หลายๆคน อาจนึกไม่ออกว่า ครั้งสุดท้ายที่ Volvo เปิดตัวรถรุ่นใหม่ทั้งคันหนะ เมื่อไหร่?
ถ้านึกกันไม่ออกจริงๆ ผมจะเรียงลำดับให้ก็ได้ว่า หลังจาก พอล สโตรค์ นายใหญ่ฝรั่ง
คนสุดท้ายของ Volvo บินกลับต่างประเทศไป ในคืนวันเปิดตัว XC60 เมื่อช่วงปี 2009
ดูเหมือนว่า Volvo จะมีการแถลงข่าว แนะนำรถรุ่นใหม่ อีกเพียงครั้งเดียว นั่นคือ C30
Minorchange และ S80 2.5 FT รุ่นปรับอุปกรณ์ และปรับช่วงล่าง เมื่อ 16 กุมภาพันธ์ 2010
ที่ผ่านมา
 
 
 
เรารู้ดีว่า หลายคน ที่ยังชื่นชอบในแบรนด์รถยนต์ระดับพรีเมียม จากสวีเดน อย่าง Volvo
ยังคงถามไถ่กันเข้ามาว่า เมื่อไหร่ที่ S60 ใหม่ จะเปิดตัว ออกสู่ตลาดในบ้านเราซะที
และผมก็เป็นคนหนึ่งในนั้น…
 
จนกระทั่งวันนี้ Volvo พร้อมแล้ว ที่จะเปิดตัว S60 ใหม่ Sedan ขนาดกลาง ที่ถือได้ว่า
มีพิกัดท้าชนคู่แข่งอย่าง Mercedes-Benz C-Class และ BMW 3-Series กันอย่างเต็มที่
 
เพียงแต่ว่า…การเปิดตัวครั้งนี้ แตกต่างจาก การเปิดตัวรถรุ่นใหม่ๆ ครั้งที่ผ่านๆมา ของพวกเขา
โดยสิ้นเชิง…
 
 
เพราะว่าคราวนี้ ถึงแม้จะเป็นการกลับมาใช้สถานที่อย่าง Central World ในการจัดงาน แต่ถือว่า
ใช้พื้นที่แตกต่างกัน เพราะ เมื่อครั้งเปิดตัว S80 งานจัดขึ้นที่ ห้องแกรนด์บอลรูม ฝั่งโรงแรม Centara
พอเป็นรุ่น XC60 งานถูกย้ายมาจัดบนอาคารจอดรถ ชั้น 5 และเนรมิตร พื้นที่ใหญ่โต แทน
 
ทว่า ครั้งนี้ Volvo กลับเลือกที่จะสร้างเสียงฮือฮา ด้วยการจับมือกับ คุณภานุ อิงคะวัต ผู้ก่อตั้งแบรนด์
เสื้อผ้าชั้นนำของไทยอย่าง Greyhound และคุณกุลวิทย์ เลาสุขศรี บรรณาธิการบริหาร นิตยสาร
ELLE (Thailand) นำ Volvo S60 ใหม่ ขึ้นมาเปิดตัวบนรันเวย์ ในงาน ELLE Fashion Week 2010
Autumn/Winter at Central World   
 
 
 
โดยงานนี้ ได้คุณ วู้ดดี้ มิลินทจินดา มาเป็นพิธีกรของงาน ในบ่ายวันนี้
ซึ่ง เป็นครั้งแรก ที่ผมได้เห็นคุณวู้ดดี้ ทำหน้าที่พิธีกรสดๆ หลังจากที่
เห็นอยู่ในรายการ วู้ดดี้ เกิดมาคุย ซึ่งต้องยอมรับเลยว่า เป็นพิธีกรที่
เจ๋งมากๆ ในแง่ของการสร้างความสนใจ ให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่
เปิดฉาก จนปิดงาน
 
 
 
โดย ทาง Volvo ได้ร่วมมือกับ Greyhound แบรนด์เสื้อผ้าชื่อดังระดับตำนานของวงการแฟชันเมืองไทย
อย่างแท้จริง จัดทำแฟชันโชว์ ชุดอลังการ พร้อมกับเสื้อผ้าชุดใหม่ ภายใต้ชื่อชุด The Naughty Volvo 
Realized by Greyhound ซึ่งแนวคิดก็คือ จับเอาความสนุกสนานจากการขับขี่สไตล์สปอร์ตที่ให้อิสระ
ได้อย่างคล่องแคล่ว ทันใจ ที่ผสานกับบุคลิกที่กระตือรือร้น เปี่ยมพลัง แต่แฝงด้วยความเรียบหรูมีระดับ
ของตัวรถ Volvo S60 มาเป็นแรงบันดาลใจสำหรับดีไซเนอร์ดังของ Greyhound ในการทำโชว์อลังการ
กับแฟชั่นคอลเล็คชั่นพิเศษเพื่อโชว์บนเวที Elle Fashion Week 2010 ครั้งนี้
 
 
พี่ตุ้ม ฉันทนา วัฒนารมย์ ประธานบริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ Volvo กำลังสร้าง
ปรากฏการณ์ใหม่ เรากำลังเปิดมุมมองเปิดโลกแฟชั่นใหม่ วันนี้ เรากำลังชี้ให้เห็นว่ารถยนต์สามารถเป็น
แรงบันดาลใจในการแสดงออก ถึงสไตล์ส่วนตัว บ่งบอกถึงตัวตน รสนิยม ความชอบ ความปรารถนาของ
ผู้เป็นเจ้าของได้เช่นกัน”
คุณภาณุ อิงคะวัต ผู้ก่อตั้ง Greyhound กล่าวเสริมว่า “ Volvo ขึ้นชื่อว่าเป็นรถยนต์พรีเมี่ยมและเป็นผู้นำ  
ด้านคุณภาพ และความปลอดภัย ใน The All-New Volvo S60 นี้ เราได้เห็นคอนเซ็ปต์การดีไซน์ที่ท้าทายมากขึ้น
โดยเฉพาะการเล่นกับความต่างทั้งในด้านสีสันและวัสดุได้อย่างน่าสนใจ เส้นสายต่างๆ ที่สื่อถึงความสปอร์ต 
บุคลิกที่มีพลัง กระตือรือร้น พร้อมจะก้าวไปข้างหน้าตลอดเวลา เราจึงหยิบเอาจุดเด่นนี้มาเป็นไอเดียในการทำ
โชว์ชุดพิเศษสำหรับ Volvo S60 ใน Elle Fashion Week 2010”
กุลวิทย์ เลาสุขศรี บรรณาธิการบริหาร นิตยสาร ELLE (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า “แฟชั่นคือโลกแห่งจินตนาการ 
ความสร้างสรรค์ที่ไร้ขอบเขต ความร่วมมือระหว่าง Elle Fashion Week, Greyhound และ Volvo ในครั้งนี้ เป็นอีก
หนึ่งความพยายามที่จะสะท้อนให้เห็นว่าแฟชั่นไม่ได้จำกัดอยู่แค่เสื้อผ้าเครื่องประดับที่เห็นกันเป็นประจำบนรันเวย์ 
แต่แฟชั่นสามารถอยู่ได้ในทุกที่ ในของทุกอย่าง ในไลฟ์สไตล์ของเรา รวมถึงรถยนต์ที่เราเป็นเจ้าของ แฟชั่นเป็นโลก
ที่ไร้ขอบเขตจริงๆ และ Elle Fashion Week ยินดีที่ได้ส่งเสริมและสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดการพัฒนาวงการแฟชั่น
อย่างเต็มที่”
 
 
 
ในฐานะ ผู้เข้าชมงาน และเป็นคนกลุ่มแรก ที่ได้มีโอกาส เห็นรูปโฉมคันจริงของ Volvo S60 ใหม่
ต้องยอมรับเลยว่า จากที่เคยคิด เมื่อครั้งเห็นภาพถ่ายชุดแรก ออกสู่สายตาสาธารณชน เมื่อช่วงต้นปี
มาวันนี้ เห็นคันจริงแล้ว ไม่ผิดหวัง เพราะคันจริง ดูสวยกว่าในรูปพอสมควร ว่าแต่ S60 เวอร์ชันไทย
จะเป็นอย่างไรบ้าง รายละเอียดต่างๆ รออยู่แล้ว ข้างล่างนี้
 
 
รูปลักษณ์ภายนอกของ S60 ใหม่นั้น ทีมออกแบบ ได้รับแรงบันดาลใจจากสนามแข่งรถหรือ “Race Track” 
เน้นดีไซน์ที่ลื่นไหล เช่นเดียวกับ แทรครถแข่ง  การออกแบบด้านหน้ารถใหม่ทำให้ดูตัวรถหมอบเตี้ยลง
มีสไตล์สปอร์ตมากขึ้น สะท้อนถึงการเกาะถนนดี และดูเพรียวลมมากขึ้น  ฝากระโปรงท้ายที่ออกแบบอย่าง
ประณีตและความยาวตัวรถจากหน้าจรดท้ายที่สั้นกว่าช่วยเพิ่มความสปอร์ตให้กับ S60 เต็มที่
 
 
นอกจากนี้ ทีมออกแบบของ Volvo พลิกโฉมการออกแบบระบบไฟหน้าใหม่ โดยเพิ่มไฟที่จะเป็น DNA ใหม่
ของ Volvo ที่ข้างกระจังหน้าดีไซน์ใหม่  ใช้เทคโนโลยีไฟ LED ที่ให้แสงเรืองแปลกตากว่ารถใดๆ บนถนน 
การวางตำแหน่งดวงไฟด้านหน้ารถในแนวตั้ง ที่คิ้ว ไฟเลี้ยวทรงยาวบนกระจกมองข้าง และไฟท้ายที่ขอบ
ฝากระโปรงด้านบนทำให้ Volvo S60 มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นยามได้เห็นท่ามกลางถนน
ที่มืดมิด นอกจากนี้ ไฟหน้าแบบหักเหตามพวงมาลัยและปรับระดับขึ้น/ลงโดยอัตโนมัติ (Active Bending Light) 
ยังให้แสงสว่างและสามารถฉายไฟหักเหได้ตามการหมุนพวงมาลัยเลี้ยวตามความโค้งของถนน  ซึ่งจะช่วยเพิ่ม
ทัศนวิสัยในการขับขี่บนถนนที่คดเคี้ยวในยามค่ำ
Volvo S60 เปิดตัวพร้อมโทนสีภายนอกใหม่ที่สะดุดทุกสายตา และเน้นความโดดเด่นของดีไซน์เฉี่ยว โดยเฉพาะ
เฉดสีทันสมัย ทองแดง Vibrant Copper ที่ดูหรูและเน้นความสปอร์ต  สำหรับในประเทศไทย มีโทนสีให้เลือก
ทั้งหมด 6 สี ได้แก่ Vibrant Copper,  Ember Black, Electric Silver, Flamenco Red, Ice White และ
Seashell Metallic
 
 
 การออกแบบภายในห้องโดยสารของ S60 ใหม่ ยังคงมีกลิ่นอายของคอนเซ็ปต์การดีไซน์แบบ “Race track” 
เช่นเดียวกับภายนอกทำให้มีบรรยากาศที่ดูสดใส กระตือรือร้น โดยเฉพาะที่คอนโซลหน้าซึ่งมีเส้นสายที่ลื่นไหล
ต่อเนื่อง สื่อให้เห็นถึงพลังแห่งการเคลื่อนไหว นักออกแบบของวอลโว่ได้เติมสีสัน ความสนุกสนาน และความ
แตกต่างที่ลงตัว ให้กับสไตล์เรียบหรูใช้งานได้จริงแบบสแกนดิเนเวียนแท้ๆ 
 
 
 
เพื่อความสบายของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร Volvo ได้ออกแบบเบาะนั่งแบบสปอร์ตที่มีช่วงนูนขึ้นมารับ
สีข้าง นั่งสบายติดตั้งเป็นมาตรฐาน  ส่วนเบาะหลังมีพื้นที่กว้างขวาง นั่งได้สบายๆ 3 คน  พื้นที่เข่าเพิ่มขึ้น 
30 มิลลิเมตร เมื่อเทียบกับรุ่น S60 เดิม ที่นั่งด้านหลังสามารถพับเบาะได้แบบ 40/60 ส่วนท้ายรถก็เปิดได้
กว้างขึ้นอีก 107 มิลลิเมตรเมื่อเทียบกับรุ่นเดิม
 
 
 
แผงคอนโซลกลางและหน้าปัดทำมุมเอียงหันไปด้านคนขับ เพื่อให้ผู้ขับขี่มองเห็นข้อมูลต่างๆ ที่สำคัญ
ได้สะดวกจากหน้าจอสี 7 นิ้วซึ่งติดตั้งไว้ที่แผงคอนโซลหน้าด้านบน จอดังกล่าวจะแสดงข้อมูลเกี่ยวกับเพลง 
โทรศัพท์เคลื่อนที่ และอื่นๆ นอกจากนี้ ยังติดตั้งจอในตำแหน่งค่อนข้างสูงเพื่อให้ผู้ขับมองเห็นข้อมูลและ
ถนนได้อย่างชัดเจนพร้อมๆ กัน การออกแบบตำแหน่งการวางอุปกรณ์ต่างๆ อยู่ในระยะที่ผู้ขับขี่สามารถ
เอื้อมถึงปุ่มบังคับต่างๆ ได้สะดวก  พวงมาลัยแบบสามก้านนอกจากจะสามารถปรับระดับสูงต่ำ ใกล้ไกลได้ 
ยังติดตั้งปุ่มบังคับควบคุมระบบการทำงานต่างๆ บนพวงมาลัยเพื่อความสะดวกในการใช้งานด้วย
ด้านอุปกรณ์ความบันเทิง ถือเป็นรถยนต์รุ่นแรกที่มาพร้อม MultEQ มีชุดเครื่องเสียงแบบ High Performance 
Multimedia (Level 3) 4×40 วัตต์ พร้อมลำโพง 8 ตัว ให้เสียงคมชัดด้วยระบบดอลบี ดิจิตอล ที่ให้คุณภาพ
ระดับเดียวกับที่ใช้ในระบบโฮมเธียเตอร์และโปรเฟสชั่นแนลเธียเตอร์ และเทคโนโลยี MultEQ ที่สามารถ
แก้ไขปัญหาเสียงเพี้ยนของเครื่องดนตรี  ทำให้ได้คุณภาพเสียงที่คมชัด น่ารื่นรมย์สำหรับทุกคนในรถ  
นอกจากนี้ยังมีพอร์ตสำหรับเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ เช่น iPod และสามารถเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือผ่าน
Bluetooth และดึงเพลงจากในโทรศัพท์มือถือมาเล่นในระบบเครื่องเสียงในรถยนต์ได้ในระบบ audio streaming 
เพื่อความสุนทรีย์กับเครื่องเสียงคุณภาพสูง
 
 
ขุมพลังของ S60 เวอร์ชันไทย ล็อตแรกนี้ เป็นเครื่องยนต์ บล็อก 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 1,998 ซีซี หรือ 2.0  ลิตร
GTDi (Gasoline Turbocharged Direct Injection) รีดกำลังได้ถึง 203 แรงม้า (HP) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 
300 นิวตันเมตร ที่ 1,750-4,000 รอบต่อนาที  สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงได้ภายใน 8.2 วินาที  
ความเร็วสูงสุด 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 
Turbocharger ของ Volvo ให้ประสิทธิภาพสูงสุด เพราะให้กำลังเครื่งอยนต์ออกมาสูงทั้งๆ ที่มีขนาดเล็ก  ส่วน
ท่อไอเสียใหม่และเทอร์โบทำจากแผ่นเหล็กเกรดพิเศษอัดขึ้นรูปแทนที่จะเป็นโลหะหล่อขึ้นรูปที่หนักกว่า และ
ให้ประสิทธิภาพในการดึงพลังงานออกจากไอเสียมาใช้งานน้อยกว่า แม้ว่าท่อไอเสียที่ทำจากแผ่นเหล็กจะ
ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ก่อนหน้านี้ก็มีการใช้เฉพาะร่วมกับเทอร์โบชนิดโลหะหล่อขึ้นรูปเท่านั้น ระบบเทอร์โบใหม่
ที่ใช้แผ่นเหล็กจึงนับว่าเป็นอีกนวัตกรรมหนึ่งที่จดสิทธิบัตรโดย Volvo
 
 
ส่งกำลังสู่ล้อคู่หน้า ด้วยเกียร์อัตโฯมัติ Dual Clutch Power Shift 6 จังหวะ 
นอกจากนี้ S60 ใหม่ ยังมีจุดเด่นสำคัญ ที่เหนือกว่ารถยนต์อื่นใด นั่นคือ มีการติดตั้ง 
ระบบตรวจจับคนเดินถนนและระบบเบรกอัตโนมัติแบบ เต็มแรงเบรก (Pedestrian 
Detection with Full Auto Brake) นับเป็น นวัตกรรมเทคโนโลยีแรกของโลก ระบบ
ดังกล่าวมีกล้องพร้อมเรดาร์ ที่สามารถตรวจจับได้เมื่อมีคนเดินถนนอยู่ด้านหน้าของ
ตัวรถ ก่อนจะส่งสัญญาณเตือนผู้ขับเมื่อคนเคลื่อนเข้ามาในรัศมีทางเดินของรถ และ
จะช่วยหยุดรถแบบเต็มแรงเบรกหากผู้ขับขี่ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ อย่างทันท่วงที
 
 
 ระบบตรวจจับคนเดินถนนและช่วยในการหยุดรถแบบแบบเต็มแรงเบรก ประกอบด้วย 
เรดาร์ที่พัฒนาขึ้นใหม่ติดตั้งอยู่ที่กระจังหน้าของรถ กล้องที่ติดอยู่ด้านหลังของกระจก
มองหลัง และกล่องควบคุมระบบ เรดาร์มีหน้าที่ตรวจจับว่ามีวัตถุอยู่ด้านหน้าของรถ 
และวัดระยะห่างจากวัตถุนั้น ส่วนกล้องก็จะยืนยันว่าวัตถุนั้นคืออะไร เป็นโครงสร้าง
ของมนุษย์ คือ มีศีรษะ ลำตัว แขน ขา หรือไม่ 
เรดาร์ใหม่นี้มีมองภาพมุมกว้างได้มากถึง 60 องศา สามารถตรวจจับได้กระทั่งคนที่เพิ่งจะ
ก้าวลงมาบนถนน กล้องนี้มีความละเอียดสูงกว่ารุ่นเดิมมาก ทำให้สามารถตรวจจับรูปแบบ
การเคลื่อนไหวของคนเดินถนนนั้นได้ด้วย
ระบบเบรกอัตโนมัติ จะต้องรับข้อมูลที่แน่นอนจากทั้งเรดาร์และกล้องก่อนว่ามีวัตถุหนึ่ง
จริงจึงจะทำงาน  และด้วยเทคโนโลยีเซ็นเซอร์ล่าสุดของเราทำให้เราพัฒนาระบบที่
สามารถเบรกอย่างเต็มแรงได้
การตรวจจับคนเดินถนนได้อย่างแม่นยำเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและท้าทายความสามารถมาก 
เทคโนโลยีใหม่ของ Volvo ถูกโปรแกรมมาให้ติดตามรูปแบบการเคลื่อนไหวของคนเดิน
ถนนได้ และคำนวณได้ว่าคนๆ นั้นมีแนวโน้มจะก้าวลงมาเดินบนทางเดินรถทางด้านหน้า
ของรถหรือไม่  ระบบนี้สามารถตรวจจับได้ตั้งแต่คนที่มีความสูงตั้งแต่ 80 เซ็นติเมตรขึ้นไป 
ทำให้สามารถตรวจจับได้กระทั่งการเคลื่อนไหวของเด็กเล็กๆ
 
 
 ในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน ผู้ขับขี่จะได้ยินเสียงสัญญาณเตือนพร้อมกับเห็นไฟกระพริบที่
หน้าปัดด้านบนของกระจกหน้ารถ  สัญญาณเตือนเหล่านี้จะมีลักษณะคล้ายไฟเบรกเพื่อ
กระตุ้นให้ผู้ขับขี่มีปฏิกิริยาทันที  ขณะเดียวกันระบบเบรกก็จะชาร์จเตรียมไว้ หากผู้ขับขี่
ไม่เหยีบเบรกเมื่อได้ยินและเห็นสัญญาณเตือน แต่ระบบคำนวณว่าจะเกิดอุบัติเหตุแน่ๆ 
ระบบหยุดรถแบบเต็มแรงเบรกจะทำงานทันที
อย่างไรก็ดี เทคโนโลยีใหม่นี้ก็ยังมีข้อจำกัดเช่นเดียวกับตามนุษย์ คือ จะสามารถทำงานได้
อย่างเต็มประสิทธิภาพในเวลาที่มีแสงแดดเต็มที่  แต่จะ “มอง” ไม่ถนัดเมื่ออยู่ในที่ที่มี
แสงน้อยหรือเมื่อสภาพอากาศภายนอกไม่ดี และจะทำงานได้ดี เมื่อใช้ความเร็ว ไม่เกิน
35 กิโลเมตร/ชั่วโมง
Volvo ได้ใช้เวลาถึง 5 ปี ในการพัฒนาระบบนี้ โดยก่อนหน้าออกสู่ตลาด Volvo ได้ติดตั้ง
ระบบนี้ในรถทดสอบและมีการทดสอบในพี้นที่ต่างๆ ทั่วโลก เพื่อให้ครอบคลุมรูปแบบ
การขับขี่ สภาพถนน และสภาวะอากาศที่แตกต่างกัน และเพื่อ “ฝึก” ระบบให้สามารถอ่าน
และคาดการณ์รูปแบบการเคลื่อนไหวของคนเดินถนน รวมทั้งรูปร่างของคนที่แตกต่างกัน
ในประเทศและวัฒนธรรมต่างๆ  ยิ่งไปกว่านั้นเรายังได้ใช้ข้อมูลที่รวบรวมได้จากการ
ทดสอบเหล่านี้มาใช้ในการกำหนดสถานการณ์จำลองในระบบคอมพิวเตอร์ซิมูเลชั่นอีกด้วย
 
แค่นั้นยังไม่พอ Volvo ยังอัดอุปกรณ์ด้านความปลอดภัยมาให้อย่างแน่นขนัด ไม่ว่าจะเป็น
ระบบควบคุมความเร็วรถแบบแปรผัน พร้อมฟังก์ชั่นหยุด/ออกตัวรถอัตโนมัติ และระบบแจ้งเตือน
ระยะห่างจากรถคันหน้า (Adaptive Cruise control with Queue Assist and Distance Alert – ACC)   
ช่วยให้ผู้ขับขี่ทิ้งระยะห่างเพื่อความปลอดภัยจากรถคันหน้าในทุกระดับความเร็วตั้งแต่ต่ำสุด จนถึง 
200 กิโลเมตร/ชั่วโมง  ในการจราจรที่เคลื่อนตัวช้าที่ระดับความเร็วต่ำกว่า 30 กิโลเมตร/ชั่วโมง  
ระบบ หยุดรถและออกตัวรถอัตโนมัติจะปรับระดับความเร็วของรถให้พอดีกับคันหน้า และถ้าใช้ความเร็ว
สูงกว่า 30 กิโลเมตร/ชั่วโมง ก็สามารถตั้งความเร็วรถที่ต้องการและช่วงระยะวลาน้อยที่สุดที่รถจะวิ่ง
ไปถึงคันหน้า  ระบบจะปรับความเร็วให้สอดคล้องกับคันหน้าได้โดยอัตโนมัติ หรือแสดงไฟเตือน
ถ้าเข้าใกล้คันหน้ามากเกินไป
ระบบเตือนจุดบอดด้านข้างรถ (Blind Spot Information system – BLIS) ซึ่งจะติดตั้งเป็นมาตรฐาน
ในรถรุ่นนี้ มีกล้องดิจิตอลไว้ใต้กระจกมองข้าง หันไปทางด้านหลังรถ เพื่อเฝ้าระวังทั้งสองข้างของรถ  
หากมียานพาหนะเข้ามาในโซนจุดบอด ระบบนี้จะเตือน โดยหลอดไฟที่ติดอยู่กับประตูหน้าด้านซ้าย
หรือขวาจะสว่างขึ้น  ระบบนี้จะทำงานเมื่อความเร็วรถมากกว่า 10 กิโลเมตร/ชั่วโมง 
มีระบบช่วยจอดได้อย่างปลอดภัยด้วยกล้องช่วยจอด (Park Assist camera) ทางด้านหลัง เซ็นเซอ
ร์ช่วยจอดทั้งด้านหน้าและหลังประกอบกับกล้องส่องด้านหลังซึ่งเป็นอุปกรณ์ติดตั้งจากโรงงาน 
และกล้องหน้าซึ่งเป็นอุปกรณ์เสริมที่ติดตั้งไว้ที่กระจังหน้ารถสามารถให้มุมมองกว้าง 180 องศา 
ช่วยให้จอดหรือบังคับรถได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อต้องขับผ่านทางแยก ทางเลี้ยว
ที่มุมแคบหรือเมื่อจอดรถ
ไปจนถึง ระบบป้องกันการชนขณะขับขี่ความเร็วต่ำ (City Safety) เป็นระบบมาตรฐาน ระบบนี้จะ
หยุดรถอัตโนมัติหากผู้ขับขี่ไม่ได้เหยียบเบรกอย่างทันการณ์เมื่อรถคันหน้าลดความเร็วหรือหยุด 
หรือเมื่อคนขับใช้ความเร็วมากเกินไปทำให้รถพุ่งเข้าหาวัตถุที่อยู่นิ่งๆ ข้างหน้า  ระบบนี้จะช่วยลด 
หรือเลี่ยงการเกิดอุบัติเหตุโดยเฉพาะการพุ่งเข้าชนรถคันหน้าเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วต่ำกว่า 30 กิโลเมตร/
ชั่วโมง
 
 
ไม่เพียงเท่านั้น Volvo S60 เป็นซีดานรุ่นแรกที่ติดตั้งระบบ Advanced Stability Control หรือการควบคุม
การทรงตัวที่ล้ำสมัย  ที่มีอุปกรณ์ตรวจสอบอัตราการโคลงตัวของรถและเซ็นเซอร์ตรวจสอบอัตราเร่ง เพื่อ
ตรวจจับการลื่นไถลตั้งแต่เริ่มต้น และชดเชยด้วยอัตราที่ถูกต้อง เพื่อปรับเสถียรภาพของรถ  ส่วน ระบบ
ควบคุมการทรงตัวและยึดเกาะถนนแบบไดนามิก (Dynamic Stability and Traction Control – DSTC) 
ที่มาพร้อม Sport Mode ช่วยควบคุมการทรงตัวป้องกันรถจากอาการท้ายปัด หมุน หรือพลิกคว่ำ  และเมื่อ
อยากขับแบบสปอร์ต ก็สามารถเลือก Sport Mode  หากผู้ขับต้องการอารมณ์การขับขี่แบบสนุกและเร้าใจ
ยิ่งขึ้น โดยที่ระบบจะยอมให้ล้อหลังมีการหมุนฟรีเล็กน้อย 
อีกทั้งยังมี ฟังก์ชั่นควบคุมการเข้าโค้งโดยการถ่ายเทแรงบิด (Corner Traction Control by Torque Vectoring) 
ช่วยให้รถเข้าโค้งได้นุ่มนวลมากขึ้น  เทคโนโลยีใหม่นี้ เป็นการพัฒนาระบบ DSTC ให้ดีขึ้น เมื่อเข้าโค้ง 
ล้อที่อยู่ด้านในของโค้งจะเบรกพร้อมกับถ่ายทอดกำลังไปยังล้อที่อยู่ด้านนอกมากขึ้น ทำให้ผู้ขับสามารถเข้าโค้ง
ในวงแคบได้มากขึ้น และลดความเสี่ยงที่จะเกิดอาการดื้อโค้งด้วย
ระบบป้องกันรถคว่ำ (Rollover Protection System – ROPS) ติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานใน S60 ใหม่ โดยใช้
เทคโนโลยีเซ็นเซอร์ที่ล้ำยุคและระบบปรับระดับความตึงของเข็มขัดนิรภัย  นอกจากนี้ม่านนิรภัยด้านข้าง 
(Inflatable Curtain) จะทำงานเมื่อรถคว่ำ  เมื่อผนวกกับโครงสร้างนิรภัยของรถแล้ว ก็จะช่วยลดการบาดเจ็บ
ของผู้โดยสารที่ใช้เข็มขัดนิรภัยไว้ด้วย
โครงสร้างทางตอนหน้าของ S60 ใหม่ ถูกแบ่งออกเป็น 4 โซน แต่ละโซนมีหน้าที่แตกต่างกันในยามเกิดอุบัติเหตุ  
เครื่องยนต์ที่วางแนวขวางช่วยเพิ่มพื้นที่ว่างเพื่อรองรับการยุบตัวของตัวถัง และช่วยลดความเสี่ยงที่ตัวถังจะยุบ
เข้ามาถึงห้องโดยสารเมื่อเกิดการชนด้านหน้า
S60 ใหม่มีเข็มขัดนิรภัยแบบปรับความตึงได้สำหรับทุกที่นั่ง  มีระบบ Pre-prepared Restraints (PRS) ที่ช่วย
ปรับการทำงานของถุงลมนิรภัย ขณะที่ระบบ load limiter จะช่วยคำนวณและปรับแรงดึงกลับของเข็มขัดนิรภัยใ
ห้เหมาะสม เพื่อให้การปกป้องสูงสุดสำหรับการเกิดอุบัติเหตุแต่ละครั้ง
นอกจากนี้ยังมีระบบความปลอดภัยอื่นๆ อีกมากมาย ได้แก่ ระบบกระจายแรงกระแทกจากการชนด้านข้าง 
(Side Impact Protection System – SIPS) ถุงลมนิรภัยด้านข้างที่นั่ง ม่านนิรภัยด้านข้าง (Inflatable Curtain) 
และระบบปกป้องการบาดเจ็บของกระดูกต้นคอและหลังที่เกิดจากการสะบัดของศีรษะ (Whiplash Protection 
System – WHIPS) ซึ่งเป็นหนึ่งในระบบความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพที่สุดในตลาดรถยนต์ปัจจุบันที่ช่วย
ลดความเสี่ยงจากการบาดเจ็บที่คอเมื่อรถถูกชนหลังในสถานการณ์ต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นจริง เช่น การชนจาก
ด้านข้างทั้งสองด้านของตัวรถ  Volvo ได้รวมข้อมูลจากเครื่องวัดความเร็วในรถและเครื่องวัดการโคลงตัวของรถ 
เพื่อควบคุมการทำงานของม่านลมนิรภัย ระบบกระจายแรงกระแทกจากการชนด้านข้าง ถุงลมนิรภัย และ
เข็มขัดนิรภัยในการชนแต่ละครั้ง
 
 
 
Volvo S60 ใหม่ นำเข้าสำเร็จรูปทั้งคัน จากโรงงาน Ghent ใน เบลเยียม พร้อมให้เป็นเจ้าของได้แล้ว 
ในราคาเพียง 2,990,000 บาท  ซึ่งน่าตกใจมากว่า คราวนี้ Volvo ทำราคาเปิดตัวได้ถูกมากๆ ทั้งที่
เป็นรถยนต์นำเข้า สำเร็จรูปทั้งคัน รถจะขึ้นอวดโฉมต่อ ที่ Central World ช่วงสุดสัปดาห์นี้ และที่โชว์รูม
Volvo ทุกแห่ง ทั่วประเทศไทย
 
ส่วน รีวิว รถคันนี้จาก Headlightmag.com ดูเหมือนคงยังต้องรอต่อไป… 
 
———————————-///————————————