อีกหนึ่งค่ายรถหรูแดนไวกิ้ง ที่ประกาศยกเลิกการทำตลาดรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายในล้วน ตั้งแต่ปี 2025 เป็นต้นไป เมื่อปี 2021 ที่ผ่านมา Volvo Cars ขายรถไปทั้งหมดจำนวน 698,693 คัน ซึ่งคิดเป็นอัตราการเติบโตเพียง 5.6% เนื่องจากอยู่ในช่วงเผชิญปัญหาการขาดแคลนชิ้นส่วน
สิ่งที่น่ายินดีและถือเป็นความสำเร็จของ Volvo นั่นก็คือยอดขายของรถกลุ่ม Recharge ซึ่งประกอบไปด้วยรถ Plug-in hybrid และรถยนต์ไฟฟ้า 100% มีอัตราการเติบโตกว่า 63.9% เฉพาะรถยนต์ไฟฟ้ามียอดขายเพิ่มขึ้น 452.2% คิดเป็น 27% ของยอดขายรวมในปี 2021 สำหรับภูมิภาคที่มีบริการสั่งจองและส่งมอบผ่านช่องทางออนไลน์ของ Volvo เอง มีอัตราเติบโตสูงถึง 316%
นอกจากนี้ Volvo ยังมีบริการ Volvo Cars’ subscription หรือ CARE BY VOLVO ซึ่งเป็นการเช่าซื้อแบบดูแลครบวงจร โดยจะเปลี่ยนแนวคิดการเป็นเจ้าของรถ Volvo ให้ต่างออกไป ทำให้ทุกคนเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ผ่านทางแพ็คเกจที่คุณเลือกสรรได้ตามความต้องการ นอกจาก Volvo จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้เบ็ดเสร็จแล้ว ยังสามารถยกเลิกการเช่าซื้อได้ด้วยการแจ้งล่วงหน้าอย่างน้อย 3 เดือน ทำให้ลูกค้ามีความยืดหยุ่นมากขึ้น
เมื่อพิจารณายอดขายแต่ละภูมิภาคแล้ว ทวีปยุโรปยังคงทำยอดขายได้สูงสุด เป็นจำนวนมากกว่า 293,471 คัน ถึงแม้จะเพิ่มจากปี 2020 เพียง 1.8% แต่ก็เป็นการแสดงให้เห็นว่า ความต้องการจากทวีปยุโรปยังมีมากพอ และจะมุ่งเน้นไปที่รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ทำให้มียอดขายได้อย่างต่อเนื่อง อันดับที่ 2 รองลงมา คือ ประเทศจีน ซึ่งนอกจาก Volvo จะมีโรงงานเป็นฐานการผลิตแล้ว ก็ยังขายรถยนต์ไปได้ถึง 171,676 คัน คิดเป็นอัตราเติบโต 3% ในขณะที่ สหรัฐอเมริการั้งอันดับ 3 ด้วยยอดขาย 122,173 คัน แต่กลับมีอัตราการเติบโตอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับปี 2020 ที่ 10.9%
รุ่นที่ขายได้มากที่สุด ตกเป็นของ XC60 รถ SUV ขนาดกลาง ที่ขายไปได้มากถึง 215,635 คัน ในปี 2021 ตามมาด้วย SUV ขนาดเล็ก อย่าง XC40 ที่ 201,037 คัน และ XC90 SUV ขนาดใหญ่ จำนวน 108,231 คัน โดยทั้ง 3 รุ่นทำยอดขายได้มากกว่าปี 2020 เป็นอัตราส่วน 12.5% 8.4% และ 17% ตามลำดับ
ที่มา: Volvo
