากวัดร่องขุ่นประมาณเกือบๆบ่ายโมง ถึงที่พักเวลา 15.00 น. พักที่โรงแรม
Imperial Golden Triangle ติดแม่น้ำโขงเลยครับ

016

ได้งีบหัวถึงหมอนซักนิดหลังจาก ขับมาตั้งแต่ 16.30น.ของเมื่อวาน ตกเย็นก็ออกไปทานข้าว
ที่ร้านศรีวรรณ หน้าโรงแรม ติดแม่น้ำ เป็นร้านขึ้นชื่อแถวนี้เลยครับ (ขออภัยเล็กน้อยที่ไม่ได้ถ่าย
บรรยากาศห้องพักและโรงแรมมาฝากกันครับ ค่อนข้างเพลีย เข้าห้องแล้วก็หัวถึงหมอนเลย)

017_1

อันนี้เป็นบรรยากาศยามเช้า ริมฝั่งแม่น้ำโขง ไทย-ลาว-พม่า ครับ

019020022

เช้าวันรุ่งขึ้น 10.30 น. เดินทางกลับสู่จ.เชียงใหม่ เพื่อขึ้นดอยอินทนนท์ จะเห็นว่าอะไรกัน !
ขับมาตั้งไกล มาอยู่แปปเดียวแค่เนี้ย?? ใช่ครับ…แหะๆ เนื่องจากคาดการณ์ผิดไปหน่อย
ที่จริงมีโปรแกรมจะแวะดอยแม่สลองก่อน จะเข้าเช็คอินที่โรงแรม เลยหาที่พักที่ไม่ไกล
จากดอยแม่สลองมากนัก กะว่า ได้มาเดินเล่นแถวๆ สามเหลี่ยมทองคำซักหน่อย แต่ผิดคาดครับ
รถติด ทำให้ล้าจากการขับรถพอสมควร เลยตัดสินใจไม่แวะ เลยทำให้วนไปวนมา
เสียเวลาไปกับการเดินทางซะเยอะครับ

022_1

มุ่งหน้าเดินทางจากสามเหลี่ยมทองคำ จ.เชียงราย สู่ ดอยอินทนนน์ จ.เชียงใหม่
หลายคนคงนึกว่า แปปเดียวก็ถึง แต่ความจริงเปล่าเลยครับ พอออกมาต่างจังหวัด
ระยะทางระหว่างจังหวัดค่อนข้างไกล ไม่เหมือนอยู่กรุงเทพฯ ไป นนทบุรี ไปสมุทรปราการ
แปปเดียวเองครับ แต่นี้ใช้เวลาประมาณเกือบๆ 3 ชั่วโมงเลยทีเดียวครับ วิ่งจากสุดเชียงราย
เข้าสู่ตัวเมืองเชียงใหม่ สาหัสเอาการเลยทีเดียวครับ ทางที่วิ่งกลับมาเป็นคนละทาง
ที่วิ่งจากพะเยา-เชียงรายครับ สารภาพเลยว่ากด Navi อย่างเดียวเลยครับ ฮ่าๆๆๆ
รู้สึกว่าจะเป็นเส้นเชียงราย-เชียงใหม่ ที่ผ่านอำเภอแม่สรวยครับ เห็นแว้บๆมีพวก
ไร่สตอเบอรี่ข้างทางด้วย (น่าจะใช่นะครับ ฮ่าๆๆๆ) แต่ก่อนไม่เคยนึกว่า Navigator
ติดรถจะมีประโยชน์ พึ่งจะรู้ก็คราวนี้แหละครับ ใช้บ่อยเลยทุกเส้นทาง
บางครั้งจะหวังพึ่ง Google Maps บน Smart Phone บางทีก็พึ่งไม่ได้ครับ บนเขา
บนดอย บางทีสัญญาณเน็ตก็ไม่ค่อยมี อาจจะหลงทางได้ครับ

028

ก่อนขึ้นดอยก็แวะเช็คอินที่พักกันก่อนครับ พักที่ ธาราบุรี รีสอร์ทแอนด์สปา เป็นทางผ่านพอดี
ห้องพักที่นี่ดีมากๆครับ ถือว่าค่อนข้างประทับใจ และคิดว่าถ้ามาเชียงใหม่อีก ก็จะมาพักที่นี่ครับ
จองผ่าน Agoda ได้ราคาช่วงเทศกาลปีใหม่ แค่ห้องละ 1,300 บาทครับ ถูกมากๆ บรรยากาศดี
ร่มรื่น และสงบ ไม่พลุกพล่านครับ มีสระว่ายน้ำด้วย

029_1031

เข้ามาห้องพักก็ใหญ่มากครับ ดูผ่านจากเว็บก็ไม่แน่ใจว่ารูปมันเว่อร์รึเปล่า แต่ดูขนาดห้อง
ก็พอเบาใจได้บ้างตอนจอง ขนาดห้อง 87 ตารางเมตรครับ ฟังไม่ผิดครับ ห้องใหญ่ขนาดนี้
(ปกติโรงแรมทั่วไปก็ 30-35 ตารางเมตรสำหรับห้อง Deluxe Standard) ราคาแค่พันต้นๆ

ห้องพักมีแบ่งเป็น 4 ส่วน ห้องนั่งเล่น ห้องครัว ห้องนอน และก็ห้องน้ำครับ
ห้องครัวก็มีตู้เย็น ซิงค์ล้างจาก เคาน์เตอร์ และโต๊ะทานข้าวพร้อม
ห้องน้ำมีทั้งอ่างอาบน้ำ และส่วน Outdoor Rain Shower

032033034035_1

แล้วรีบบึ่งรถไปต่อเลยครับ ขึ้นดอยอินทนนท์ รถติดมากครับทางขึ้นคนเยอะพอสมควร
ว่าจะขึ้นไปยอดดอยแต่เวลาหมดซะก่อน เลยไปได้แค่น้ำตกวชิรธารครับ ถึงเวลา 16.30 น.
น้ำตกสวยมากๆครับ น้ำกระเซ็นตัวเปียกตลอดเลย น้ำแรงมากๆ สดชื่นเลยครับ
(แต่เห็นเค้าว่าน้ำตกแม่ยะก็สวยไม่แพ้กัน ไว้คราวหน้าคงจะได้แวะไปครับ)

023

จากนั้น 17.30 ก็รีบลงมาจากดอยมุ่งหน้าสู่ เชียงใหม่ ไนท์ซาฟารี ชมสัตว์น้อยใหญ่ช่วงค่ำๆครับ
ลงมาจากดอยถึงไนท์ซาฟาีรีประมาณ 18.30 น. คนเยอะอีกเช่นเคยครับ ช่วงเทศกาลทำไงได้ เหอๆๆ

025026027

เชียงใหม่ ไนท์ซาฟารีก็มีหลายส่วนครับ ทั้งแสดงโชว์ เดินชมสัตว์ และนั่งรถชมสัตว์
ตอนกลางคืนครับ ก็ใกล้ชิดกันดี เด็กๆไปก็น่าจะตื่นตาตื่นใจ ร่าเริงกันน่าดูเลยครับ

ตื่นมาเช้าวันรุ่งขึ้น พบกับสภาพรถที่ค่อนข้างจะเละทีเดียวเชียวครับ เพราะถนน
ช่วงจะไปสามเหลี่ยมทองคำ กำลังทำทางกันอยู่เลย แดงลูกรังมาเชียว

037

วันนี้ไม่ค่อยได้ไปไหนมากครับ มีทำบุญเปิดร้านของญาติที่เชียงใหม่ช่วงเช้า
จากนั้นช่วงบ่ายขับเที่ยวเล่นในตัวเมือง แวะตลาดวโรรส ซื้อแค็ปหมู น้ำพริกหนุ่ม
ไส้อั่ว ที่ร้านดำรงค์ครับ (เจ้านี้เค้าว่าขึ้นชื่ออันดับต้นๆของเชียงใหม่เลยครับ)

040

ตกเย็นไปรับประทานอาหารแบบขันโตกที่ร้านอาหารคุ้มขันโตกครับ บรรยากาศดี
มีการแสดงอาหารอร่อยครับ อาหารเป็นแบบบุฟเฟ่ต์เติมได้ไม่อั้นครับ นั่งรับประทาน
ที่พื้นโดยมีการปูเสื่อ และหมอนอิงทรงสามเหลี่ยมไว้ให้ครับ หรือจะนั่งทานที่โต๊ะ
ก็มีให้เลือกเช่นกันครับ ระหว่างรับประทานก็มีการแสดงให้ชมเรื่อยๆครับ ไม่เบื่อเลย
ได้เปลี่ยนบรรยากาศการรับประทานอาหารไปก็ดีเหมือนกันครับ 🙂

อาหารก็รสชาติดีเลยครับ มีข้าวเหนียว ไก่ทอด แค็ปหมู น้ำพริกอ่อง หมี่กรอบ แกงฮังเล
น้ำพริกหนุ่ม ผักลวก กล้วยทอด ผลไม้ ชา-กาแฟ เติมได้ไม่อั้น ปกติผมไม่ค่อยชอบ
กินน้ำพริกนะครับ แต่ก็จัดไปเยอะอยู่ เพราะอร่อยดีครับ ทั้งหมดนี้เติมได้เรื่อยๆครับ ไม่อั้น
สนนราคาก็ตกหัวละประมาณ 500 บาทครับ รวมทุกอย่างแล้ว

038039

เช้าวันเดินทางกลับ
ออกจากเชียงใหม่ ประมาณ 10.00 น.  แวะเติมน้ำมันให้เต็มถังก่อนยิงยาวเข้าสู่กรุงเทพ
ที่ปั้มเชลล์ @ ลำพูน ครับ เติม V-power Diesel Nitro Plus
(เติมถังนี้ส่วนใหญ่วิ่งขึ้นลงเขาและในเมืองครับ)

เติมน้ำมันครั้งที่ #2
เติมกลับเต็มถังหัวจ่ายตัด (เลขไมล์ที่ 8,982 กิโลเมตร)

วัดระยะทางได้ 571.9 กิโลเมตร
น้ำมันเติมกลับ 44.79 ลิตร
เป็นเงิน 1,500 บาท @ ดีเซลลิตรละ 33.49 บาท น้ำมันแพงกว่ากทม.อีกเช่นเคยครับ
ได้อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 12.76 km/l

043041042

อ่านต่ออีกนิดครับ ใกล้จบทริปเต็มทีแล้วครับ ขับรถเหนื่อยมากๆ
เรียกได้ว่า 1/4 ของเวลาทั้งหมด อยู่บนรถครับ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ

จากลำพูน มุ่งหน้าสู่ลำปางครับ แวะสักการะ วัดพระธาตุลำปางหลวง ถึงเวลาประมาณ 11.30 น.
เพื่อเป็นสิริมงคลในวันปีใหม่ครับ ใช้ความเร็วเฉลี่ย 120 km/h ครับ ทางค่อนข้างดี

044_1

จากนั้นมุ่งหน้าสู่จังหวัดพิษณุโลก
ใช้เส้นทางตัดลัดเลาะตามเขา เส้น ลำปาง-สุโขทัย-พิษณุโลก >>
ความเร็วเฉลี่ยที่ 110-140 km/h ที่ความเร็วแกว่งมาก เพราะว่าขึ้นลงเขาเยอะพอสมควรครับ
ใช้เส้นทางตัดเขาเข้าสุโขทัย เพราะว่าจะแวะที่ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ (พระพุทธชินราช)

047

ถึงเวลาประมาณ 17.30 น.ครับ เพราะว่าหลงทางตัดเขาไปเยอะเหมือนกัน
ป้อนค่าใน Navigator ผิดเพราะมีชื่อวัดซ้ำกันนี้อยู่จ.สุโขทัยครับ เลยต้องขึ้นเขา-ลงเขา
เยอะเหมือนกัน กว่าจะถึงพิษณุโลกเล่นเอาเกือบตัดใจเข้ากรุงเทพแล้วครับ แต่พอดีโทรคุย
กับญาติที่กลับกทม.ด้วยกันอีกคัน เค้าก็ยังไม่ถึงเหมือนกัน ใช้เส้นทางปกติ ก็เลย เสี่ยงดูซักตั้ง
เพราะตอนแรกไม่อยากถึงบ้านดึกครับ น้องสาวมีเรียนเช้าวันรุ่งขึ้น

048049

บรรยากาศรอบๆวัดครับ น่านั่งพักผ่อนมากครับ

050

ออกจากวัดประมาณ 18.30 น. มุ่งหน้าตรงทำเวลาสู่กรุงเทพ
ใช้เส้นทางพิษณุโลก-พิจิตร-นครสวรรค์-อุทัยธานี-ชัยนาท-สิงห์บุรี-อ่างทอง
ใช้เส้นทางเลี่ยงเมือง (รถติดมากกกกกเลยครับสายเอเชีย) เข้าอยุธยาอ้อมไปปทุมธานี-นนทบุรี
และถึงบ้านเวลา 00.10 น. ครับ เหนื่อยโฮกกกกก  ช่วงนี้ใช้ความเร็ว 120-140 km/h ครับ
ทางเลี่ยงเมืองถนนโล่ง

นี่เป็นรูปสัมภาระที่ท้ายกระบะ ก็ใส่เต็มพอดีแหละครับ

051

 

ตื่นเช้ามา สิ่งที่ทำเป็นอันดับแรก เติมน้ำมันครับ
เพื่อวัดอัตราสิ้นเปลือง ที่ปั้มเชลล์ @สี่แยกบางพลู เติม V-power Diesel Nitro Plus

เติมน้ำมันครั้งที่ #3
เติมกลับเต็มถังหัวจ่ายตัด (เลขไมล์ที่ 9,726 กิโลเมตร)

วัดระยะทางได้ 743.3 กิโลเมตร
น้ำมันเติมกลับ 49.42 ลิตร
เป็นเงิน 1,620 บาท @ ดีเซลลิตรละ 32.78 บาท น้ำมันราคาปกติแล้วครับ
ได้อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 15.04 km/l

054052053

———————————————————————————————

รวบรัดตัดความ
สรุปทริปนี้ รวมระยะทางทั้งสิ้น 2,300.5 km
ใช้น้ำมันไป 162.21 ลิตร (เป็นเงิน 5,190 บาท)
อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 14.18 km/l
เฉลี่ย 2.25บาท/กิโลเมตร

ขอจบการรายงานเพียงเท่านี้ครับ ขอขอบคุณที่ติดตามครับผม ^^